การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตอาจจะคิดว่าเป็นการแข่งบนพื้นถนนบนดินเท่านั้นแต่ทราบหรือไม่ว่าการแข่งขันดังกล่าวนี้รวมไปถึงบนฟากฟ้าด้วย มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากการแข่งขันเครื่องบินที่มีชื่อเรียกว่า Air Race 1 หรือการแข่งขันเครื่องบินสูตร 1 ซึ่งเป็นกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมสูงไม่แพ้การแข่งขันบนพื้นดิน แต่การแข่งบนฟ้ามันมีอะไรดีกว่าการแข่งบนพื้นดินกันล่ะ ? ที่มารูปภาพ: dominikschatzl จาก Pixabay สำหรับ Air Race 1 เป็นการแข่งขันเครื่องบินสูตร 1 ที่มีจุดเด่นคือเป็นกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่เร็วที่สุด เพราะตัวเครื่องบินสามารถทำความเร็วได้มากกว่า 450 กิโลเมตร/ชั่วโมง มันมากกว่ารถ F1 หรือมอเตอร์ไซค์ MotoGP ที่ทำความเร็วได้ประมาณ 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและ 354 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยความเร็วขนาดนั้นพร้อมกับการลอยเคว้งกลางอากาศ มันจึงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นท้าความตายมากทีเดียว จุดเริ่มต้นของกีฬามอเตอร์สปอร์ตชนิดนี้ ต้องย้อนเวลาไปยังประเทศฝรั่งเศสในปี 1909 เครื่องบินที่นำมาแข่งขันจะต้องเป็นเครื่องบินที่ถูกสร้างมาเพื่อแข่งเท่านั้นเช่นโครงสร้าง , วัสดุ , เครื่องยนต์ การแข่งขันหลักนอกจากจะแข่งเพื่อชิงชัยความเป็นหนึ่ง ยังเป็นการแข่งขันเรื่องการพัฒนาอกกแบบโครงสร้างเครื่องบินเป็นหลักด้วย ซึ่งนักบินในยุคนั้นต่างได้รับชื่อเสียงมากมายจนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กีฬานี้ก็ได้จางหายไป ต่อมาหลังจบสงคราม การแข่งขันเครื่องบินก็ได้รับความนิยมอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันได้รับความนิยมมาก จนมีรายการแข่งขันในหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา , โมนาโค หรืออังกฤษ แต่แล้วเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สองการพัฒนาเครื่องบินเพื่อแข่งขันก็กลายเป็นการพัฒนาเพื่อใช้ในศึกสงครามแทน อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามสิ้นสุดลงทางอังกฤาจึงได้ริเริ่มการแข่งเครื่องบินอย่างเป็นทางการขึ้นจนเกิด Air Race 1 นั่นเอง ที่มารูปภาพ: dominikschatzl จาก Pixabay Air Race 1 มีจุดประสงค์หลักที่คล้ายคลึงกับต้นกำเนิดคือแข่งขันทางด้านทักษะการบินของผู้ขับและเทคโนโลยีด้านอากาศยาน ทำให้การแข่งขันเครื่องบินความเร็วสูงได้รับความนิยมต่อเนื่องหลายปีจ วบจนถึงปัจจุบันรายการแข่งขันเครื่องบินก็ยังได้รับความนิยมอยู่เนือง ๆ อย่างไรก็ตามการคัดเลือกนักแข่งจะมีมาตรฐานที่สูงขึ้นในทุก ๆ ปี จะมีสอบคัดเลือกบินทดสอบเพื่อวัดประสิทธิภาพของเครื่องบิน ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับให้ทีมมีการพัฒนาขีดความสามารถของนักแข่งกับเครื่องบินอยู่ตลอดเวลา การพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยาน เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการแข่งขันซึ่งหลายคนก็คงทราบดีเพราะการแข่งภาคพื้นดินก็ต้องทำเช่นนั้น แต่สงสัยกันไหมว่าทางด้านนักบินทำไมต้องมีทดสอบต้องมีพัฒนาความสามารถให้สูงขึ้นไปด้วย คำตอบของคำถามนี้ก็คงอยู่ที่การแข่งบนฟากฟ้านี่แหละครับ เพราะการอยู่บนอากาศจะต้องได้รับแรง G มากกว่าบนดิน ต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลกและต้องควบคุมเครื่องบินให้เร็วที่สุดควบคู่กันไป การแข่ง Air Race 1 นักบิจะต้องทนรับแรงกดมหาศาลถึง 10 G เลยทีเดียว ดังนั้นเลยต้องมีชุดสำหรับปรับแรงดันโดยเฉพาะเรียกว่า G-Suit นักบินทุกคนต้องสวมใส่เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ร่างกายมีอาหารหน้ามืดหรือรับแรงดันไม่ไหวเมื่อมีการบินผาดโผนกลางอากาศ การที่เราต้องควบคุมทิศทางเครื่องบินให้ได้ดั่งใจท่ามกลางแรง G มหาศาล มันจึงเป็นความท้าทายที่ไม่อาจหาได้ในมอเตอร์สปอร์ตภาคพื้นดิน ที่มารูปภาพ: dominikschatzl จาก Pixabay นอกเหนือจากการต้านทานแรงดึงดูด หากมาดูด้วยกติกาการแข่งก็ถือว่าโหดท้าทายขีดความสามารถเหมือนกันกับ การแข่งขันเป็นวงกลมระยะทาง 5 กิโลเมตรจำนวน 8 รอบระยะทางทั้งสิ้น 40 กิโลเมตร มีเงื่อนไขว่าผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำเวลาต่อรอบไม่เกิน 1 นาที ต้องใช้ความเร็วกว่า 450 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฟังดูเหมือนจะง่ายดายแต่ความจริงแล้วนักบินจะต้องบินหลบสิ่งกีดขวาง พร้อมกับใช้ทักษะการตีโค้งวกกลับให้เร็วกว่าคู่แข่ง ลองคิดดูว่าคุณอยู่กลางอากาศด้วยความเร็วมากกว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต้องจัดการเครื่องบินไปให้ถึงจุดหมายภายใน 1 นาทีด้วยการตีโค้งบังคับเลี้ยวไปมา พร้อมกับมีแรงดึงดูดของโลกเป็นตัวฉุดรั้งไว้ เชื่อได้เลยว่าภายใต้ห้อง Cockpit มันเต็มไปด้วยความกดดันต้องใช้สมาธิอย่างมาก ในปัจจุบันการแข่งขันกีฬาดังกล่าวอาจไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก แต่มันก็ได้รับความนิยมพอควรในหมู่ผู้หลงใหลอากาศยาน รายการแข่งที่ดังที่สุดในต่างประเทศที่มีชื่อเสียงก็คือ Red Bull Air Race กับการแข่งขัน 14 ซีซั่น 94 สนาม 21 ประเทศ 35 เมือง อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นรายการใหญ่ระดับโลกแต่มันก็ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อปีที่ผานมา ทาง Red Bull ประกาศยกเลิกการแข่ง Air Race 1 อย่างเป็นทางการเนื่องจากปัญหาทางการเงิน ในส่วนของประเทศไทยเองก็เคยมีการจัดแข่งมาแล้วครับในปี 2017 ที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการจัดการแข่งขันนี้ขึ้น แต่ด้วยความแปลกใหม่หรืออย่างไรมิทราบ ทำให้การแข่งขันเครื่องบินในไทยไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร จนไม่มีโปรแกรมการแข่งขันเพิ่มเติมหลังจากนั้นเป็นต้นมาอีกเลย ถือว่าเป็นความน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่อาจจุดกระแส Air Race ในภูมิภาคอาเซียนได้ ที่มารูปภาพ: Ricardo Resende on Unsplash สรุปแล้วกีฬา Air Race 1 ถือว่าเป็นความท้าทายของการแข่งเครื่องบินต้านแรงโน้มถ่วงกับการแข่งขันทำเวลาให้เร็วที่สุดกับความเร็วกว่า 450 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต้องหลบอุปสรรคตามรายทางเลยทำให้ Air Race 1 มอบความมันส์และท้าทายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแข่ง F1 บนพื้นดิน แต่ด้วยความโหดร้ายเกินไปหรือการลงทุนที่มหาศาลกว่า F1 ก็มิอาจทราบได้ ทำให้รายการแข่งขันประเภทนี้กลับไม่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายนัก ถึงแม้ว่าความนิยมอาจสู้กีฬาชนิดอื่นไม่ได้ ใช่ว่ามันจะเป็นกีฬาน่าเบื่อครับ กลับกัน Air Race 1 คือการท้าทายขีดความสามารถของมนุษย์และอากาศยานว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน บวกกับมันสมองมนุษย์ที่คิดค้นตลอดเวลา มันเลยเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกทักษะพัฒนาความคิดไปด้วยแบบไม่รู้ตัว! ที่มารูปภาพหน้าปก: Kurt Bouda จาก Pixabay