ในที่สุด การแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 1 สัปดาห์แรกก็แข่งขันกันจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาดูกันว่า 4 นัดที่ผ่านมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละนัด และความเป็นไปได้ในนัดที่ 2 จะเป็นอย่างไรบ้าง นัดที่ 1 เปแอชเช 0-1 บาเยิร์น มิวนิก: เสือใต้คว้าชัยได้ แต่ประมาทในนัดสองไม่ได้เด็ดขาดแม้จะสร้างสรรค์โอกาสการทำประตูได้เยอะ แต่สุดท้ายก็มีสกอร์เกิดขึ้นในเกมเพียงแค่ลูกเดียวจากจังหวะในครึ่งหลังของ คิงส์ลีย์ โกม็อง ที่ยิงทีมเก่าได้ แต่เมื่อมามองดูภาพรวมของเกมในวันนั้นก็ต้องยอมรับว่าเป็นทางฝั่งบาเยิร์นที่สร้างสรรค์โอกาสที่น่าจะได้เป็นประตูเยอะกว่ามากๆ สุดท้ายก็ยังไม่ผ่านแนวรับที่เริ่มมีระเบียบมากขึ้น แต่เปแอชเชในช่วงท้ายเกมก็มีทำให้บาเยิร์นหวาดเสียวได้พอสมควร จากจังหวะยิงของเอ็มบัปเป้สองครั้งที่ครั้งแรกถูกจับล้ำหน้า ส่วนครั้งที่สอง ถึงแม้เอ็มบัปเป้จะไม่ล้ำหน้า แต่ผู้เล่นอีกคนหนึ่งดันล้ำหน้าไปก่อนหน้านี้ ทำให้ถูกริบประตูคืน และมีจังหวะทดเวลาบาดเจ็บที่เบนจาแม็ง ปาวารด์ ต้องยอมเสียฟาวล์ใส่ลีโอเนล เมสซี่ ที่กำลังจะทำเกมบุกขึ้นไปทางริมเส้น ทำให้เขาโดนใบเหลือใบที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้สถานการณ์ของเปแอชเชนั้นดูจะไปในทางบวกในนัดหน้าก็จริง แต่ถึงยังไงก็จะประมาทเกมรุกของบาเยิร์นที่คมกริบกว่า หวาดเสียวกว่าของฝั่งเกมรุกทีมตัวเองไม่ได้เด็ดขาด เพราะในบ้านบาเยิร์น มิวนิก บาเยิร์นก็ไม่ใช่ลูกไก่ที่จะมาขย้ำคาบ้านง่ายๆด้วย (คาดการณ์เกมนัดที่ 2: บาเยิร์นเข้ารอบด้วยผลสกอร์รวม 3-1)นัดที่ 2 เอซี มิลาน 1-0 สเปอร์ส: เกมนี้สูสี แต่ไม่คมกันเองเกมนี้ได้นำไวก่อนเลยตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก จากจังหวะที่ปะทะเบียดลูกโด่ง เป็นเธโอ เออร์นันเดซที่เบียดชนะแล้วยิงยัดใส่ประตู แต่เฟรเซอร์ ฟอสเตอร์ยังเซฟไว้ได้ และเป็นบราฮิม ดิอาซที่วิ่งเข้ามายิงซ้ำอีกครั้งแต่ฟอสเตอร์ก็ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง แต่ดิอาซก็วิ่งกระโจนเข้าไปโหม่งซ้ำอีกทีหนึ่ง ทำให้เอซี มิลานคุมความได้เปรียบในเรื่องจำนวนสกอร์ไปก่อน แต่ว่าเมื่อมามองดูสถิติหลังจบนัดนี้ ก็ต้องบอกว่า ทั้งสองทีมมีปัญหาลักษณะเดียวกัน คือจังหวะการเข้าทำประตูที่ไม่ค่อยจะจังๆเท่าไหร่ และต้องชมแนวรับของทั้งสองทีม ที่สามารถหยุดเกมรุกได้ดีมากๆ แม้สเปอร์สจะสร้างสรรค์โอกาสได้เยอะกว่า แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องไปลุ้นกันในนัดที่สองต่อไป ซึ่งสเปอร์สในตอนนี้นั้นก็ขึ้นๆลงๆไม่นิ่งเหมือนแต่ก่อน เกมในนัด 2 หากพวกเขาไม่สามารถสร้างความได้เปรียบได้ก่อน พวกเขามีสิทธิ์ตกรอบแบบไม่มีลุ้นก็เป็นได้ เพราะเอซี มิลาน ก็มีตัวรุกที่หลากหลายและดูมีความคมมากกว่าเมื่อเทียบกัน (คาดการณ์เกมนัดที่ 2: เอซี มิลานเข้ารอบด้วยผลสกอร์รวม 2-1)นัดที่ 3 คลับ บรูซ 0-2 เบนฟิก้า: เบนฟิก้าคุมเกมเบ็ดเสร็จ เบนฟิก้าคุมเกมนี้เบ็ดเสร็จ พวกเขาสามารถบุกไปเอาชนะคลับ บรูซได้ถึงถิ่น 2-0 ประตูแรกมาจากจังหวะจุดโทษที่แนวรุกเบนฟิก้าถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ เป็นเจา มาริโอที่รับหน้าที่ยิงประตู แม้ซิมง มินโญเล่จะสามารถเซฟได้แต่ก็ไม่ได้ทำให้ลูกนั้นออกจากประตูไปอย่างที่คาด ทำให้เบนฟิก้าขึ้นนำไปก่อน ส่วนประตูที่สองนั้นมาจากจังหวะผิดพลาดของกองหลัง คลับ บรูซ และเป็นดาวิด เนเรซที่วิ่งตัดไปแย่งบอลและกระชากหนีกองหลังไปยิงประตูอย่างง่ายดาย ทำให้ตอนนี้เบนฟิก้ากุมความได้เปรียบไปแล้ว และเป็นการยากที่คลับ บรูซจะสามารถกลับมาเอาชนะได้ เพราะในเกมนี้ เบนฟิก้าพับสนามทำเกมแทบจะฝ่ายเดียว แม้จะมีจังหวะทำเกมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เบนฟิก้านั้นกดดันเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเมื่อคาดการณ์ในนัดที่ 2 ที่จะไปเล่นในบ้านเบนฟิก้านั้น ก็น่าจะออกมารูปแบบเดิม ไม่น่าต่างจากนัดแรกเท่าไหร่ (คาดการณ์เกมนัดที่ 2: เบนฟิก้าเข้ารอบด้วยสกอร์รวม 5-0)นัดที่ 4 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 1-0 เชลซี: บุกแทบตายสุดท้ายไม่คมเองเกมนี้เป็นเกมคุณภาพจริงๆ เพราะทั้งสองทีมต่างแลกหมัดกันคนละหมัดอย่างดุดัน แต่เป็นดอร์ทมุนด์ที่เฉียบคมกว่า หลังจากทำประตูได้ในช่วงครึ่งหลัง ในจังหวะที่กำลังทำเกมบุกของเชลซี และเป็นดอร์ทมุนด์ที่เริ่มเกมสวนกลับอย่างรวดเร็ว เป็นคาริม อเดเยมี่ที่ตัวต่อตัวกับเอ็นโซ่ เฟอร์นันเดส สุดท้ายใช้ความเร็วกระชากหนีไปได้และแตะหลบเกป้า ยิงเข้าไปอย่างสวยงาม ทำให้ดอร์ทมุนด์กุมความได้เปรียบไปก่อนแล้ว เมื่อมามองดูเกมรุกของเชลซีนั้น ต้องบอกว่าตอนนี้ดูเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังดูสะเปะสะปะไม่เข้าขากัน เกมแดนกลางที่มีเอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ แดนหน้าที่มีเจา เฟลิกซ์ ถือว่าตอนนี้เชลซีอุดมไปด้วยนักเตะคุณภาพแล้ว แต่ขาดเพียงแค่ความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย ถ้าหากแก้ไขปัญหานี้ได้ทันก่อนนัดที่สอง ต้องบอกเลยว่า เชลซีจะเอาคืนดอร์ทมุนด์อย่างสาสมอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากยังทื่อๆแบบนี้อยู่ ก็คงต้องเดินคอตก ตกรอบไปอย่างน่าผิดหวัง (คาดการณ์เกมนัดที่ 2: ทั้งสองทีมเสมอกันจนถึงช่วงต่อเวลา และดวลจุดโทษ)สัปดาห์หน้าจะมีอีก 4 เกมที่ลงเตะกัน โดยมีเกมบิ๊กแมตช์ เรียกได้ว่าแมตช์ล้างแค้นของลิเวอร์พูลก็เป็นได้ โดยในนัดแรกลิเวอร์พูลจะเปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของ เจ้าของแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปีล่าสุด เรอัล มาดริด โดยจะเตะกันในคืนวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลาตี 3 ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Twitter FC Bayern Munichภาพที่ 2 จาก Twitter AC Milanภาพที่ 3 จาก Twitter SL Benficaภาพที่ 4 จาก Twitter Borussia Dortmundภาพปกประกอบบทความ จาก Twitter UEFA Champions LeagueCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์