การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย แค่เตรียมกายและใจให้พร้อมก็ไปออกวิ่งกันได้ แต่เท่านั้นไม่พอค่ะเพราะการวิ่งเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่อาจเกิดแรงกระแทกสูง อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่ายด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การออกกำลังกายของคุณต้องสะดุดไม่สนุกอย่างที่ต้องการ ดังนั้นเพื่อการวิ่งที่สนุกไม่ให้บาดเจ็บได้ง่าย เราจึงนำ 5 ทริควิ่งไม่ให้บาดเจ็บ เทคนิคที่มือใหม่ต้องรู้มาแชร์ให้คนที่กำลังจะออกวิ่งได้นำไปปรับใช้กันค่ะ ทำอย่างไรบ้างไปดูกันเลย 1. เตรียมรองเท้าที่เหมาะสม การวิ่งมีอุปกรณ์สำคัญซึ่งนักวิ่งไม่ควรละเลย นั่นคือ"รองเท้าวิ่ง" อันเปรียบเสมือนอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเลือกรองเท้าให้เหมาะกับแต่ละคนนั้นอาจมีหลายปัจจัยที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญเราควรได้ลองใส่รองเท้าที่จะใช้นั้นด้วยตนเอง ว่าเข้ากับสรีระเท้าของเราหรือไม่ น้ำหนักและความนุ่มนวลเข้ากับความต้องการหรือไม่ และควรเลือกเป็นรองเท้าที่ใช้สำหรับวื่งเท่านั้น เพราะรองเท้าวิ่งจะถูกออกแบบมาเพื่อรองรับและกระจายแรงกระแทกได้ดี ทำให้เราวิ่งได้อย่างปลอดภัยค่ะ 2. ยืดกล้ามเนื้อและวอร์มร่างกายให้เพียงพอก่อนออกวิ่ง การเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนออกวิ่่งนั้นเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ควรให้เวลาสัก 3-5 นาที เพื่อยืดกล้ามเนื้อและอุ่นเครื่องเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อ ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มด้วยแกว่งแขน หมุนข้อ หมุนขา หรือท่าออกกำลังกายเบาๆเช่น กระโดดตบ(Jumping jacks) ท่ายกเข่าสูง(High Knee) สควอท(squat) วิ่งเตะก้น(Butt Kicks) เป็นต้น แล้วค่อยเริ่มเดินเร็วหรือการวิ่งเบา ๆ 3. จัดร่างกายและท่าวิ่งให้ถูกต้อง ท่าทางการวิ่งที่ถูกต้องจะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานและป้องกันการบาดเจ็บได้อีกทาง โดยขณะวิ่งควรมองตรงไปข้างหน้า ไม่ก้มหรือเงยหน้าจนเกินไป ผ่อนคลายร่างกายไม่เกร็ง แขนวางในมุม 90 องศาและแกว่งตามธรรมชาติ ลำตัวตั้งตรงโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย การวางเท้าควรลงด้วยส้นหรือกลางเท้าให้ใด้ศูนย์ถ่วงของร่างกาย ไม่ก้าวยาวเกินไป วิ่งในจังหวะที่เป็นธรรมชาติของร่างกายไม่เร็วหรือช้าจนเกินไปจะช่วยให้ไม่เหนื่อยมากอีกด้วย 4. วิ่งแบบไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป เมื่อเริ่มวิ่งแรกๆร่างกายเราจะยังไม่ชิน เราจึงมีเทคนิคง่ายๆที่ไม่ฝืนร่างกายจนเกินไป โดยใช้วิธีการวิ่งแบบสลับเดินเร็ว ซึ่งเป็นเป็นหลักการสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายได้พักฟื้นและปรับตัว ซึ่งหากเราเหนื่อยแล้วฝืนวิ่งหนักอย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่การบาดเจ็บได้ เราสามารถเช็คร่างกายเป็นระยะๆโดยอาจใช้สมาร์ทวอทซ์ช่วยวัด หรือหากเรายังสนทนาได้ก็ถือว่าเป็นการวิ่งที่ไม่หนักเกินไปร่างกายยังรับได้ นอกจากนั้นการจัดให้มีวันพักระหว่างการฝึกวิ่งจะช่วยให้ร่างกายได้พักซ่อมแซมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้5. ยืดกล้ามเนื้อและคลูดาวน์หลังวิ่งเสร็จทุกครั้ง การคูลดาวน์หลังวิ่งก็มีความสำคัญไม่แพ้การวอร์มร่างกาย ซึ่งก่อนหยุดวิ่งเราควรเดินเบา ๆ หรือวิ่งช้า ๆ เป็นเวลา 5-10 นาที เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แล้วตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อโดยเน้นกล้ามเนื้อหลัก เช่น น่อง หน้าขา หลังขา และสะโพก การยืดเส้นช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น และป้องกันอาการปวดเมื่อยในวันถัดไป หากในขณะที่เราวิ่งหรือขณะพักเริ่มรู้สึกเจ็บแปลบ ปวดแปลบ และปวดเพิ่มขึ้นขณะวิ่ง หรือมีอาการบวมช้ำ บริเวณที่ส่งผลต่อการวิ่ง เราก็หยุดพักการวิ่งและทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นซึ่งหากอาการไม่ดีขึ้นก็ควรพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกต้องต่อไปค่ะ การวิ่งอย่างปลอดภัยไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บนั้นต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดีมีเทคนิคที่เหมาะสมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งจะช่วยให้เพื่อนสนุกเพลิดเพลินกับการออกกำลังกายด้วยการวิ่งและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายในหลายๆส่วน ซึ่งเทคนิคที่เรานำมาแชร์ในครั้งนี้ก็มาจากคำแนะนำจากหลายๆที่แล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเรา เมื่อลองแล้วใช้ได้ดีจากประสบการส่วนตัวจึงอยากแชร์ให้นำไปลองทำตามกันดู เพื่อให้วิ่งได้ตามเป้าหมายและมีความสุขกับการวิ่งกันไปนานๆเลยค่ะ รูปหน้าปกและภาพประกอบทั้งหมดถ่ายทำโดย Noonee ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !