บังยี แถลง! ถ้าเป็นอีกสมัย ไทยจะไปบอลโลก 2018
เลือกผมสิครับ! วรวีร์ มะกูดี ผู้สมัครชิงตำแหน่ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เผยนโยบายก่อนเลือกตั้ง 3 วัน โดยขอปาดหน้าคู่แข่ง “บิ๊กก๊อง” วิรัช ชาญพานิชย์ ยันไทยต้องพยายามไปฟุตบอลโลกทุกครั้งเริ่มตั้งแต่ปี 2018 นี้เลย
ยุทธศาสตร์ของ “บังยี” แบ่งออกเป็น 3 ด้านใหญ่ๆคือ การบริหารและพัฒนาบุคลากรและการพัฒนาองค์กร , การบริหารทีมชาติ และ การแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพและการแข่งขันต่างๆภายในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. การบริหารและพัฒนาบุคลากรและการพัฒนาองค์กร
– จัดบุคลากรบริหารมืออาชีพ มาช่วยดูแลบริหารจัดการองค์กรสมาคมฟุตบอลฯ และ บริษัทไทย พรีเมียร์ลีก
– ปรับปรุงและพัฒนาการการบริหารของสมาคมฟุตบอลฯ และ บริษัท ไทย พรีเมียร์ลีกต่อสโมสรสมาชิกให้รวดเร็วและอบอุ่น
– จัดจ้างผู้บริหารอาชีพ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค เพื่อดำเนินการวางแผนให้การศึกษา และจัดการฝึกอบรมผู้ฝึกสอนทั่วประเทศ
– จัดจ้างผู้บริหารอาชีพ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายผู้ตัดสิน เพื่อดำเนินการวางแผนให้การศึกษา จัดการฝึกอบรม และทำหน้าที่ดูแลปฏิบัติการด้านธุรการของผู้ตัดสิน ตามการแต่งตั้งและประเมินผลของคณะกรรมการผู้ตัดสินของสมาคมฯ
– จัดการปฏิรูปและพัฒนาศักยภาพของผู้ตัดสิน โดยการจัดตั้งในรูปแบบคณะกรรมการ
– การส่งเสริมและพัฒนาการศึกษากีฬาฟุตบอล โดยร่วมกับ University of Central Lancashire ( UCLAN) จัดตั้งวิทยาลัยฟุตบอล ( Football College ) ในประเทศไทย
– เสนอภาครัฐให้สมาคมฟุตบอลฯ เป็นองค์กรที่ให้การบริหารสาธารณะด้านการศึกษา และการเข้าถึงกีฬาฟุตบอล
2. นโยบาย ด้านการบริหารทีมชาติ
– จัดตั้งคณะกรรมการวางนโยบายแผนงานและบริหารทีมชาติไทย ซึ่งจะประกอบด้วยสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ และกรรมการที่มาจากสโมสรสมาชิกต่างๆ
– จัดจ้างซีอีโอ ( ประธาน/หัวหน้า เจ้าหน้าที่บริหาร) ทีมชาติไทย เพื่อรับผิดชอบดูแลและประสานทีมชาติไทยทุกชุด ตลอดจนการวางแผนการเตรียมทีม การเก็บตัวฝึกซ้อม และทำโปรแกรมการอุ่นเครื่องของทีมชาติไทยทุกชุด
จัดจ้างผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาระดับรากหญ้าเยาวชน เพื่อรับผิดชอบดูแลการพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้าและเยาวชนของสมาคมฟุตบอลฯ
– จัดตั้งทีมแมวมอง (Scout Team) เพื่อเฟ้นหานักฟุตบอลดาวรุ่งทั่วประเทศ
– วางเป้าหมายให้ทีมชาติ U21 & U23 ( ทีมซีเกมส์) เป็นทีมชาติแห่งอนาคต มุ่งสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโอลิมปิกและฟุตบอลโลก
3. นโยบาย การแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพและการแข่งขันต่างๆภายในประเทศ
– ส่งเสริมและพัฒนาทุกด้านของการแข่งขันฟุตบอลอาชีพไทย พรีเมียร์ลีก , ลีก 1 และลีกภูมิภาค ให้เป็นไปต่มมาตรฐานของฟีฟ่าและเอเอฟซี โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานการออกใบอนุญาติใหเสโมสร ( Club Licensing ) เป็นหลักในการส่งเสริม พัฒนาและติดตามประเมินผล
– ตั้งเป้าหมายรายได้จากการตลาดและสิทธิประโยชน์ ฤดูกาลแข่งขัน 2557-2559 ปีละ 600 ล้านบาท
– ปรับปรุงปฏิรูปการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ของสมาคมฯ เช่นการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพ , ลีกคัพ , ลีกสำรอง ตลอดจนการพัฒนาการแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่น ถ้วย ข, ค , ง
– ส่งเสริมและพัฒนาฟุตบอลระดับรากหญ้าและเยาวชน เช่น การให้การศึกษาและพัฒนาฟุตบอลอะคาเดมี่องสโมสรฟุตบอลอาชีพ และจัดให้มีการแข่งขันในระดับเยาวชน U12/U13 , U14 ( สนับสนุนโดยรัฐบาล) , ตลอดจนลีก U16 และลีกสำรอง ในไทย พรีเมียร์ลีก
– ชำระและปรับปรุงกฏระเบียบในการแข่งขันไทย พรีเมียร์ลีก , ลีก 1 และลีกภูมิภาค เช่น ข้อกำหนดของนักเตะต่างชาติ ต้องชัดเจนและจะต้องแจ้งล่วงหน้าให้สโมสรในลีกทราบไม่น้อยกว่า 1 ฤดูกาล , กฏที่ใช้กับการลงโทษวินัยมารยาทและกฏระเบียบต่างๆ ด้านจริยธรรม
– จัดตั้งโครงการผู้ตัดสินอาชีพ เพื่อทำหน้าที่ในการแข่งขันลีกอาชีพของไทย จัดเตรียมสัญญากฏระเบียบผู้ตัดสินอาชีพของสมาคมฯ ดำริให้เกิดการโอนย้าย แลกเปลี่ยนผู้ตัดสินอาชีพในอนาคต
– ส่งเสริมให้สโมสรฟุตบอลอาชีพมีสนามฝึกซ้อม และสนามแข่งขันของตนเอง และสนับสนุนให้มีการพัฒนาสโมสรฟุตบอลให้เข้าสู่ธุรกิจการกีฬาอย่างเต็มรูปแบบ
ผลักดันให้สโมสรฟุตบอลในไทย พรีเมียร์ลีก ให้ได้โควต้าในการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ( AFC Champion League)
จัดตั้งที่ทำการถาวรของศูนย์ภูมิภาคทั้ง 6 ศูนย์ โดยใช้เป็นศูนย์การพัฒนาฟุตบอลประจำภาค และดำเนินการแข่งขันลีกภูมิภาค
นายวรวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่าสิ่งแรกที่ตนเองจะผลักดันและเห็นเป็นรูปธรรมหากได้รับเลือกในวันที่ 17 ต.ค.นี้ คือการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดและสิทธิประโยชน์ของสโมสรซึ่งแต่ละทีมจะได้รับเงินสนับสนุน 20 ล้านบาทต่อปี
ส่วนเป้าหมายในทีมชาตินั้นต้องพยายามเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกในทุกๆครั้งให้ได้อยู่แล้วโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2018 โดยจะผลักดันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ทำผลงานได้ดีในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน ซึ่งบุกไปเอาชนะ 5-1 ให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักเริ่มจากเป้าหมายแรกคือคว้าเหรียญทองซีเกมส์ที่เมียนมาร์ปลายปีนี้
นอกจากนี้อดีตประมุขลูกหนังไทยยังปฏิเสธข่าวลือเรื่องการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องการเลือกตั้งว่าไม่เป็นความจริงและตนเองไม่ทราบเรื่องนี้
สำหรับรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ของ นายวรวีร์ มะกูดี ประกอบด้วย
1.นายวรวีร์ มะกูดี นายกฯ สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน
2.ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ อุปนายก สโมสรเชียงใหม่ เอฟซี
3.ดร.ภิญโญ นิโรจน์ อุปนายก สโมสรนครสวรรค์ เอฟซี
4.พลเอก ชินเสณ ทองโกมล อุปนายก สโมสรสุพรรณบุรี เอฟซี
5.พลอากาศตรี เจษฏา วิจารณ์ อุปนายก สโมสรแอร์ฟอร์ซ ยูไนเต็ด
6.นายวิรัย ล้ำสุทธิ อุปนายก สโมสรระยอง เอฟซี และสโมสรซีคเคอร์ ฟุตเทร่า เอฟซี
7.ดร.องอาจ ก่อสินค้า กรรมการบริหาร สโมสรศุลกากร ยูไนเต็ด
8. พลตำรวจโท พิสัณห์ จุลดิลก กรรมการบริหาร สโมสรนครสวรรค์ เอฟซี
9. พล.ท.ม.ล. สุปรีดี ประวิตร กรรมการบริหาร สโมสรกีฬาราชประชา
10.พลเรือตรี อานนท์ คาระสวัสดิ์ กรรมการบริหาร สโมสรมาบตาพุด นาวิกโยธิน
11. ดร.กษม ชนะวงศ์ กรรมการบริหาร สโมสรขอนแก่น เอฟซี
12.ดร.ภาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ กรรมการบริหาร สโมสรนครปฐม ยูไนเต็ด
13.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กรรมการบริหาร สโมสรบางกอก เอฟซี
14.นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ กรรมการบริหาร สโมสรร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด
15.นายธัญญา โพธิ์วิจิตร กรรมการบริหาร สโมสรตรัง เอฟซี
16.นายมิตติ ติยะไพรัช กรรมการบริหาร สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด
17.นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ กรรมการบริหาร สโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี
18.นายภูษิต พิศาลกิจสกุล กรรมการบริหาร สโมสรพิษณุโลก ทีเอสวาย
19.นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการบริหาร สโมสรบีอีซี เทโรศาสน
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ที่ | |
FB : TrueSport | TW : True_Sport |
คลิกชม ตารางถ่ายทอดสดฟุตบอล ได้ที่นี่ |
ภาพประกอบ จาก อินเตอร์เน็ต
ข้อมูลอ้างอิง : Goal.com