อีกไม่กี่วันข้างหน้ายูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก หรือ UCL รอบชิงชนะเลินระหว่างเสือเหลืองโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับราชันชุดขาวเรอัลมาดริดก็จะเปิดฉากขึ้น บุสรุปของเจ้ายุโรปกำลังจะได้ข้อสรูป แต่อย่างที่ทราบกัน เหล่ากูรูต่างเทใจให้ราชัยกันค่อนโลก งั้นลองมามองอีกมุมให้คิดใหม่ว่าทำไมเสือเหลืองที่เคยได้แชมป์รายนี้เมื่อปี 1997 จึงสามารถครองตำแหน่งแชมป์ได้ในครั้งนี้1) เกมที่จะหนีฝันร้ายแห่งเวมบลีย์เป็นเวลากว่า 11 ปีแล้ว ที่อดีตนายใหญ่เสือเหลืองอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์พาสโมสรแห่งนี้เข้าสู่การเกลือบได้ครองแชมป์UCLสมัยที่สองในการเจอกับคู่แข่งชาวเยอรมันอย่างบาเยิร์น มิวนิค แต่ในท้ายที่สุดก็ตกรอบอย่างน่าเสียดาย ซึ่งประตูชัยช่วงท้ายของ อาร์เยน ร็อบเบน และคว้าชัยชนะ 2-1 ทำให้ฝันสลายไปในที่สุด ซึ่งหากยังจำกันได้ เกมนั้นก็ใช้สนามเวมบลีย์ เฉกเช่นเกมนัดชิงชนพเลิศที่จะเกิดขึ้นกับเรอัลมาดริดในวันที่ 2 มิถุนายน 2567 ซึ่งหมายความว่าดอร์ทมุนด์จะกลับไปสู่ฉากที่อกหักครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป ฉะนั้นนี่เป้นโอกาสอันดีที่จะลบฝันร้ายกว่า 11 ปีนี้ออกไปจากเหล่าสาวกเสือเหลือง2) ปิดม่านที่สมบูรณ์แบบของ มาร์โก รอยส์ณ ตอนนี้เหลือผู้เล่นเพียงสองคนที่ลงเล่นกับบาเยิร์นในปี 2013 เท่านั้นนั่นก็คือมัทส์ ฮุมเมิลส์และ มาร์โก รอยส์ ซึ่งรายหลังก็ได้กล่าวอำลาต่อหน้าแฟนบอลไปเป้นที่เรียบร้อย ที่สนามซิกนัล อิดูน่า พาร์กและนักเตะทีมชาติเยอรมนีซึ่งควรจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร มันจะสมบูรณ์แบบและสวยงามากยิ่งขึ้นหากเขาได้ชูถ้วยแชมป์UCL จนถึงตอนนี้ มาร์โก รอยส์ อยู่อันดับสองของผนักเตะที่ทำประตูตลอดกาลด้วยการยิง 170 ประตู เป็นรองเพียงแค่อาดี้ พรอยส์เลอร์ ที่ทำได้ 177 ประตูเป็นสิ่งหนึ่งที่มาร์โก รอยส์ก็คือถ้วยรางวัลแชมป์ที่สมบูรณ์แบบ นักเตะรายนี้ได้สวมเครื่องแบบสีเหลืองในปี 2012 ซึ่งเป็นฤดูกาลหลังจากเสือเหลืองได้แชมป์บุนเดสลีกาสมัยที่สองติดต่อ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาคว้าแชมป์ไมสเตอร์สชาเล่ จนถึงตอนนี้ ชายผู้นี้มีเพียงถ้วย DFB สองครั้งเท่านั้น และคงไม่มีวิธีใดที่จะดีไปกว่าการกล่าวคำอำลากับนักเตะคนใดคนหนึ่งไปมากกว่าการคว้ารางวัลใหญ่ที่สุดของฟุตบอลยุโรป ซึ่งจะเป็นการสร้างเรื่องราวที่สวยงามของวงการลูกหนังอีกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้3) ฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมบนเวทียุโรปโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ไม่ได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศมาง่ายๆ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Group Of Death ซึ่งยังไม่รวมถึเอาชนะแชมป์ลีกเอิงปารีสแซงต์แชร์กแมง, นิวคาสเซิลยูไนเต็ดและเอซีมิลาน แม้จะแพ้เกมแรกให้กับเปแอสเช แต่ ลูกทีมของ เอดิน เทอร์ซิชก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่เพียงแต่ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์เท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาอยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่มอีกด้วยรางวัลของพวกเขาคือรอบ 16 ทีมเสมอกับชุดเอเรดิวิซี่ พีเอสวี ซึ่งแพ้เพียงเกมเดียวในประเทศเมื่อถึงจุดนั้น ในที่สุด Die Schwarzgelbenก็ก้าวหน้าไปได้อย่างสบายๆ โดยชนะด้วยสกอร์รวม 3-1 ก่อนที่จะเอาชนะแอตเลติโก มาดริดด้วยสกอร์รวม 5-4 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ตลอดการเดินทางครั้งนี้เสทอเหลืองต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย แต่ก็ผ่านการทดสอบแต่ละครั้งอย่างยอดเยี่ยม นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเหล่าขุนพลเสือเหลืองเหมาะสมที่จะคว้ามแชมป์UCL4) แนวรับที่แข็งแกร่งความสำเร็จส่วนใหญ่ของดอร์ทมุนด์ในฤดูกาลนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งในแนวรับ พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ 6 นัดในการแข่งขันปีนี้ ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1997/98 และยังทำประตูได้ 19 ใน 10 เกมในรอบรองชนะเลิศทั้งสองนัด โทมัส ฮุมเมลส์ คือหัวใจหลักของแนวรับ มาถึงตรงนี้ด้วยสถิติที่ไม่โกหกก็พอบอกได้ว่า ไม่ใีครจะมาเจาะแนวรับได้ง่าย ๆ สถิติแสดงให้เห็นว่าแนวรับดอร์ทมุนด์แข็งแกร่งแค่ไหน กองหลังคู่กลางเป็นผู้นำในทัวร์นาเมนต์ปีนี้ทั้งแย่งบอลและสกัดบอลได้ ขณะที่โทมัส ฮุมเมลส์ยังทำประตูสำคัญในเกมที่เจอกันเปแอชเช5) การโจมตีที่ไม่ตายตัวราชันชุดขาวมีแนวรุกที่ใช้เปณประจำอาทิเช่น จูด เบลลิงแฮม , วินิเซียส จูเนียร์ และโรดรีโก้ ซึ่งนั่นทำให่คู่แข่งนั้นพอจะจับทางได้อยู่บ้าง และวางแผนรับมือได้พอสมควร แต่สำหรับเสือเหลือง มักจะเห็นหลายต่อหลายเกมที่ไม่ได้จะฝากวความหวังไว้ที่ เจดอน ซาน,ดอนเยลล์ มาเลน , คาริม อเดเยมี , และจูเลียน บรันด์ท ซึ่งเป็นแนวรุกของทีม แต่ยังมี นิคลาส ฟูลครูก ที่มักจะเป็นตัวสอดแทรกที่ทำอะไรมากกว่าแค่ส่งบอลเข้า เพราะด้วยสภาพร่างกายและความแข็งแกร่ง ทำให้สามารถครองบอลทำได้ดีตัดบอลได้แม่น เอาตัวรอดในพื้นที่แคบได้นั่นทำให้สามารถสร้างรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย ทั้งในการวางบอลยาว ครองบอลเพื่อเผาเวลา รวมไปถึงการที่จะสลับกันเลานซ้านขวาของแนวรุกเพื่อสร้างความสับสนใก้กองหลังในการประกบตัวอีกด้วย ฉะนั้นแล้วนี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมถึงทำให้เสทอเหลืองผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศนี้ได้แต่ไม่ว่าบลสรุปในการคว้าแชมป์ UCLจะอยู่ที่ทีมใด ประวัติศาสตร์ก็จะจารึกและจะเป็นบทสรุปที่สวยงามอีกหนึ่งฤดูกาลเสมอ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าอะไรที่แน่นอนก็มักจะไม่แน่นอนในโลกของฟุตบอล ลูกกลม ๆ ที่กลิ้งบนผืนหญ้าสีเขียว อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 ชิงชนะเลิศ :โบรุสเซียดอร์ทมุนด์ พบกับ เรอัลมาดริดสนาม: สนามกีฬาเวมบลีย์วันที่: 2 มิถุนายน 2024เวลา: 02:00 น.ลิงค์ดูบอล :beIN SPORTS 3ข่าวที่เกี่ยวข้องยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เวทีของทีมที่พร้อมในทุกด้านเรอัล มาดริด vs เชลซี วิเคราะห์บอล บารมีราชันไม่หวั่นสิงห์บลู ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เครดิตภาพปก twitter.com/realmadriden :: ภาพที่ 1 , twitter.com/BVB :: ภาพที่ 2เครดิตภาพประกอบ twitter.com/BVB :: ภาพที่ 1, ภาพที่2 ,ภาพที่ 3 ,ภาพที่ 4 ,ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 , uefa.com :: ภาพที่ 7ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !