
TRUE TALK: FA Community Shield - ถ้วยการกุศล ต้องสาป รางวัลที่มี ‘ค่า’ สำหรับผู้ชนะเพียงฝ่ายเดียว ... "ทชภณ"

“สุดสัปดาห์นี้ จะมีเกมเอฟเอคอมมิวนิตี้ ชีลด์”
ประโยคด้านบนอาจจะเรียนกความสนใจจากแฟนบอลพรีเมียร์ลีกไม่ได้มากเท่าไหร่ หากแต่ทุกคนจะดีใจเมื่อได้ยิน เพราะนั่นคือสัญญาณการมาถึงของฤดูกาลใหม่ของลีกสูงสุดฟุตบอลอังกฤษ ดังนั้น ฟุตบอลรายการนี้ จึงเป็นเพียงรางวัลนอกสายตาของแฟนบอลส่วนมาก และแม้แต่แฟนบอลทีมที่ลงเล่นในเกมนี้ส่วนมาก ก็หาได้แคร์ไม่ หากทีมรักพลาดท่าไม่ได้แชมป์
แต่โทรฟีนี้ไม่เป็นที่สนใจขนาดนั้นจริง ๆ หรือ? และถ้วยนี้ไม่สำคัญจริงหรือไม่?
อนึ่ง หลังจากนี้ไป ผู้เขียนขออนุญาตเรียกว่าโทรฟีรายการนี้ว่า โล่ แทน เพื่อความถูกต้อง และ ความถนัดในการเล่าเรื่อง
อาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 ที่จะถึงนี้ แชมป์พรีเมียร์ลีก ‘แมนเชสเตอร์ ซิตี้’จะพบกับ รองแชมป์อย่าง ‘ลิเวอร์พูล’ ที่สนามเวมบลีย์ ชิงถ้วย FA Community Shield ตามประเพณีที่สืบทอดมาก่อนเปิดฤดูกาลของลีกอังกฤษ
ปกติแล้วโล่นี้จะเป็นการพบกันระหว่างแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแชมป์ฟุตบอลถ้วยเอฟเอ คัพ แต่ฤดูกาลที่ผ่านมา “เรือใบสีฟ้า” เหมาถ้วยที่ว่าได้ทั้ง 2 รายการ ดังนั้น “หงส์แดง” จึงได้สิทธิเข้ามาชิงแชมป์รายการแรกของปีในฐานะรองแชมป์ลีกแทน
การพบกันระหว่าง 2 ทีมที่แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลที่ผ่านมา และตัวเต็งในการคว้าแชมป์ ทำให้แฟนบอลทางโซเชียลหลายคนเชื่อว่าผลการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นตัวชี้วัดแชมป์ในปีนี้ต่อไป
แต่ก็มีแผนบอลจำนวนไม่น้อยที่ยังอ้างถึงคำสาปที่สิงสู่มาพร้อมโล่ใบนี้ ที่ผู้คว้ามันไปจะต้องอกหักมีแนเป็นไปในการไล่ล่าแชมป์ลีก ซึ่งคำสาปที่ว่า เป็นเรื่องที่กล่าวขานมานานหลายปี แต่ในทางกลับกันก็มีหลายทีมที่เป็นแชมป์รายการนี้ แล้วไปคว้าแชมป์ลีกได้ให้เห็นอยู่ ยกตัวอย่างใกล้ ๆ ในปีก่อน ที่ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งคว้าโล่ใบนี้ และ ยังสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อยู่ดี
แต่ถึงอย่างนั้นการถกเถียงเรื่องคำสาปก็ยังไม่หมดไป และได้กลายเป็นสีสันของการแข่งเกมเปิดม่านฤดูกาลรายการนี้และปลุกอารมณ์แฟนบอลแต่ละทีมมาเริ่มฮึดสู้ ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล ไม่แพ้นักบอลที่พวกเขาตะโกนเชียร์อย่างสุดเสียง
ขณะที่กูรูกีฬาบางท่านก็ตีตราโทรฟีนี้ ดุจรางวัลที่ไร้คุณค่า เพราะนอกจากผลแพ้ชนะแล้ว ฟุตบอลรายการนี้ไม่ได้ให้สิ่งอื่นใด รวมไปถึงความทุ่มเทหรือฝ่าฟันเพื่อมาแข่งชิงชัยรางวัลนี้ก็หามีไม่ และด้วยบรรยากาศช่วงเปิดฤดูกาล ที่ยังไม่มีความกดดัน ฟุตบอลนัดนี้จึงไม่ต่างกับเกมกระชับมิตร บวกกับสื่อกีฬาปัจจุบันที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโทรฟีนี้เท่าที่ควร ทำให้ ‘คุณค่า’ของชัยชนะในการแข่งขันรายการนี้นั้นค่อย ๆ ลดหายไป
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA ก็ยังให้ความสำคัญกับโทรฟีเปิดฤดูกาลใหม่ และถูกเลือกให้เป็นแมตช์แรกอย่างเป็นทางการ ที่จะนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) หรือ วิดีโอช่วยการตัดสินมาใช้ในฟุตบอลระดับสโมสรของอังกฤษด้วย ก่อนจะนำไปใช้ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกเช่นกันในฤดูกาลนี้
ก่อนหน้านี้ โล่ ใบนี้ เคยถูกเรียกว่า “โล่การกุศล”หรือ “Charity Shield” มาก่อน (ซึ่งแปลตรงตัวว่าการกุศลจริง ๆ นั่นแหล่ะ) ที่เป็นแบบนั้น เพราะรายได้จากตั๋วเข้าชมเกม และ อื่น ๆ ก็ถูกมอบแก่องค์กรการกุศลต่าง ๆ จึงเรียกได้ว่าเป็นถ้วยใจบุญใจใบหนึ่ง
สิ่งที่น่าสนใจในการแข่งขันเอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ในฤดูกาล 2019 – 2020 นี้ นอกจากจะมีการใช้ VAR แล้ว ยังมีการใช้ “กฎใหม่”จาก IFAB (International Football Association Board | Laws of the game) อีกด้วย ซึ่งกฎที่ว่ามีด้วยกันหลายข้อ และนี่คือตัวอย่างบางส่วน
– ผู้เล่นฝ่ายรุกห้ามไปแทรกในแนวกำแพงป้องกันลูกฟรีคิก
– ผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนตัว สามารถออกจากสนามในจุดที่ใกล้ที่สุด
– ลูกฟุตบอลห้ามออกจากเขตจุดโทษในการเตะจากประตู
– จะไม่มีการแย่งกันเตะลูกดรอปบอลแล้ว
ในส่วนของการแข่งขัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของโล่นี้เมื่อปีก่อน และเคยเป็นแชมป์นรายกาลนี้ 5 สมัย อาจจะดูมีฟอร์มที่ดีกว่า จากการเตรียมทีมอุ่นเครื่องแบบไม่หนักมากนัก ขณะที่หงส์แดง ลิเวอร์พูล อดีตแชมป์รายการนี้ 15 สมัย อาจจะอุ่นเครื่องเจอทีมหนักกว่าและผลการแข่งขันไม่ดีสักเท่าไหร่ แต่การที่มีผู้เล่นในปีที่แล้วอยู่ครบ ทำให้น่าจะเล่นกันได้อย่างสนุก
ที่น่าสนใจคือทั้งสองทีมต่างมีผู้เล่นตัวหลักบางคนที่กรำศึกรับใช้ทีมชาติมาในช่วงปิดฤดูกาล โดยฝั่งเรือใบมีชื่อของ เซร์คิโอ ‘กุน’อเกวโร, นิโคลัส โอตาเมนดี, กาเบรียล เฮซุส และ แฟร์นานดินโญ่ ที่ไปเล่นในศึก โกปา อเมริกา ขณะที่หงส์แดงก็มี อลิสซอน เบคเกอร์, โรแบร์โต ฟีร์มิโน ที่ไปลุยศึกรายการเดียวกัน แต่นอกเหนือจากนั้น ยังมี ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ นาบี เกอิตา ที่ไปเล่นในศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชันส์ดังนั้น การจัดผู้เล่นของทั้งสองทีมน่าจะเป็นแบบผสมดาวรุ่งและตัวสำรองประกอบกันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่การดวลกันครั้งนี้ นอกจาก โล่รางวัลแล้ว ยังมีเรื่องของศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน เนื่องจาก เป็ป กวาร์ดิโอลาผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี้ ขึ้นชื่อเรื่องเกลียดความพ่ายแพ้ ถึงแม้จะไม่อยากส่งผู้เล่นที่เพิ่งไปรับใช้ชาติเป็น 11 ตัวจริง แต่น่าจะจัดทีมที่แข็งที่สุดลงสนามแน่นอน
ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ไม่ใส่ชื่อ ซาดิโอ มาเน่ ลงสนามแน่นอนแล้ว แต่ตัวหลักคนอื่นๆ อาจจะให้ลงครึ่งหลัง เนื่องจากลิเวอร์พูลจะเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีกพบ นอริช ซิตี้ อาจจะไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเก็บตัวผู้เล่นตัวหลักไว้ใช้ในเกมนั้น
โดยการเจอกัน 5 ครั้งล่าสุด ลิเวอร์พูลเอาชนะไปได้ 3 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง และ แพ้ 1 ครั้ง แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาในศึกพรีเมียร์ลีก “หงส์แดง” ไม่สามารถเอาชนะ “เรือใบ” ได้เลย
การแข่งขัน FA Community Shield 2019 จะเริ่มเขี่ยบอลในเวลา 21.00 น.ของวันอาทิตย์ ที่ 4 สิงหาคมนี้ ใครจะเป็นผู้ชนะเพื่อสร้างความมั่นใจ รอลุ้นกันได้ครับ
“ทชภณ ประภานนท์”