รีเซต
มิยาวะสุ : เด็กเนิร์ดแห่งสาธิตไคนัน ที่สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนมีอาวุธดีๆ ซ่อนอยู่

มิยาวะสุ : เด็กเนิร์ดแห่งสาธิตไคนัน ที่สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนมีอาวุธดีๆ ซ่อนอยู่

มิยาวะสุ : เด็กเนิร์ดแห่งสาธิตไคนัน ที่สะท้อนให้เห็นว่าทุกคนมีอาวุธดีๆ ซ่อนอยู่
เมนสแตนด์
2 มิถุนายน 2563 ( 13:30 )
827

หากพูดถึงเรื่อง สแลมดังก์ แล้วล่ะก็ หลายคนคงมีตัวละครในดวงใจกันแน่นอน โดยเฉพาะฝั่งพระเอกอย่าง โชโฮคุ นั้นล้วนแต่เป็นตัวละครที่มีคาแร็คเตอร์เท่ในแบบฉบับของแต่ละคน และกลายเป็นที่จดจำของผู้อ่านตั้งแต่เด็กจนโต


 ขึ้นชื่อการ์ตูนนั้นเน้นความเท่เป็นเรื่องหลักอยู่แล้ว ทว่าในเรื่อง สแลมดังก์ กลับมีตัวละครตัวหนึ่งที่ความเท่ติดลบ และได้ออกอากาศในฐานะตัวประกอบที่มีบทไม่กี่หน้า ทว่ากลับซ่อนแง่คิดและสัญลักษณ์ของมนุษย์ทุกคนได้เป็นอย่างดี

นี่คือเรื่องราวของ โยชิโนริ มิยาวะสุ เด็กเนิร์ดที่ร่างกายปวกเปียกที่สุดในเรื่อง แต่กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเรื่อง ที่ส่งให้พระเอกอย่าง ซากุรางิ ฮานามิจิ เติบโตในแง่ของคาแร็คเตอร์ และกลายเป็นนักบาสเต็มตัว 

รู้จักกับอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ภายในตัวของ มิยาวะสุ ได้ที่นี่ 

Slam Dunk การ์ตูนของลูกผู้ชาย

สแลมดังก์ แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามันจะต้องเกี่ยวกับบาสเกตบอลแน่นอน แต่มันต้องมีเหตุผลว่าทำไมการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนบาสที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์มังงะ 


Photo : @animatehonten

นี่ไม่ใช่เรื่องแค่พูดยกกันขึ้นมาลอยๆ จากสถิติของ Manga Zenkan ระบุว่าสแลมดังค์ทำยอดขายไปได้มากกว่า 120 ล้านเล่ม มากกว่าการ์ตูนขึ้นหิ้งอย่าง โดราเอมอน, ทัชจิ หรือการ์ตูนที่ยังไม่จบทั้ง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ และ กัปตันสึบาสะ ทั้งที่ไม่มีภาคต่อและมีแค่ 31 เล่มจบเท่านั้น ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้? 

เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว เพราะมันคือความ "กลมกล่อม" ในทุกๆ หน้ากระดาษ ทาเคฮิโกะ อิโนอุเอะ ผู้เขียนเรื่องนี้ไม่ได้พยายามยัดเยียดความเป็นกีฬาบาสเกตบอลให้กับผู้อ่านอย่างเดียว แต่เขาเลือกใช้วิธีเล่าเรื่องที่มีส่วนของความเป็นมนุษย์เข้าไป ดราม่าระหว่างเพื่อนร่วมทีม, จิ๊กโก๋กลับใจ, พระเอกที่มาเล่นบาสเพราะผู้หญิง แต่สุดท้ายก็หลงรักบาสเกตบอลอย่างหัวปักหัวปำ หรือแม้แต่การปลุกวิถีหมาจนตรอกที่ใครๆ ก็บอกว่า "ไม่มีวันเอาชนะ" ให้กลายเป็นผู้ชนะได้ ยกตัวอย่างเช่นศึกระหว่าง โชโฮคุ กับ เทคโนซังโน ที่ถือว่าเป็นไคลแม็กซ์ที่สุดของเรื่องนี้เป็นต้น 

เรื่องราวเหล่านี้สามารถเอาชนะใจลูกผู้ชายได้อย่างง่ายดาย มิตรภาพ, ความเป็นนักสู้ โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างเช่นเรื่องของคาแร็คเตอร์ของตัวละครแต่ละคนนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ สแลมดังก์ เป็นการ์ตูนที่อ่านเเล้ววางไม่ลงอย่างแท้จริง

ซากุรางิ ฮานามิจิ เริ่มต้นจาก 0 และพยายามสุดชีวิตเมื่อรู้ว่าตัวเอกรักบาสเกตบอลจากใจจริง, รุคาว่า คาเอดะ กับเป้าหมายการเป็นนักบาสเกตบอลญี่ปุ่นที่ได้ไปเล่นใน NBA, อาคางิ ทาเคโนริ ที่ต้องการทิ้งทวนชีวิต ม. ปลายปีสุดท้ายด้วยการพาโรงเรียนไปแข่ง อินเตอร์ไฮ หรือบาสเกตบอลชิงแชมป์ประเทศระดับ ม.ปลาย เป็นตัวอย่างของการขายสตอรี่ที่ทำให้เรื่องดำเนินไปข้างหน้าอย่างเร้าใจ


Photo : すこすこタイム.net

นอกจากนี้ยังมีฝ่ายตรงข้ามทีมพระเอกที่ไม่เหมือนเรื่องไหนๆ เรียกง่ายๆ ว่าแม้แต่บทตัวร้าย (หรือคู่แข่งทีมพระเอก) ของเรื่องสแลมดังก์ก็ยังเท่ จนบางครั้งคนอ่านเผลอใจไปเชียร์เลยก็มี อาทิ เซนโด อากิระ จาก เรียวนัน คู่แข่งรอบแรกๆ ของทีม โชโฮคุ เรียกได้ว่าเมื่อ เซนโด เปิดตัวและมาพร้อมกับทักษะที่เก่งกาจ เด็กไทยสมัยนั้นถึงกับต้องทำผมตั้งแล้วเรียกว่าทรงเซนโดกันเลยทีเดียว นอกจากเซนโดแล้วยังมี ซาวาคิตะ เออิจิ จาก เทคโนซังโน ที่ถือว่าเป็น "บอสใหญ่" ของเรื่อง เพราะเก่งกาจมากจนถูกเรียกว่า เบอร์ 1 ของประเทศญี่ปุ่น เพราะโดนปลูกฝังให้รักบาสเกตบอลจากคุณพ่อมาตั้งแต่ยังทารก 

อย่างไรก็ตาม ความเรียลของสแลมดังก์คือ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนทุกคนย่อมมีจุดอ่อน หรือแม้กระทั่งแม้จะดูอ่อนชั้นแค่ไหนก็ย่อมมีจุดเเข็งซ่อนอยู่เช่นกัน ... นี่คือ "มนุษย์จริงๆ" 

ยกตัวอย่างเช่นตัวของ ซาวาคิตะ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดในเรื่องนั้น ก็ยังมีจุดอ่อนและเสียท่าให้กับความบ้าๆ บอๆ ของ ซากุรางิ เพราะเดิมทีเขาเป็นคนสมาธิสั้นมากมักจะไขว้เขวง่ายๆ แต่ในศึกสุดท้ายของเรื่อง ซาวาคิตะ ที่เก่งกว่า รุคาว่า กลับโดน ซากุรางิ หลอกว่า พวกเขาจะเล่นโดยใช้แผนลับที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ... ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีแผนอะไรทั้งสิ้น นั่นล่ะคือสิ่งที่สแลมดังก์เป็น และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้จึงทำให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กผู้ชายนั้น "อิน" และฝังอยู่ในความทรงจำจนโตเป็นผู้ใหญ่


Photo : news4wide.net

และถ้าหากว่า ซาวาคิตะ คือตัวอย่างของคนเก่งที่สุดย่อมมีจุดอ่อนแล้ว ก็ต้องพูดถึงคนที่ดูอ่อนแอที่สุดในเรื่องที่มีจุดเเข็งจนทำให้หลายคนช็อคตาตั้ง ... 

และเขาคือ 1 ในตัวประกอบที่ได้แอร์ไทม์เพียงไม่กี่ตอนเท่านั้นจากการ์ตูนทั้งหมด 31 เล่ม แต่กลับเป็นภาพสะท้อนชีวิตคนเราว่า ไม่ว่าจะโดนใครดูถูกและมองข้ามแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหา หากว่าเราเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองมี และตัวประกอบยอดเยี่ยมคนนี้ชื่อว่า โยชิโนริ มิยาวะสุ

 

มิยาวะสุ ใคร!? 

หากไม่ใช่แฟนการ์ตูนเรื่องสแลมดังก์หรือแม้กระทั่งคนที่อ่านผ่านๆ อาจจะงงว่าตัวละครที่ชื่อ มิยาวะสุ มีด้วยหรือและเขาออกมาตอนไหน ที่สำคัญเขาเป็นตัวแทนของความเชื่อว่า "ทุกคนมีดีอยู่ในตัวเอง" ได้อย่างไรเป็นแน่แท้ 


Photo : www.smartstyle-blog.net

มิยาวะสุ นั้นคือผู้เล่นหมายเลข 15 ของทีม สาธิตไคนัน ทีมที่ได้ฉายาว่า "ราชาแห่งคานางาวะ" ซึ่งเป็นโรงเรียนในเขตเดียวกับ โชโฮคุ นั่นเอง ดังนั้นด้วยภาพลักษณ์ของ มิยาวะสุ ที่เปิดตัวด้วยการสวมแว่นสายตา ตัวเล็กที่สุดในทีม ร่างกายไร้กล้ามเนื้อ แถมยังมีท่าวอร์มอัพประหลาดๆ จึงไม่แปลกที่ใครๆ จะสงสัยว่า "เขาเป็นส่วนหนึ่งของสาธิตไคนันได้อย่างไร?" 

หากคุณยังไม่เห็นภาพว่า มิยาวะสุ  นั้นตัวเล็กขนาดไหน เว็บไซต์ Fandom ของสแลมดังค์ ได้ลงข้อมูลของเขาว่า มีความสูง 160 เซนติเมตร หนัก 42 กิโลกรัม ส่วนเรื่องนิสัยของ มิยาวะสุ นั้นก็เรียกได้ว่าเป็น "เนิร์ด" โดยแท้จริง เขาเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ แถมยังคิดช้าทำช้า  ด้วยลักษณะที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่มีอะไรที่น่าจะทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่เก่งได้เลยแม้แต่น้อย สำหรับการเป็นผู้เล่นในตำแหน่งการ์ดซึ่งหน้าที่หลักคือต้องทำแต้ม

อดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าตัวละครนี้ คือตัวละครที่สร้างขึ้นมาโดยใช้ภาพลักษณ์ของเด็กใส่แว่นในช่วงชีวิตมัธยม ที่มักจะไม่ได้เป็นหัวโจกและแทบจะไม่มีตัวตนในโรงเรียน น้อยคนนักจะจำชื่อของเขาได้และเรียกว่า "แว่น" แทนการขานเรียกชื่อจริง ซึ่งในโลกแห่งความจริงนั้นก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่ และหลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์เรียกคนใส่แว่นว่า "แว่น" อย่างแน่นอน 


Photo : matome.naver.jp

เอาเถอะ อย่างไรเสียอาจารย์ อิโนอุเอะ ไม่ได้สร้างตัวละคร มิยาวะสุ มาให้เป็นตัวตลกหรือเนิร์ดสติเฟื่องในสายตาใคร เพราะได้สอดแทรกบางสิ่งเอาไว้มากมายเพื่อจะบอกว่า จงอย่าตัดสินใครด้วยภาพลักษณ์ภายนอกเด็ดขาด และการจะเปลี่ยนความคิดนั้นได้ จำเป็นจะต้องให้ มิยาวะสุ เจอกับตัวละครระดับขวัญใจมหาชนอย่าง ซากุรางิ พระเอกของเรื่องเท่านั้น ...

ซากุรางิ สูง 189 เซนติเมตร พร้อมด้วยสกิลพระเอกติดตัว บวกเพิ่มกับพลังพ่อยกแม่ยกอีกเพียบ! แต่สุดท้ายพระเอกของเรากลับต้องเจอกับกระดูกชิ้นโตที่ตัวของเขาและคนอ่านแทบทุกคนไม่คิดว่าจะได้เจอ ... เพราะฉายาของ มิยาวะสุ ที่เพื่อนๆ ในทีมหรือแม้กระทั่งโค้ชของเขาเรียกก็คือ "อาวุธลับของไคนัน" นั่นเอง 

 

อาวุธลับของไคนัน 

มิยาวะสุ ถูกส่งลงมาในช่วงควอเตอร์แรก ทันทีที่ได้แอร์ไทม์ เขาถอดแวนสายตาแบบมีขาออก และใส่แว่นที่มีสายรัด จนซากุรางิ มองและพึมพำว่าเหมือนกับเป็น "มนุษย์ต่างดาว" เท่านั้นยังไม่พอ อาจารย์ อิโนอุเอะ ขยี้ตัวละครนี้ให้ดูอ่อนแอเข้าไปอีกด้วยท่าการวอร์มอัพที่เก้ๆ กังๆ เหมือนกับคนที่เล่นบาสเกตบอลไม่เป็น 


Photo : baike.baidu.com

ทันทีที่ มิยาวะสุ ลงสนาม เขาเป็นคนถือบอลให้กับ ไคนัน ทันที แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่มีความมั่นใจ ทำอะไรเงอะๆ เงิ่นๆ เขาถูก มิยางิ เรียวตะ ตัดบอลไปได้อย่างง่ายดาย ทว่าสุดท้าย มากิ ชินอิจิ กัปตันทีมที่ถือว่าเป็นเอซของทีม ช่วยมาสกัดบอลไว้ได้ก่อนที่โชโฮคุจะทำแต้ม 

เมื่อรู้ว่าตัวเองทำพลาด มิยาวะสุ ก็สติกระเจิงทันที เขาไล่ขอโทษเพื่อนร่วมทีมที่ส่วนใหญ่เป็นรุ่นน้องด้วยการก้มหัว ซึ่งจริงๆ แล้วบทบาทรุ่นพี่-รุ่นน้องของชมรมกีฬาของญี่ปุ่นนั้นถือว่าเเข็งเอาเรื่อง ถือรุ่นกันอย่างจริงจัง นั่นแสดงให้เห็นว่า มิยาวะสุ คือคนที่อ่อนแอ (แม้อาจจะมองว่าอ่อนน้อมก็พอได้เช่นกัน) ขนาดไหน


Photo : rokyu-okoku.blog.jp

อย่างไรก็ตาม บางครั้งในช่วงเวลาที่ไม่มีสมาธิและหมดความหวัง เราก็ต้องการใครสักคนที่ฉุดมือขึ้นมา และทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้สู้อยู่คนเดียว สติและความมั่นใจของ มิยาวะสุ กลับอีกครั้งเมื่อ มากิ ผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเขตคานางาวะ เข้ามาคุยกับ มิยาวะสุ ในฐานะเพื่อนว่า "มั่นใจหน่อย แสดงฝีมือให้เต็มที่" เมื่อนั้น มิยาวะสุ ขยับแว่นพร้อมแสงประกายที่ขอบแว่นเป็นสัญญาณว่า "พลังที่แท้จริงของอาวุธลับแห่งไคนันกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า" 

หลังจากนั้นเป็นการดวลกันแบบตัวต่อตัว ซึ่ง มิยาวะสุ ถูกจับคู่ให้ดวลกับ ซากุรางิ ... ในทีแรก ซากุรางิ นั้นถึงกับลูบปาก เพราะอีกฝั่งให้คนตัวเล็กและอ่อนแอกว่ามาประกบเขาแบบนี้ จึงทำให้ ซากุรางิ พยายามจะเอาชนะ มิยาวะสุ ด้วยการพยายามทำแต้มเอง ซึ่งแน่นอนว่า มิยาวะสุ ไม่มีทีท่าแม้แต่จะกระโดดป้องกันเลยแม้แต่น้อย ... แน่นอนเรื่องแรงเขาสู้ซากุรางิไม่ได้ การจะให้กระโดดเเข่งกันเป็นอะไรที่เปลืองแรงเปล่า และ มิยาวะสุ แก้ปัญหาด้วยการคิดวิเคราะห์ เขาปล่อยให้ซากุรางิเล่นเพราะรู้ว่า ซากุรางิ ณ เวลานั้นยังเป็นผู้เล่นที่มีทักษะบาสต่ำมาก การชู้ตใต้เเป้นก็ไร้ประสิทธิภาพ เรียกได้ว่าต่อให้ปล่อยขึ้นไปชู้ตใต้แป้น ซากุรางิ ก็ไม่สามารถทำแต้มได้อยู่ดี ... ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้น ซากุรางิ ชู้ตไม่ลงจริงๆ   


Photo : kknews.cc

หนำซ้ำเมื่อ ไคนัน รีบาวด์จากลูกที่ ซากุรางิ ทำเสียได้ ผู้เล่นทุกคนในทีมก็ทำตามแผนที่โค้ชวางไว้ คือการให้เหล่าผู้เล่นระดับหัวแถวของทีมเป็นตัวหลอก โดยวางให้ มิยาวะสุ ทำหน้าที่เป็นตัวทำแต้ม ซึ่งไม่มีผู้เล่นโชโฮคุคนไหนคิดทัน 

ด้วยความสูง 160 เซนติเมตร แถมร่างก็ผอมบาง มิยาวะสุ เลือกวิธีทำแต้มที่เหมาะกับตัวเองอย่างที่สุด เขาไม่เข้าไปปะทะกับใครเเละปล่อยให้ มากิ กับผองเพื่อนทำหน้าที่สกรีนให้ ขณะที่ตัวของเขาสแตนด์บายอยู่วงนอก รับบอล และชู้ต 3 แต้ม ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาซ้อมการชู้ต 3 แต้มที่เป็นอาวุุธเดียวของเขามามากแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ เมื่อ มิยาวะสุ ต้องดวลกับ โชโฮคุ ที่มี ซากุรางิ อยู่ในสนาม เขาชู้ต 3 แต้มลงทุกลูก และทำแต้มให้ สาธิต ไคนัน ทิ้งห่างโชโฮคุไปไกล จนต้องมีการปรับแก้เกมด้วยการเปลี่ยน ซากุรางิ ที่ยิ่งเล่นยิ่งหงุดหงิดเพราะต้องแพ้ให้กับ มิยาวะสุ ออก และเปลี่ยนเอา โคงุเระ คิมิโนบุ รองกัปตันทีม (ซากุรางิ ตั้งฉายาว่า "แว่นคุง") ลงมาเล่นแทน จึงแก้ลำได้ และทำให้สุดท้ายแล้วเมื่อโดนจับทาง มิยาวะสุ ก็กลับไปนั่งที่ม้านั่งสำรองตามเดิม พร้อมกับแต้มเป็นกอบเป็นกำที่เขาทำได้ ... แม้โชโฮคุจะแก้เกมได้ แต่ มิยาวะสุ ทำให้เกมเปลี่ยนไปแล้ว 


Photo : baike.baidu.com

แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ มิยาวะสุ ลงมาในสนาม แต่ก็เป็นช่วงเวลาทองของ ไคนัน ที่ทำให้โมเมนตั้มของเกมนั้นเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง การเอาชนะสงครามประสาทและการทำหน้าที่อาวุธลับยิง 3 แต้ม ที่แม่นยำ กลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุดท้ายแล้วแม้เกมจะยื้อกันไปพลิกกันมา ไคนัน ก็เอาชนะ โชโฮคุ ด้วยระยะห่างเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น ... 

ชัยชนะในเกมนี้เป็นของ มิยาวะสุ และ ไคนัน อย่างแท้จริง นอกจากนี้มันยังเป็นชัยชนะที่เปลี่ยนแปลงให้เรื่องสแลมดังก์เข้มข้นเข้าไปอีกต่างหาก เพราะหลังจากการแพ้ ไคนัน ... ซากุรางิ ก็เปลี่ยนเเปลงตัวเองใหม่ด้วยการโกนหัว และทุ่มเทกับการฝึกมากขึ้น เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้นเรียกได้ว่า มิยาวะสุ คือตัวประกอบที่ช่วยปูเส้นทางและชงให้ ซากุรางิ ฮานามิจิ เติบโตในฐานะนักบาสเกตบอลอีกขั้นอย่างแท้จริง

หากไม่มี มากิ คอยช่วยสกรีนในการเล่นและให้กำลังใจในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง มิยาวะสุ คงสมาธิแตกกระเจิงจนกลายเป็นจุดอ่อนของทีมไปแล้ว เช่นเดียวกันคือการได้ ซากุรางิ คนที่อ่อนเบสิคที่สุดในโชโฮคุ จึงกลายเป็นการดวลระหว่างงูเหลือมกับเชือกกล้วย และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มิยาวะสุ ลงสนามมาในเวลาที่ใครต่างก็มองข้ามเขา และนั่นกลายเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาได้ลบคำสบประสาททั้งหมดด้วยทักษะ 3 แต้มซ่อนไว้ดั่งอาวุธลับนั่นเอง 


Photo : www.sohu.com

ไม่ว่าภาพลักษณ์ของ มิยาวะสุ จะดูอ่อนแอปวกเปียกแค่ไหน แม้สุดท้ายแฟนสแลมดังก์บางคนอาจจะจำเขาไม่ได้ แต่สุดท้ายตัวละครของเขาก็แสดงให้เห็นว่าคนเราทุกคนต่างก็มีดีอยู่ในตัว เพียงแต่ต้องรอเวลาที่ใช่ รอเจอกับ "มิตร" ที่พร้อมสนับสนุนกันอย่างแท้จริง เพราะสุดท้ายแล้วองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยขับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเราออกมาทั้งสิ้น 

"ไม่มีชีวิตใครที่ไร้ค่า เพียงแค่เรายังไม่ได้เวลาเฉิดฉาย" สิ่งที่เราทำได้คือเลิกดูถูกตัวเองเสีย และหาจุดแข็ง หาข้อดีของตัวเองให้เจอ จากนั้นพัฒนามันให้เต็มที่เพื่อแสดงจุดเเข็งเหล่านั้นออกมาให้คนอื่นได้เห็นว่าแท้จริงแล้วตัวเรานั้นเป็นเช่นไร ...

ขอบคุณข้อมูลจาก : Main Stand

แหล่งอ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=JqzJ9EVInlw
https://slamdunk.fandom.com/wiki/Yoshinori_Miyawasu
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Slam_Dunk_characters
หนังสือการ์ตูน SlamDunk 

ยอดนิยมในตอนนี้