เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ และในที่สุดตลาดหน้าหนาวของพรีเมียร์ลีกก็ได้ปิดม่านลงด้วยดีลช็อกโลกอีกหนึ่งดีลจากพลังเงินของเสี่ยท็อด 121ล้านยูโรคือค่าฉีกสัญญาของเอ็นโซ่ อะไรทำให้เสี่ยท็อดต้องยอมทุ่ม เด็กคนนี้มีดีอะไร คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ทาง The wonderkids จะพาไปหาคำตอบกันครับ เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ หรือ ชื่อเต็มว่า เอ็นโซ่ เจเรมิอัส เฟอร์นันเดซ เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม ปี 2001(ปัจจุบันอายุ 22 ปี) ที่เมืองซาน มาร์ติน กรุงบัวโนส ไอเรส เอ็นโซ่และพี่น้องอีก4คนเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ร่ำรวยโดยมีพ่อเป็นช่างทาสีแม่เป็นพนักงานทำความสะอาด ทั้งสองคนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงปากท้องทั้งของตนเองและลูกๆอีก5คน ในวัยเด็กของเอ็นโซ่ที่เห็นครอบครัวมีปัญหาทางด้านการเงินมาตลอดทำให้เขามีความคิดที่จะช่วยเหลือครอบครัวและแน่นอนว่าเด็กอเมริกาใต้ที่ต้องการหนีจากความยากจนมีทางออกเดียวคือการเล่น"ฟุตบอล"เริ่มต้นอาชีพ เอ็นโซ่เริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลในวัย 5 ขวบโดยสโมสรแรกของเขาคือ คลับ ลา เรโควาอเคเดมี่เล็กๆในบ้านเกิดที่ ซาน มาร์ติน ในที่นี่เองเอ็นโซ่ที่อายุแค่ 5 ขวบเริ่มฉายแววอายุน้อยร้อยล้านออกมาทั้งไอคิว อีคิวที่มีมากกว่าเด็กคนอื่น ออร่าซุป'ตาร์ที่แผ่ออกมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เหล่านี้ทำให้เอ็นโซ่คือเพชรในตมที่รอคนมาค้นพบและไม่ต้องรอนานเพชรเม็ดนี้ก็ได้ส่องประกายไปเตะตา พาโบล เอสคิเบล แมวมองตาแหลมจากริเวอร์เพลทเข้าอย่างจัง "เขาสามารถสร้างความแตกต่างได้ ทั้งๆที่อายุแค่ 5 ขวบ เขามีความเป็นผู้นำและส่งบอลแม่นมาก ผมคิดว่าไอเด็กคนนี้กำลังเดินถูกทางเพราะคาแรคเตอร์ที่มีอยู่ในตัวเขาและผมประหลาดใจมากที่เด็ก 5 ขวบสามารถที่จะทำได้ทุกอย่างที่เราบอกให้เขาทำ" พาโบลพูดถึงเอ็นโซ่ในวัยเด็ก ด้วยความสามารถที่เกินวัยทำให้พาโบลชอบเขามาก พาโบลยังพูดถึงตอนที่เขาพาตัวเอ็นโซ่ มาที่ริเวอร์ เพลท "ผมไม่หยุดที่จะพาเขามาที่ริเวอร์เพลท" "ผมบอกกาเบรียล โรดริเกวซ ผู้จัดการทั่วไป ว่าผมเจอเด็กคนนึงที่ ลา เรโควา เขาทำลายทุกอย่าง เราต้องเอามาเขามาที่นี่ให้ได้ หลังจากนั้นผมก็เริ่มต้นสืบหาที่อยู่ของเอ็นโซ่ และพอได้มาผมรีบบึ่งไปที่บ้านเขาทันที ผมได้คุยกับพ่อแม่ของเขา(ครอบครัวเอ็นโซ่เป็นแฟนบอลริเวอร์เพลท) ในตอนแรกพ่อแม่เขาไม่อยากให้เอ็นโซ่มาเล่นที่ริเวอร์เพลทเพราะคิดว่าเขายังเด็กเกินไป แต่จนแล้วจนรอดเราก็ได้ตัวเอ็นโซ่ในปีถัดมา" เรื่องราวของเอ็นโซ่กับริเวอร์เพลทเริ่มต้นจากตรงนี้..เปล่งประกายที่อาร์เจนติน่า เอ็นโซ่ย้ายเข้าศูนย์ฝึกของริเวอร์เพลทในปี 2006 ในช่วงขวบปีแรกที่ริเวอร์ เพลท เอ็นโซ่ถูกเรียกว่า"The Musician" โดยพ่อของเขาบอกว่าที่เอ็นโซ่ถูกเรียกแบบนั้นเพราะเวลาดูเอ็นโซ่ในสนามมันเหมือนเราดูคอนดัคเตอร์กำลังควบคุมวงดนตรียังไงยังงั้น อาจเพราะตำแหน่งของเขาที่เล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวต่ำทำให้การคุมจังหวะของเกมเป็นเรื่องที่เอ็นโซ่ถนัด จากคำชมมากมายและล้นหลามตลอด 13 ปีในชุดเยาวชนของริเวอร์ เพลท ในเดือนมกราคมปี2019 มาร์เซโล่ กัลลาโด้ เฮดโค้ชของริเวอร์เพลทในขณะนั้นได้เรียกเอ็นโซ่ขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมลีกที่แพ้คาบ้าน1-3ให้กับปาโตรนาโตหลังจากนั้นเอ็นโซ่ก็ได้ติดทีมเรื่อยมาในฐานะตัวสำรองอดทน ในปีเดียวกันนี้เองเอ็นโซ่ได้ถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดU18ในทัวร์นาเมนท์ทีมชาติที่สเปนได้โอกาสลงสนาม 2 นัด จนกระทั่งเดือนมีนาคม ปี2020 เอ็นโซ่จึงได้โอกาสเดบิวท์เป็น11ตัวจริงให้ริเวอร์เพลทครั้งแรกในเกม โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ที่แพ้ให้กับ แอลพียู กีโต้ไป 3-0 แต่ถึงอย่างนั้นเอ็นโซ่ก็ยังได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ไม่มากนักเมื่อจบฤดูกาล2019/20(ที่จริงฤดูกาลถัดมาต้องเป็นฤดูกาล2020/21 แต่ทาง Fa ของอาร์เจนติน่าได้ยกเลิกบอลลีกเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยของ covid-19 แต่บอลถ้วยทั้งระดับประเทศและทวีปยังคงทำการแข่งขันได้ เป็นเหตุผลที่เอ็นโซ่ซึ่งหลังจากนี้จะย้ายไปดีเฟนซ่าจึงมีสถิติลงแค่บอลถ้วย) ผู้จัดการของเอ็นโซ่จึงได้แนะให้เขาย้ายออกไปแบบยืมตัวเพื่อโอกาสลงเล่นและพัฒนาความสามารถ ท้ายที่สุดก็เป็นดีเฟนซ่า วาย จัสติเซียทีมร่วมลีคสูงสุดที่มาดึงตัวเอ็นโซ่ไปร่วมทีม และที่ดีเฟนซ่านี่เองที่เอ็นโซ่ได้รับการเจียระไนให้เปล่งประกายมากขึ้นกว่าเดิม เอ็นโซ่ได้โอกาสประเดิมนัดแรกให้ทีมในเกม โคปา ลิเบอร์ตาดอเรสที่ทีมต้นสังกัดเขาเอาชนะคู่แข่งไปได้ 3-0 ที่ดีเฟนซ่าเอนโซ่เริ่มต้นจากม้านั่งสำรองแต่เมื่อได้รับโอกาสลงสนามเอ็นโซ่ก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ดีจนได้ติดทีม11ตัวจริงมากขึ้นและสุดท้ายจึงได้ก้าวมาเป็นตัวหลักพาทีมคว้าแชมป์บอลถ้วยได้ถึง 2 รายการ ถ้วยแรกคือ โคปา ซูดาเมริกาน่า(เทียบเท่ายูโรปา ลีก)ซึ่งถ้วยนี้ถือเป็นถ้วยแรกในชีวิตของเอ็นโซ่ด้วย และอีกถ้วยคือ เรโคปา ซูดาเมริกาน่า(เทียบเท่า ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ)หลังจากพาทีมได้แชมป์เรโคปาฯ เอ็นโซ่ยังคงอยู่ช่วยดีเฟนซ่าลงเล่นบอลถ้วยต่อ(อย่างที่บอกว่าบอลถ้วยยังคงเตะตามรอบ)จนกระทั่งถูกริเวอร์ เพลทดึงตัวกลับในเดือนมิถุนายน ปี2021 เพื่อช่วยทีมสู้ศึกบอลลีกที่จะเริ่มกลับมาเตะอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปี2021(ปีนี้คือปีที่ลีกอาร์เจนติน่ากลับมาเตะ1ฤดูกาลคือ1รอบปีปฏิทินไม่เหมือนลีคยุโรปที่เตะข้ามปีดังนั้นทางผู้เขียนจึงขอเรียกฤดูกาลนี้ด้วยเลขปีเดียว) ฝากผลงานในการยืมตัวคือลงสนามให้ดีเฟนซ่าไป 32 นัด ยิง 1 แอสซิส 2 หลังกลับจากการยืมตัวตามที่กัลลาโด้เรียกร้อง เอ็นโซ่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันทีในเกมบอลถ้วยโคปา ลิเบอร์ตาดอเรสและได้เป็นตัวจริงต่อเนื่องในเกมลีคที่พบกับเวเลซ ซาร์ฟิลด์และถูกลิโอเนล สคาโลนี่เรียกถัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ในเกมบอลโลกรอบคัดเลือกที่อาร์เจนติน่าต้องพบกับบราซิลและอุรุกวัยแต่ยังไม่ได้รับโอกาสลงเล่นแม้แต่นาทีเดียว หลังจากพาริเวอร์เพลทคว้าแชมป์ลีกอาร์เจนติน่าในปีนี้ได้สำเร็จ เอ็นโซ่ตกลงต่อสัญญากับทางต้นสังกัดจนถึงจบฤดูกาล 2025 ท่ามกลางความสนใจจากทีมมากมายในยุโรปมาถึงมิถุนายน ปี2022 เบนฟิก้าได้ตกลงจ่าย18ล้านยูโรรวมแอดออนเพื่อเซ็นสัญญากับเอ็นโซ่ล่วงหน้า โดยเซ็นสัญญาถึงปี2027 ค่าฉีกสัญญา 121 ล้านยูโรและจะปล่อยให้ริเวอร์ เพลทใช้จนจบทัวร์นาเม้นท์โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส หลังเสร็จภารกิจที่ริเวอร์เพลทเอ็นโซ่ก็บินมาช่วยต้นสังกัดใหม่ทันที และได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันทีในเกมส์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค รอบคัดเลือกรอบ3เลกแรกที่เบนฟิก้าพบกับมิดทิลแลนด์และทำประตูได้ทันทีจากการยิงฮาล์ฟวอลเล่ย์นอกกรอบเขตโทษ พาทีมชนะไป4-1 ความเก่งกาจของเอ็นโซ่ยังคงฉายออกมาอย่างต่อเนื่องนัดแล้วนัดเล่าการันตีได้จากรางวัลมิดฟิล์ดยอดเยี่ยมของลีกโปรตุเกสในเดือนสิงหาคม,ตุลาคมและพฤศจิกายนก่อนที่ลีกจะหยุดเพื่อเปิดทางให้บอลโลก2022ที่กาตาร์เฉิดฉายในฟุตบอลโลก เอ็นโซ่ในขณะนั้นถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนติน่าในฐานะตัวสำรองในตำแหน่งมิดฟิล์ดที่ไม่ถูกคาดหวังมาก เขานั่งเป็นตัวสำรองในเกมส์แรกของอาร์เจนติน่าที่แพ้ซาอุฯไป2-0 และเมื่อโอกาสของเขามาถึงในเกมต่อมาที่เขาได้ลงเป็นตัวสำรองที่ลงมาแทนกูยโด้ โรดริเกวซ และเขาไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อเขาสามารถยิงได้ 1 ประตูพาบ้านเกิดเอาชนะเม็กซิโกไป2-0 และหลังจากนั้นเอ็นโซ่ก้ได้รับความไว้วางใจจากสคาโลนี่ให้เป็นตัวจริงทุกนัดหลังจากนั้น จนกระทั่งช่วยทีมฟ้า-ขาวคว้าดาวดวงที่ 3 มาประดับได้สำเร็จ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์อีกด้วยซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่การันตีความสามารถได้เป็นอย่างดีเพราะถ้าไล่เรียงนักเตะที่เคยได้รางวัลนี้เช่น คิเลียน เอ็มบัปเป้,ปอล ป๊อกบา,โธมัส มุลเลอร์ หรือแม้กระทั่ง ไมเคิล โอเว่น ต่างกลายเป็นนักเตะระดับท๊อปๆทั้งสิ้น จากฟอร์มที่อยู่ในกราฟขาขึ้นและทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ทำให้ท้ายที่สุดเราจึงได้เห็นเอ็นโซ่ย้ายมาใส่เสื้อสีน้ำเงินที่เดอะ บริดจ์นั่นเองสไตล์การเล่น สไตล์การเล่นของเอ็นโซ่ เอ็นโซ่ถนัดในการเล่นมิดฟิลด์ตัวต่ำที่สุดในแผงมิดฟิลด์หรือจะยืนเป็นตัวกลางก็ยังทำได้ดีและมีบางครั้งที่ขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกได้ด้วย เอ็นโซ่มีการจ่ายบอลที่แม่นยำทั้งระยะใกล้และไกล จ่ายบอลได้อย่างรวดเร็ว เอาตัวรอดได้ดีในสถานการณ์ที่ถูกกดดัน(แกะเพรส) มีเกมรับที่ถือว่าใช้ได้เพราะเอ็นโซ่เป็นบอลสไตล์มันสมองที่ใช้การอ่านทางบอลที่เฉียบขาดเข้าไปตัดบอลก่อนที่บอลจะถึงคู่แข่ง นอกเหนือจากสไตล์การเล่นที่ครบเครื่องแบบกองกลางสมัยใหม่ที่ทำได้ทุกอย่างในสนาม เอ็นโซ่ยังมีภาวะความเป็นผู้นำตามธรรมชาติและยังมีหัวจิตหัวใจที่แข็งแกร่ง ดุดันตามสไตล์นักเตะอเมริกาใต้ด้วย อ่านมาถึงจุดนี้แล้วผู้อ่าน อาจจะทราบถึงเหตุผลที่เชลซียอมจ่ายค่าฉีกสัญญาระดับเกินร้อยล้านไม่มากก็น้อย เพราะถ้าสรุปสั้นๆคือเชลซีจ่าย121ล้านยูโรให้กับดาวรุ่งยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก จ่ายให้กับผู้เล่นที่ทำได้ทุกอย่างในแผงมิดฟิล์ด จ่ายให้กับภาวะผู้นำ และสุดท้ายการลงทุนกับนักเตะวันเดอร์คิดส์ที่ทีมใหญ่ๆแย่งกันทั้งยุโรปคือการจ่ายเพื่ออนาคตของสโมสรที่โคตรชาญฉลาดสุดๆเลยครับ-The Wonderkids-ภาพประกอบที่1 จาก La recovaภาพประกอบที่2 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่3 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่4 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่5 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่6 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่7 จาก enzojfernandezภาพประกอบที่8 จาก enzojfernandezภาพโลโก้สโมสรในปกจาก SL Benficaภาพนักฟุตบอลในปกจาก SL BenficaCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์