ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเกมที่ 30 ของลิเวอร์พูลที่สนาม Anfield เป็นการเจอกับทีมวัตฟอร์ด และจบลงไปแล้วด้วยชัยชนะ 2-0 จากการโหม่งทำประตูของ ดิเอโก้ โจต้า ในนาที 22 และอีกประตูได้จากลูกจุดโทษของ ฟาบินโญ่ ในช่วงท้ายเกมนาที 89 ทำให้มี 72 คะแนนขึ้นไปนำจ่าฝูงแบบชั่วคราว ต้องไปรอลุ้นผลของแมนซิตี้ในช่วง 21:00 น.อีกทีคุยหลังเกม ในวันนี้เราจะลองมาดูประเด็นที่น่าสนใจ และจุดเปลี่ยนสำคัญในเกมนี้กันสำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงในวันนี้มีการปรับเปลี่ยนทีมในบางตำแหน่ง โจ โกเมซ ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวาแทนที่ของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่พึ่งหายเจ็บกลับมาเป็นตัวสำรอง ในแดนกลางกัปตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาเล่นในตำแหน่งกลางรับแล้วให้ดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาช่วยทำเกมตรงกลาง แดนหน้าใช้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ลงเล่นก่อน ซาดิโอ มาเน่ ที่พึ่งกลับมาจากรับใช้ชาติได้ไม่นานเกมวันนี้ต้องบอกว่าเป็นเกมที่ลิเวอร์พูลเล่นกันได้ไม่ดีเลยฟอร์มการเล่นต่ำกว่ามาตรฐานอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายครองเกมได้มากกว่าเป็นส่วนใหญ่ 74% และหาโอกาสยิงได้มากถึง 20 ครั้ง แต่ยิงเข้ากรอบไปแค่เพียง 3 ครั้งเท่านั้น นอกนั้นเป็นการยิงไกลและยิงออกไปแบบไม่ได้ลุ้นซะเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ทีมเยือนก็มีโอกาสสวนกลับมาได้ลุ้นประตูอยู่เหมือนกัน เราลองมาจังหวะสำคัญและจุดเปลี่ยนของเกมนี้กันจังหวะได้ประตูขึ้นนำของลิเวอร์พูล ความจริงในจังหวะนี้ในนาที่ 21 เป็นวัตฟอร์ดที่น่าจะเป็นฝ่ายได้ประตูเมื่อมีโอกาสหลุดขึ้นมาทางซ้ายได้ยิงโล่งๆ แต่เป็นอลิสซอน เบ็คเกอร์ ที่ช่วยเซฟชีวิตของลิเวอร์พูลเอาไว้ได้อีกครั้ง และในจังหวะต่อเนื่องนี้เองลิเวอร์พูลได้ขึ้นเกมมาทางขวา โจ โกเมซ ได้เปิดเข้าเขตโทษแล้วเป็น ดิเอโก้ โจต้า พุ่งเข้ามาโหม่งบอลเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 ในนาที 22 ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้เลยจากที่จะเสียประตูกลายเป็นได้ประตูขึ้นนำ ในจังหวะนี้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ คืออีกคนคนที่ควรได้รับคำชมไม่ต่างจากคนยิงประตูเลยเกมรุกทางขวาที่หายไปการถอยเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาเป็นกลางรับแล้วส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาช่วยทำเกมทางขวาทำให้เกมวันนี้ดูไม่ไหลื่นเท่าที่ควร เคอร์ติส โจนส์ ยังทำหน้าที่ทางขวาได้ไม่ดีนักแทบไม่สามารเชื่อมเกมรุกได้เลยยิ่งในวันนี้ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดนกองหลังตามประกบติดเมื่อไม่มีเพื่อเข้ามาช่วยต่อบอลดึงตัวประกบทำให้เกมรุกทางขวาเหมือนโดนตัดออกไปจากเกม จะมีก็แค่ 2-3 จังหวะที่ โจ โกเมซได้เปิดสวยๆเข้าไปในกรอบเขตโทษเท่านั้นเองเตียโก อัลกันตารา กลายเป็นคนที่เล่นได้เด่นมากที่สุดในทีมเป็นคนคอยคุมจังหวะเกมตรงกลางถ่ายบอลออกซ้ายทีขวาทีได้อย่างแม่นยำ มีลูกจ่ายสวยๆที่ทำให้คู่แข่งไม่คาดไม่ถึงอยู่หลายครั้งเสียดายที่เพื่อนเล่นต่อกันได้ไม่สุดทาง เกมรับก็มีส่วนช่วยทีมในหลายจังหวะเข้าสกัดบอลแบบทุ่มเทสุดตัวทุกลูก แต่ก็ยังมีบางจังหวะที่จ่ายพลาดเกือบโดนบสวนกลับอยู่บ้างเหมือนกัน จังหวะ VAR ให้จุดโทษช่วงท้ายเกมเมื่อ ดิเอโก้ โจต้า ไปโดนเหนี่ยวรั้งไว้ทั้งตัวในจังหวะจะเล่นลูกเตะมุม เกมก็ดำเนินไปเหมือนไม่มีอะไรแต่ VAR แจ้งผู้ตัดสินให้ไปดูเหตุกาณ์อีกครั้งแล้วก็เป่าให้จุดโทษกับลิเวอร์พูลเป็น ฟาบินโญ่ สังหารเข้าไปช่วยคลายความกดดันช่วงท้ายเกมไปได้อย่างหมดสิ้นเป็นลูกยิงปิดเกมที่สำคัญมากเลยสรุป เกมนี้เป็นอีกเกมที่ลิเวอร์พูลโชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเอง แต่ก็ยังใช้โอกาสไม่กี่จังหวะที่มีเปลี่ยนเป็นสกอร์ให้ทีมคว้าชัยชนะมาได้สำเร็จ นักเตะส่วนใหญ่พึ่งกลับมาจากทีมชาติ บางคนยังมีอารมณ์จากเกมทีมชาติติดค้างกลับมาด้วย จังหวะในเกมก็ยังดูขาดๆเกินๆเนื่องจากแต่ละคนพึ่งไปเล่นกับเพื่อนร่วมชาติและก็เล่นในระบบที่แตกต่างกันออกไป เชื่อว่าเกมต่อไปจังหวะและอารมณ์ร่วมของนักเตะจะกลับมาพร้อมไล่ล่าแชมป์อย่างเต็มที่เหมือนเดิแน่นอนเคดิตภาพภาพ Liverpool / Liverpoolภาพ Liverpoolภาพ Liverpoolภาพ Liverpoolภาพ Liverpoolส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมตช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !