ปีหนึ่งจะมีแค่ 2 แม็ทซ์สำหรับการฟาดแข้งระดับพระกาฬของ 2 ทีมมหาอำนาจลูกหนังแห่งเกาะอังกฤษ เจอกันรอบแรกที่โอลแทรฟฟอร์ดกลายเป็นฝั่งของลิเวอร์พูลที่คว้าชัยไปได้ กลับมาหนนี้พบกันที่แอนฟิลด์สื่อจากทุกสำนักก็ยังฟันธงเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะเป็นลิเวอร์พูลที่เข้าป้ายไปอีกครั้ง ชนะแบบเหนือ ๆ แบบไม่ระทมหนังรองเท้าแม้แต่นิดเดียว ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! ใช่ครับคุณผู้อ่าน ผมกำลังจะบอกว่าบางทีการอ่านหรือดูคลิปวิเคราะห์ก่อนเกมมาก ๆ ก็ไม่จำเป็น เพราะมันไม่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย ต่อให้เขาจะยกสถิติเหนือเมฆมาขนาดไหน ฟอร์มเจอกัน 5 นัดสุดท้ายเป็นยังไง แต่รูปเกมในสนามต่างหากที่บอกเราในทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับคนดูบอลเป็นมหรสพไม่ได้ดูบอลในโหมดของนักลงทุน เชื่อผมเถอะครับ! เลิกดูคลิปวิเคราะห์ก่อนเกมไปได้เลย ไร้สาระมาก ๆ แล้วเก็บลูกตาเราไปดูของจริงในสนามดีกว่า แม็ทซ์นี้เดือดกันขนาดไหนเรามาคุยหลังเกมกันเลยครับ 1. แมนยูมาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ จริงอยู่ครับว่าต้นเกมสัก 5 - 10 นาทีแรก จะเป็นฝั่งหงส์แดงที่อาศัยเสียงเชียร์บุกขย่มแมนยูอยู่ฝั่งเดียว พวกเขาใช้การเข้าทำที่หลากหลายกระหน่ำนำบอลถากปากประตูไปได้หลายครั้ง แต่ก็ได้แค่เสียวยังไม่ดีพอที่จะทำให้ตาข่ายสั่นไหวได้ และหลังจากนั้นพอแมนยูเริ่มจับจังหวะได้ ทั้งเจ้าหนู Kobbie Mainoo และ Manuel Ugarte ก็เริ่มฉายแสง จู่ ๆ แดนกลางของผีแดงก็ถูกยกเครื่องขึ้นมา กลายเป็นว่าพวกเขาสามารถครองบอลได้ สามารถทำชิ่งรับส่งหนีการไล่เพลสซิ่งของกลางลิเวอร์พูล ก่อนจะเป็น Bruno Fernandes ที่มารับช่วงต่อ การออกบอลจังหวะสุดท้ายของเขาทะลุช่องได้เปรียบตลอด จากที่โดนขย่มจะรอดมิรอดแหล่ไป ๆ มา ๆ ฝั่งที่ต้องวิ่งน้ำบานกลับมาตั้งรับดันกลายเป็นผู้เล่นลิเวอร์พูลแทน 2. ลิเวอร์พูลเจ็บแล้วไม่จำ! ที่ขึ้นหัวข้อไว้แบบนี้ก็เพราะถ้านับย้อนไปฤดูกาลที่แล้ว เมื่อครั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ เอริค เทนฮาร์ค ยังอยู่ ลิเวอร์พูลก็ได้ชื่อว่าเป็นทีมเต็งแบบนี้ พวกเขาเหนือกว่าแมนยูในทุกเหลี่ยมมุม แต่จนแล้วจนรอดเจอกันสามนัดก็ไม่มีปัญญาชนะแมนยูสักที มิหนำซ้ำยังโดนผีแดงเขี่ยตกรอบ Fa cup ให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกต่างหาก ซึ่งรูปแบบและวิธีการเล่นของแมนยูในครั้งนั้นก็เหมือนกับครั้งนี้เป๊ะ ๆ ลิเวอร์พูลแพ้ภัยตัวเองด้วยการดันไลน์กองหลังขึ้นไปเล่นสูงเพื่อโหมจะเอาประตู ส่วนแมนยูก็ใช้การออกบอลเร็วของ Bruno Fernandes และการใช้พื้นที่ว่างตรงแบ็คขวาที่ Trent Alexander-Arnold วางระบบท่อก๊าซเอาไว้ให้ Diogo Dalot จึงเติมได้สบาย ทุกลูกที่หลุดทุกจุดที่แมนยูได้เปรียบล้วนมาจากฟลอหญ้าบริเวณนี้ทั้งสิ้น คำถามคือทำไมไม่จำ! ทำไมถึงพลาดในรูปแบบเดิม ๆ ! อันนี้แหละคือจุดที่ผมไม่เข้าใจ 3. กองเชียร์ก็มีผลสำคัญ ทำหงส์คว้าผลการแข่งไม่ได้ คุณผู้อ่านครับถ้าคุณเป็นแฟนหงส์และได้ดูการทำทีมของ Arne Slot ทุกนัด ก็จะพบว่าโดยปกติแล้วถ้าทีมขึ้นนำเขาจะสั่งให้ลูกทีมแพ็คเกมทันที เขาจะเล่นแบบติ๊ดชึ่งเน้นผลการแข่ง อัตตราความเมามันส์ของเกมจะลดลง และบอลจะอยู่ในอาณัติของลิเวอร์พูลทั้งหมด ซึ่งกับแม็ทซ์นี้ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นเพราะมีช่วงที่ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2 - 1 อยู่ ทว่าแท็คติกนี้กลับไม่เกิดขึ้น! ผมมองว่ากองเชียร์ในแอนฟิลด์มีส่วนเต็ม ๆ เพราะคู่แข่งดันเป็นแมนยูคู่อริที่จะยอมลดราวาศอกกันไม่ได้ พวกเขาคงอยากเห็นทีมรักขยี้ผีแดงให้จมเท้าเหมือนครั้ง 7 - 0 เมื่อคราวโน้น บอลที่ควรจะนิ่งและเฉื่อยลงแล้วก็เลยถูกเร่งเร้าอยู่ตลอด สภาวะหลุดฟอร์มของ Trent Alexander-Arnold ก็น่าจะมาจากเหตุผลนี้ ด้วยความที่เจ้าตัวเป็นเด็กท้องถิ่นทุกนาทีจึงมีค่ากระบวนท่าไหนจะฝังแมนยูได้เขาเอาหมด เราจึงเห็นว่าวันนี้ Trent Alexander-Arnold ตวัดบอลขึ้นหน้าเร็วตลอดเวลา แล้วก็เสียแทบจะทุกลูก แม้แต่ตอนที่ทีมนำอยู่ไม่จำเป็นต้องเร่งขนาดนั้นเขาก็ยังเปิดเสีย บรรยากาศในสนามดูจะมาเหนือแท็คติก นับเฉพาะปีนี้ที่ Arne Slot เข้ามาผมว่าเกมรับของ Trent แกดูดีขึ้นมากแล้วนะครับ แกไม่เคยรั่วเหมือนวันนี้เลย แต่เป็นกองเชียร์ต่างหากที่เร่งแกจนล่กแล้วก็เสียผู้เสียคนไปเลย 4. ลิเวอร์พูลต้องเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อแมนยูใหม่ ถ้าเป็นยุคก่อนผมเห็นด้วยครับ ที่เราจะมองว่าแมนยูเป็นทีมใหญ่ เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นทีมที่มีท่านเซอร์เฟอร์กี้ซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลัง แต่ ณ ปัจจุบัน ค.ศ. นี้ ด้วยฟอร์มการเล่นและตำแหน่งในตาราง แมนยูคือทีมที่เตรียมจะลุ่นหนีตกชั้นอยู่วันนี้วันพรุ่ง! ลิเวอร์พูลต้องมองให้ออกว่าตัวเองกำลังแข่งกับทีมระดับไหน ทีมเกรดหนีตกชั้นเขาไม่มาบุกสู้อยู่แล้ว พวกเขาจะไม่ครองบอลนานแต่จะเน้นการสาดโด่งไปข้างหน้า พวกเขาจะเล่นแบบไม่หวังชนะแต่ขอมีแต้มไว้ก่อน ไม่เน้นยิงแต่เน้นรักษาประตู หรือถ้าพลาดโดนยิงนำก่อนก็ขอยิงตีตื้นให้ได้สักลูก พอให้แฟน ๆ ไม่เจ็บปวดหัวใจ นี่คือสิ่งที่ลิเวอร์พูลพึงจะรู้ แต่ในแม็ทซ์นี้พวกเขากลับเห็นว่าแมนยูเป็นทีมใหญ่ พวกเขาไปเน้นความสละสลวยในการเข้าทำมากจนเกินไป จะโชว์เหนือและยิงสวย ๆ ให้สมกับฐานะในอดีตของแมนยู จนลืมไปว่าหลังบ้านตัวเองเปิดโล่ง และแมนยูจ้องจะขโมยแต้มจากวิธีการเล่นฉาบฉวยแบบนี้อยู่ ตราบนี้ไปจนชั่วนิรันดร์ครับ ลิเวอร์พูลเปลี่ยนทัศนคติได้แล้วเจอแมนยูครั้งหน้าโปรดจำไว้ว่า พวกเขาก็แค่ "ทีมกลางตารางที่เตรียมจะหนีตกชั้น!" สรุปสุดท้าย จบแม็ทซ์นี้ฝั่งที่สะใจคงไม่พ้นแฟนแมนยูที่เกือบจะน็อคหงส์แดงคาบ้านได้ ในขณะที่ฝั่งที่เสียใจก็คงจะป็นแฟนหงส์ที่เหมือนโดนขโมย 2 แต้มไปต่อหน้าต่อตา มีคนบอกผมว่าแม็ทซ์นี้เป็นเกมคุณภาพสูง เป็นแม็ทระดับ 5 ดาวที่ควรค่าแก่การเฝ้าดู ผมก็เลยบอกเขาไปว่า "เอ็งเก็บ 5 ดาวของเอ็งไว้ใช้กับไก่ย่างเถอะ!" เพราะผมไม่เห็นว่ามันจะมันส์ตรงไหน ลิเวอร์พูลควรเลิกพูดถึงคำว่าแชมป์ได้แล้ว เพราะการที่คุณเสมอกับทีมที่เตรียมจะหนีตกชั้นอย่างแมนยู เสมอกับทีมที่คุณด่าเขาว่ากากอยู่ทุกสัปดาห์ นั่นก็แปลว่าคุณเองก็กระจอก! ไม่ต่างจากเขาหรอกครับ! จะมาช๊งมาแชมป์อะไร!? เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก (1) จาก FB : Liverpool FC ภาพหน้าปก (2) จาก FB : Manchester United รูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 4 จาก FB : Manchester United ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !