ผ่านไปแล้วกับสัปดาห์ที่ 13 ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นสัปดาห์ที่มีเรื่องน่าสนใจเกิดขึ้นมากมายเลยครับ ฟอร์มของ Big 6 แต่ละทีมเป็นอย่างไร ตอนนี้อยู่ตรงไหนกันของตารางคะแนน ใครน่าเป็นห่วงขนาดไหน เรามาดูกันเลยครับ1.อาร์เซนอลทีมปืนใหญ่อาร์เซนอลต้องเรียกว่าจากตอนแรกหนาวๆแต่ตอนเริ่มอุ่นแล้ว เพราะตอนนี้พวกเขาทิ้งห่างแมนเชสเตอร์ซิตี้เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาบุกไปสะดุดเแบ่งแต้มกับทีมนักบุญ เซาท์แทมตัน ด้วยสกอร์ 1 - 1 โดยเริ่มแรกเกิดจากการแปบอลยัดคานสุดสวยของกองกลางมาเฟียร์สวิต กรานิต ชาก้า ในนาทีที่ 11 ส่งผลให้อาร์เซนอลขึ้นนำเจ้าบ้านไปก่อน แต่แล้วยิ่งเล่นเกมบุกยิ่งดูตัน กองหน้าสามคนของอาร์เซนอลออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด และกองกลางก็เช่นกัน โดยเฉพาะ โทมัส ปาเตย์ ที่เคยเล่นดีมาตลอด แต่ในวันนี้กลับพลาดซ้ำซากจนน่าเป็นห่วง คาดว่าน่าจะมาจากอาการล้าและผลข้างเคืองจากอาการบาดเจ็บ ส่งผลให้ประตูที่ 2 ของอาร์เซนอลไม่มาสักที และก็เป็นโอกาสของทางด้านเจ้าบ้านจ่ายบอลลอดช่องแนวรับของอาร์เซนอลประกอบกับการวิ่งทำทางของ สจ๊วต อาร์มสตรอง ยิงเล่นทางเข้าไปได้ ในนาทีที่ 65 เจ้าบ้านเซาท์แทมตันตีเสมอได้และกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง อาร์เซนอลพยายามเปลี่ยนตัวแก้เกมแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนัก ฟาบิโอ วิเอร่า ที่สร้างสรรค์เกมรุกในระดับเดียวกับโอเดการ์ดไม่ได้ เอนเคเทียที่ยังห่างขั้นจากเชซุสมากนัก และคีแรน เทียร์นี่ ที่เหมือนว่ายังไม่ค่อยเข้าใจการเล่นแบ็คตัดในมากเท่าไร ส่งผลให้อาร์เซนอลสะดุดในนัดนี้และทำได้เพียงแค่เสมอไปได้เท่านั้น แต่ถ้ามองในอีกมุม ในภาวะที่นักเตะล้าแบบนี้ ตัวสำรองขาดๆเกินๆและได้ออกไปเยือนเซาท์แทมตันแบบนี้ การเก็บแต้มมาได้ก็ถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ มิเกล อาร์เตต้า จะต้องปรับปรุงเพิ่มขึ้นอีกเยอะหากอยากจะคว้าแชมป์ให้ได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงในตลาดหน้าหนาว ถ้าหากว่าขนาดทีมยังเล็กอยู่แบบนี้ ตัวสำรองทดแทนตัวจริงไม่ได้ การโรเตชั่นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ อาจนำไปสู่การแผ่วปลายและต้องมาลุ้นทอป 4 กันถึงนัดสุดท้ายเลยก็เป็นได้ปัจจุบัน อาร์เซนอล แข่งไป 11 นัด มี 28 คะแนน อยู่อันดับที่ 12.แมนเชสเตอร์ ซิตี้ทีมเรือใบสีฟ้าแมนซิตี้ ยังทำผลงานได้ดีสมกับมาตรฐานทีมแชมป์ ถึงแม้นัดก่อนจะพลาดแพ้หงส์แดงลิเวอร์พูลมา แต่ก็ไม่อาจทำลายฟอร์มอันร้อนแรงของพวกเขาได้ นัดล่าสุดพวกเขาพึ่งถล่มไบรท์ตันในบ้านตัวเองไปด้วยสกอร์ 3 -1 ประตูแรกมาจากการเปิดบอลยาวสุดสวยของผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล เอแดร์สัน โมราเลส ยาวไปถึงกองหน้าจอมมารบู เออร์ลิง ฮาแลนด์ ประกอบกับผู้รักษาของไบรท์ตันที่พลาดตัดบอลไม่โดนและฮาแลนด์ก็ไม่พลาด วิ่งเบียดกองหลังล้มแล้วยิงนิ่มๆเข้าไปอย่างงดงามในนาทีที่ 22 ต่อมาในนาทีที่ 43 แมนซิตี้ได้จุดโทษจากการที่กุนโดกันโดนเหนี่ยวในเขตโทษ และฮาแลนด์ก็ได้โอกาสอีกครั้ง ซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ แมนซิตี้ขึ้น 2 ประตู ถึงแม้ในนาทีที่ 53 ทรอสซาร์กองหน้าตัวเก่งของไบรท์ตันจะยิงตีตื้นขึ้นมาได้แต่ก็ไม่ช่วยอะไร แมนซิตี้ยังคงบุกกดดันอย่างไม่หยุดยั้ง และสุดท้ายเป็น เควิน เดอร์บอย ที่ได้โอกาสในนาทีที่ 75 ซัดเต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงแทยงเสียบสามเหลี่ยม ตอกฝาโรงไบรท์ตันไปด้วยสกอร์ 3 - 1 พวกเขามีคุณภาพที่เปี่ยมล้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ในแดนหลังอาจจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนกันเข้ามาบ้าง แต่ด้วยขนาดของทีมแล้วพวกเขายังคงทดแทนกันได้ดี ตัวสำรองมีคุณภาพมากพอจะเป็นตัวจริงทีม Big 6 ทีมอื่นได้อย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้พวกเขาจี้จ่าฝูงอย่างอาร์เซนอลอยู่เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น ขอเพียงแค่อาร์เซนอลพลาดเพียงนัดเดียวและพวกเขาไม่พลาด พวกเขาก็พร้อมที่จะแซงอาร์เซนอลขึ้นมาทันที ด้วยขนาดทีมและคุณภาพผู้เล่นที่เหนือชั้นกว่า คิดว่าการลุ้นแชมป์ของแมนซิตี้ในปีนี้ก็คงไม่ได้ยากไปกว่าปีอื่นปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แข่งไป 11 นัด มี 26 คะแนน อยู่อันดับที่ 23.ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ทางด้านของทีมไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในตอนนี้เรียกได้ว่าอาการหนักหลังพลาดท่าแพ้มาสองเกมติดต่อกัน โดยในนัดล่าสุดก็โดนทีมสาลิกาดง นิวคาสเซิล สอนบอลไปเป็นที่เรียบร้อย ไปด้วยสกอร์ 0-2 พ่ายคาบ้านของตัวเอง ถึงแม้ช่วงแรกสเปอร์จะมีโอกาสมากมายแต่ไม่คมที่จะขึ้นนำได้ สุดท้ายกลายเป็นผู้มาเยือนที่เฉียบคมกว่าอย่างชัดเจน นิวคาสเซิลถล่มสเปอร์เละเทะในครึ่งแรกถึงสองประตู ด้วยฝีมือของ คารัม วิลสัน ที่แย่งบอลจาก โยริส มายิงได้ในนาทีที่ 31 และจากทักษะอันยอดเยี่ยมของ มิเกล อัลมิรอน ยิงมุมแคบเข้าไปในนาทีที่ 40 ถึงแม้ในครึ่งหลัง แฮรี่ เคน กองหน้าตัวเก่งของทัพไก่จะตีไข่แตกได้ในนาทีที่ 54 แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ทีมชนะได้ การจบสกอร์ของสเปอร์เป็นสิ่งที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ต้องรีบปรับแก้อย่างเร่งด่วน หากปล่อยไปมากกว่านี้ การลุ้นทอป 4 ก็คงยาก และอาจยากยิ่งกว่าปีก่อนเพราะคู่แข่งในการลุ้นทอป 4 นั้นมีมากกว่าปีก่อน เผลอๆต่อไปก็ไม่แน่ว่า นิวคาสเซิล อาจจะกลับมายิ่งใหญ่ กลายเป็น Big 7 ก็เป็นได้ปัจจุบัน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แข่งไป 12 นัด มี 23 คะแนน อยู่อันดับที่ 34.เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขออนุญาตรวมสองทีมนี้ไว้ในข้อเดียว เพราะในสัปดาห์นี้พวกเขาต้องมาพบกันเองในบ้านของทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ด้วยสถิติดั้งเดิมที่เรารู้กันดีว่าสองทีมนี้ชอบเสมอกัน และในนัดนี้ก็เช่นกัน พวกเขาเสมอกันไปด้วยสกอร์ 1 - 1 เชลซีถึงแม้จะเป็นเจ้าบ้านแต่กลับมีรูปเกมที่น่าเบื่อได้แต่ตั้งรับการบุกของแมนยูเป็นส่วนใหญ่ เกป้า อาริซาบาราก้า นายประตูมือเก่งของเชลซี ต้องออกแรงเซฟแล้วเซฟอีกจนมือแทบไหม้ แต่แล้วในช่วงท้ายเกม กลับเป็นเชลซีที่ได้ขึ้นนำจากการทำฟาวล์ของแมคโทมิเน่ที่ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงโบรย่าในกรอบเขตโทษ และจอจินโญ่ก็ไม่พลาด ซัดจุดโทษขึ้นนำไปได้ในนาทีที่ 87 แต่แล้วกลับเกิดดราม่ายิ่งกว่านั้นในจังหวะเตะมุมของแมนยูในช่วงทดเวลา คาเซมิโร่ ขึ้นโขกเน้นๆที่เสาสองบอลพุ่งย้อนไปเสาแรก เกป้าก็โชว์ของใส่ปัดบอลได้แต่ก็ไม่เน้นพอ บอลหลุดไปชนเสากระเด้งเข้าประตูแบบก้ำกึ่ง เกป้ารีบควักบอลออกจากประตูแต่ก็ไม่รอดสายตาของโกลไลน์ แมนยูตีเสมอได้ในนาทีที่ 90+4 ทั้งสองทีมยังอยู่ในจุดที่ต้องปรับตัวกับโค้ชใหม่ทั้งคู่ ในเกมใหญ่แบบนี้ถือว่าผลงานในระดับก็ดีแล้วสำหรับทีมที่กำลังปรับตัว แต่ดูทางด้านของเชลซีจะอาการหนักมากในเรื่องของเกมรับและการขึ้นเกม ส่วนปัญหาของแมนยูที่เห็นชัดตอนนี้คือคุณภาพการจบสกอร์ของแนวหน้า แต่ก็ยังดูอยู่ในทิศทางที่ดีหากไม่พลาดอะไรง่าย การติดทอป 4 ของทั้งสองทีมก็ไม่ไกลเกินเอื้อมปัจจุบัน เชลซี แข่งไป 11 นัด มี 21 คะแนน อยู่อันดับที่ 4ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แข่งไป 12 นัด มี 20 คะแนน อยู่อันดับที่ 56.ลิเวอร์พูลเรียกได้ว่าเป็นทีมใหญ่ที่อาการหนักสุดเลยก็ว่า ถึงแม้จะพึ่งเอาชนะแมนซิตี้มาได้ แต่ในนัดล่าสุดดันแพ้ทีมบ๊วยอย่าง น็อตติงแฮม ฟอเรส ไปด้วยสกอร์ 1-0 จากการทำประตุของ อาโวนิยี่ ตัวเก่งของเจ้าบ้าน ในนาทีที่ 55 ลิเวอร์พูลครองบอลมากกว่าชัดเจน โอกาสยิงมีมากกว่า แต่กลับยิงเข้ากรอบเท่ากับฟอเรส แถมทำประตูไม่ได้เลย แสดงให้เห็นปัญหาอย่างชัดเจนทั้ง แดนหน้า แดนกลาง แดนหลัง การสร้างจังหวะยิงที่ไม่จะแจ้งพอจะทำประตูได้ง่าย หรือในจังหวะที่ควรได้กลับทำไม่ได้ อาจเพราะปัญหามากมายจากอาการบาดเจ็บค่อนทีม การปรับแผนใหม่ให้เข้ากับผู้เล่นใหม่ อาการหนักจนไม่อยากจะอธิบายเยอะเลยครับปัจจุบัน ลิเวอร์พูล แข่งไป 11 นัด มี 16 คะแนน อยู่อันดับที่ 8บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผมคนเดียวชี้วัดอะไรทั้งหมดไม่ได้ หากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วย สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ขอบคุณครับ เครดิตภาพ Facebookภาพปก : Premier Leagueภาพที่ 1 : Premier Leagueภาพที่ 2 : Arsenalภาพที่ 3 : Manchester Cityภาพที่ 4 : Tottenham Hotspurภาพที่ 5 : Manchester Unitedภาพที่ 6 : Liverpool FC Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์