ป้อแป้แต่ได้ไป! ผีแดง หลังพิงเชือกเชือด เลสเตอร์ 2-0 จบที่ 3 ลุย UCL (ชมคลิปไฮไลท์)
"ปีศาจแดง" เล่นแบบแทบยืนไม่ไหว เพราะความอ่อนล้า แต่ยังประคับประคองสถานการณ์เอาไว้ จนมาได้ประตูขึ้นนำ จากลูกจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นานเดส ก่อนที่ในช่วงทดเจ็บ เจสซี่ ลินการ์ด จะมายิงประตูปิดกล่องจากลูกส้มหล่น ที่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ทำพลาด ทำให้จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาตัวรอดในเกมที่แฟนต้องลุ้นกันแบบเหนื่อยสุดๆ ด้วยการบุกชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบหืดจับ 2-0 คว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2019/20 นัดปิดฤดูกาล เกมชี้ชะตาโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือนของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมเริ่มมา นาที 11 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสแรก มาร์คัส แรชฟอร์ด เปิดบอลให้ เมสัน กรีนวู้ด ได้โหม่ง แต่ยังโด่งข้ามคานออกหลังไป
นาที 14 มาติช จ่ายบอลพลาดไปเข้าทางเลสเตอร์ ทำให้ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ ได้โอกาสยิงจากนอกกรอบ แต่กดไม่ลง บอลลอยข้ามคานออกไป
นาที 17 มาร์ค อัลไบรท์ตัน ได้โอกาสลองซัดด้วยขวา แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ
นาที 25 เลสเตอร์ ได้จังหวะสวนกลับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ยิงด้วยขวา แต่โดนไม่เต็ม ทว่า เด เกอา กลับรับบอลหลุดมือ และเป็น เจมี วาร์ดี้ ที่ตามเข้าไปซ้ำ แต่ เด เกอา ยังตามไปป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายผู้ตัดสินก็เป่า เป็นจังหวะล้ำหน้าของ วาร์ดี้
นาที 32 ยูไนเต็ด ส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย แต่ไม่ได้ประตู ป็อกบา โยนบอลให้ บรูโน่ หลุดเข้าไปยิงเข้าประตู ทว่าเป็นลูกล้ำหน้า
นาที 34 ยูริ ตีเลอมันส์ หลอกยิงเล่นทางจากหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลเบาและหลุดเสาไกลออกไป
นาที 42 เจมส์ จัสติน กะจังหวะบอลพลาด ทำให้ แรชฟอร์ด ได้โอกาสในกรอบเขตโทษ แต่ต้องรีบยิง เพราะถูกบีบ จึงไปงัดใต้ลูกออกหลังไป
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก มาร์กซิยาล ยิงติดบล็อกออกหลังไป และจากลูกเตะมุมในจังหวะต่อมา แรชฟอร์ด ได้ซัดเต็มๆ แต่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยังป้องกันเอาไว้ได้ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
เริ่มเกมในครี่งหลัง นาที 60 เลสเตอร์เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากลูกฟรีคิก เจมี่ วาร์ดี้ โหม่งบอลลอยโด่งไปชนมุมสามเหลี่ยมเสาไกลหลุดออกหลัง
นาที 63 วาร์ดี้ ได้วอลเลย์ในกรอบเขตโทษ แต่บอลยังโด่งข้ามคาน
นาที 68 ฮัมซ่า ชูดูรี่ ถูก เมสัน กรีนวู้ด ตัดบอลได้ ก่อนจ่ายให้ บรูโน่ ป้ายต่อให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หลุดเข้ากรอบเขตโทษ เวส มอร์แกน และ จอนนี่ อีแวนส์ พุ่งสกัดพร้อมกันจากด้านหลัง ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกจุดโทษให้กับ ปีศาจแดง
และเป็น บรูโน่ แฟร์นานเดส รับหน้าที่สังหารเข้าไปตุงตาข่าย ทีมเยือน ที่โอกาสน้อยกว่า ขึ้นนำ 1-0
นาที 75 เลสเตอร์ เกือบได้ประตูตีเสมอ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ที่เพิ่งถูกส่งลงสนาม ได้กลับตัวยิงในกรอบเขตโทษ แต่เบาเกินไป เด เกอา จึงรับไว้ได้
นาที 79 เวส มอร์แกน มีโอกาสได้วอลเลย์แบบเต็มๆ บริเวณที่จุดโทษ แต่กลับหวดไม่โดนบอล อย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 83 เดมาไร เกรย์ ตัวสำรอง ได้โอกาสปั่นเน้นๆ ด้วยซ้าย แต่บอลไปแฉลบขา แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เฉียดเสาออกไปนิดเดียว
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จอนนี่ อีแวนส์ เข้ายันแบบเปิดปุ่มใส่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ตัวสำรองของผีแดง ทำให้โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม
และนาที 90+7 แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล จะล็อคหลบ เจสซี่ ลินการ์ด แต่พลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ ลินการ์ด หลุดเข้าไปยิงอย่างง่ายดาย กลายเป็นประตูตอกย้ำชัยชนะให้ยูไนเต็ด
ทำให้จบเกม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-0 คว้าตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ ด้วยการจบในอันดับ 3 ของตาราง ส่วนเจ้าบ้าน จบในอันดับ 5 ได้ตั๋วไปลุยศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลหน้า
คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ : เลสเตอร์ ซิตี้ - แมนฯ ยูไนเต็ด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่ลงสนาม
เลสเตอร์ ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, เจมส์ จัสติน, จอนนี่ อีแวนส์, เวส มอร์แกน, ลุค โธมัส, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ฮัมซ่า ชูดูรี่, ยูริ ตีเลอมันส์, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, เจมี่ วาร์ดี้
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เกอา, อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, แบรนดอน วิลเลี่ยมส์, ปอล ป็อกบา, เนมานย่า มาติช, เมสัน กรีนวู้ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล
-------------------------------------------------
ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก ได้ฟรีทางช่อง ไอดี สเตชั่น ง่ายๆเพียงแค่สมัครสมาชิกทรูไอดีและล็อคอิน สมัครสมาชิกทรูไอดีได้ที่นี่ ก็สามารถดูบอลสดได้เลยทันที !!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ในบ้านยังเจ๋ง!! เชลซี เปิดรังทุบเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-0 คว้าอันดับ 4
>> เลขสวย!! หงส์ปิดซีซั่น บุกยิง นิวคาสเซิ่ล 3-1 โกย 99 แต้มเป็นสถิติสโมสร
– ดูฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่