เออร์ลิง ฮาแลนด์ ได้ป้ายจอดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เรียบร้อยหลังจากที่สโมสรได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวานนี้ โดยค่าตัวสำหรับการย้ายทีมครั้งนี้อยู่ที่ 60 ล้านยูโร พร้อมค่าเหนื่อย 375,000 ปอร์นต่อสัปดาห์ มีสัญญา 5 ปี ถึงปี 2027 โดยสโมสรจะเปิดตัวศูนย์หน้ารายใหม่วันที่ 1กรกฎาคม 2565 แน่นอนว่าการมาของศูนย์หน้าวัย 21 ปีรายนี้ทำเอาสาวกเรือใบสีฟ้าเนื้อเต้นจนอยากจะให้เปิดฤดูกาลหลังจากจบเกมสุดท้ายเลยได้ไหม แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไม เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่หลายสโมสรยักษ์ใหญ่อยากได้นักหนาถึงได้ลงเอยกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้และรวดเร็วขนาดนี้ ว่าแล้วก็ไปส่องประเด็นสำคัญกับดีลครั้งนี้กันหน่อยดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง1. เพื่อแชมป์ที่ใฝ่ฝัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมที่โดดเด่นที่สุดในอังกฤษและในห้าลีกใหญ่ของยุโรปในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าเข้ามาที่ เอทิฮัด สเตเดียม นั่นคือจุดเริ่มต้นของความสำเร็จมากมายในช่วงหกปีที่ผ่านมา เพราะชายคนนี้คือคนที่ไล่ล่าควาสำเร็จมาสู่สโมสรอย่างมากมาย โดยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย อีกทั้งยังสามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว และตอนนี้ก็กำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกลีกสมัยที่ 4 ซึ่งใช้เวลาเพียง 6 ปีซึ่งแตกต่างจากสโมสรเก่าที่ดูเหมือนว่าแชมป์จะผูกขาดไปเรียบร้อยแล้ว มาถึงตรงนี้ก็คงเกิดคำถามว่าก็มีหลายทีมที่ประสบความสำเร็จที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลน่า , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , เรอัลมาดริด หรือแม้แต่ ปารีสแซงแชกแมง แต่หากไล่เลียงกันดูดี ๆ ทีมเหล่านั้นที่ว่ามาล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่จะเป็นอุปสรรค เริ่มจาก บาร์เซโลน่า ที่อยู่ในช่วงกำลังสร้างทีมไม่ต่างจาก ดอร์ทมุน ทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดูจะห่างไกลกับคำว่าแชมป์ เรอัลมาดริด ถึงจะเป็นทีมที่คว้าแชมป์ทั้งลีกและUCL มากก็จริง แต่การจะเบียดขึ้นไปเป็นตัวจริงก็แสนยาก ซึ่งหลายคนก็เอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นมาแล้ว ส่วน ปารีสแซงแชกแมง แม้จะแข็งแกร่งในลีก มีซูเปอร์สตาร์ แต่โครงสร้างสโมสรที่อ่อนแอทำให้เมื่อเข้าสู่เวทียุโรปกลับสู้ไม่ได้เลย ฉะนั้นเรือใบสีฟ้าน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเล่นเป็นตัวจริงและเข้าใกล้คำว่าแชมป์มากที่สุดแล้ว2. ความศรัทธาใน เปป กวาดิโอล่า นี่คือผู้จัดการทีมที่ประสบควาสำเร็จมากที่สุดแห่งยุคคนหนึ่ง การทำงานกับผู้จัดการทีมแบบนี้นับว่าเป็นความฝันของเหล่านักเตะไม่มากก็น้อย เออร์ลิง ฮาแลนด์ ก็เป็นหนึ่งในนักเตะเหล่านั้นที่อยากจะทำงานร่วมกับผู้จัดการทีมแบบนี้ เพราะด้วยความเชื่อมั่นว่า เปป กวาร์ดิโอล่า จะดึงความสารถของเขาออกมาได้มากกว่าที่เป็น ซึ่งไม่ใช่แค่ความสำเร็จเท่านั้นที่ผู้จัดการทีมรายนี้มี แต่เขายังเป็นผู้จัดการทีมที่ไม่เคยพูดหรือตำหนิลูกทีมแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตามคำพูดที่ยืนยันสิ่งนี้ได้ก็คงต้องย้อนไปเหคุการณ์ที่ แจ๊ค กรีริช ไปเที่ยวยามราตรีแล้วเกิดทะเลาะกับการ์ดหน้าร้าน จากนั้นนักข่าวได้จี้ถามถึงเรื่องนี้กับ เปป กวาร์ดิโอล่า ว่ารู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ได้บอกกับสื่อว่า “ผมโกรธที่เขาไม่ยอมชวนผมไปด้วย” ลองนึกภพว่าถ้าเป็น โชเฆ มูริณโญ่ คงมีควันออกหูแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนี่คือผู้จัดการทีมจัดการกับปัญหาได้เด็ดขาดในเรื่องของวินัยนักเตะ แม้ว่าจะเล่นดีแค่ไหน แต่ไม่มีวินัยหรือแหกกฎที่เขาได้ตั้งไว้ก็คงได้ไปนั่งบนม้านั่งสำรอง เหมือนอย่างที่เขาเคยทำกับ แจ๊ค กรีริช และ ฟีล โฟเด้น มาแล้ว3. ตามหาสิ่งท้าทายเพื่อข้ามขีดจำกัดตัวเอง ในห้าลีกใหญ่ของยุโรปความนิยมของแฟนบอลทั่วโลกและเป็นที่รู้จักก็คงหนีไม่พ้น พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นลีกที่อุดมไปด้วยนักเตะคุณภาพระดับแนวหน้า การขับเขี้ยวของสโมสรไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถพลิกโผกันได้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยผู้จัดการทีมที่มากความสามารถและความสำเร็จ ที่สำคัญไปกว่านั้นนี่คือลีกที่จะพิสูจน์ว่านักเตะว่าของจริงหรือของปลอม ย้อนไปก่อนหน้าที่ เออร์ลิง ฮาแลนด์ จะย้ายไปยัง โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุน ก็เคยเกือบที่จะย้ายมาที่พรีเมียร์ลีก แต่เหมือนตัวเขาเองก็คงรู้ว่ายังมพร้อมสำหรับเวทีแห่งนี้ ซึ่งนั่นอาจจะเป็นความคิดที่พถูกต้องที่สุด ณ เวลานั้นhttps://twitter.com/i/status/1524366537825660936อย่างที่บอกไปว่านี่คือลีกที่อุดมไปด้วยนักเตะแนวหน้าของวงการลูกหนัง อีกทั้งความแข็งแกร่ง การเข้าบอล การปะทะ พละกำลังในแต่ละเกม สิ่งเหล่านี้ได้รับการยอมรับและการกล่าวขานจากนะเตะหลายคนที่ย้ายมายังเวทีแห่งนี้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีทั้งคนที่ประสบควาสำเร็จและเอาชีวิตมาทั้งบนเวทีแห่งนี้ก็มีมากหน้าหลายตาไม่น้อยเลยทีเดียว ฉะนั้นนี่คือเวลาที่จะพิสูจน์ว่า เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่เคยฟอร์มแจ่มกับทีมเก่า จะสามารถเอาตัวรอดและก้าวไปเป็นศูนย์หน้าระดับเวิร์ลคลาสได้หรือไม่ มันเหมือนเป็นการเดิมพันว่าถ้าผ่านไปได้ก็รุ่งโรจน์ถ้าไม่รอดก็ร่วงสู่หุบเหวไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็แล้วแต่ ดีลของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดซื้อขายรอบนี้ที่หลายคนคาดการณ์ว่าน่าจะเดือดไม่น้อย เพราะยังมีนักเตะซุปเปอร์สตาร์หลายรายที่พร้อมจะย้ายออกจากทีมเก่าไปไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต เลวานดอฟกี้ , โมฮาเหม็ด ซาร์ลา , พอล ป๊อกบา ซึ่งไม่แน่ว่าเรือใบสีฟ้าอาจจะได้มาเพิ่มอีกสักสองสามรายเพื่อไล่ล่าแชมป์UCLที่ใฝ่ฝันหามาประดับสโมสรในฤดูกาลหน้าให้ได้ ข่าวที่เกี่ยวข้องวูล์ฟแฮมป์ตัน vs แมนซิตี้ : วิเคราะห์ก่อน เจ้าบ้านหลังเริ่มรั่ว แมนซิตี้ ลุ้นยิงกระจายอีกนัด"เรอัล มาดริด vs แมนฯ ซิตี้" ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก :: ศึกล้างแค้นดับฝัน เปป อีกครั้งใครจะแชมป์!! เทียบผลงาน ลิเวอร์พูล - แมนซิตี้ กับเกมที่เหลือจากที่เคยเจอกันมา3 ตัวแปรตัดสินสามแต้ม "แมนซิตี้" หรือ "ลิเวอร์พูล" เปิดทางแชมป์พรีเมียร์ลีก 2021-2022เครดิตภาพปก twitter.com/BlackYellow :: ภาพปกเครดิตภาพประกอบ twitter.com/BlackYellow :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 5 , twitter.com/premierleague :: ภาพที่ 2 , twitter.com/ManCity :: ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดทุกแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี!