บางคนก็ว่าเป็นกำไรของแฟนหงส์ แต่บางคนก็คิดว่าเจอแม็ทซ์โหดติด ๆ กันมากไปหน่อย เพราะเรากำลังจะได้ดูบิ๊กแม็ทซ์แบบติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์ติด หลังการปราบเชลซีไปแบบหืดจับด้วยบารมีของ เคอร์ติสท์ โจนส์ (หรือใครจะเรียกเขาว่า จู๊ด โจนส์ ก็ตามแต่) สัปดาห์ที่ 9 มาถึง ทัพวิหคเพลิงก็ต้องเจอกับกระดูกชิ้นโตกว่าอย่างอาร์เซน่อล ที่กระหายชัยชนะสุด ๆ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! ทั้งสองทีมล้วนกรำศึกกลางสัปดาห์ในบอล UCL มาเหมือนกัน ลิเวอร์พูลต้องเดินทางไกลไปเยอรมันส่วนอาร์เซน่อลได้เตะใน Emirates Stadium ทำให้เรี่ยวแรงน่าจะดีกว่า มิหนำซ้ำด้วยรูปเกมจากบอลยุโรป ถ้าใครได้ดูก็จะเห็นว่าทัพเทพบุตรปืนโตบุตรแห่ง Arteta นั้นขนมกรุบมาก เล่นบอลอย่างชิวแล้วก็เอาชนะไปได้แบบสบายเท้า ในขณะที่ฝั่งลิเวอร์พูลค่อนข้างหืดจับ โดนไลป์ซิกถลุงประตูไปแล้วด้วยซ้ำแต่ดีว่า VAR ช่วยจับล้ำหน้าให้ เกมรับค่อนข้างสะบักสะบอมแต่ยังคงได้ผลการแข่งที่ต้องการอยู่ บิ๊กแม็ทซ์หนนี้น่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เจ้าบ้านปืนโตจะสอยนกลิเวอร์เบิร์ดได้รึเปล่า เรามาวิเคราะห์ก่อนเกมกันครับ 1. เช็คความพร้อมผู้เ่ล่นของทั้งสองทีม เรียกได้ว่าฝั่งเจ้าบ้านดูจะอาการหนัก จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของกุนซือ Mikel Arteta แกบอกว่า Saka, Calafiori และ Timber อยู่ในอาการที่ดี แต่ไม่มีการรับรองใด ๆ ว่าจะลงเล่นในแม็ทซ์นี้ได้ Calafiori ยังต้องการการทดสอบที่มากกว่านี้ เขาลงซ้อมได้บ้าง แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาเจ็บด้วยอาการแย่ ๆ เขาต้องใช้เวลา 2 - 3 วันเพื่อกลับมา ส่วน Bukayo Saka รายนี้เริ่มฝึกซ้อมในสนามหญ้าได้แล้ว แต่ก็เร็วไปสำหรับการลงสนามในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ อีกคนที่ผมคิดว่าเป็นตัวจักรสำคัญสุด ๆ นั่นก็คือ William Saliba เซ็นเตอร์ตัวหลักที่ติดโทษแบนจากใบแดงในนัดล่าสุด อาร์เซน่อลที่ไม่มี Martin Ødegaard (เจ็บข้อเท้า) , Bukayo Saka (เจ็บแฮมสตริง) , William Saliba (ติดโทษแบน) ความน่ากลัวลดทอนลงไปเยอะครับ หน้ากลางหลังเจ็บครบทั้งสามแดนเลย ฟากฝั่งทีมเยือนอย่างลิเวอร์พูล ตัวทีเด็ดที่น่าจะมีผลก็คงจะหนีไม่พ้นศูนย์หน้าตัวจบสกอร์อย่าง Diogo Jota ที่เจ็บซี่โครงมาตั้งแต่นัดก่อน นายประตูมือหนึ่งอย่าง Alisson Breaker ยังคงสนิทสนมกับแฮมสตริงไม่เลิก ส่วนเคสของ Federico Chiesa นักเตะตัวใหม่ก็ยังเหมือนเดิม ยังคงเจ็บกล้ามเนื้อแล้วก็เรียกความฟิตไม่ผ่านเหมือนเช่นปกติ Arne Slot กุนซือหัวลูกชิ้นให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาดูดีแล้วแต่ยังไม่พร้อมสำหรับสุดสัปดาห์นี้ Conor Bradley ก็อยู่ในข่าย ไว้มาดูกันว่าพรุ่งนี้เขาจะอยู่กับทีมหรือไม่ 2. สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ขึ้นชือว่าบิ๊กแม็ทซ์ก็การันตีคววามคู่คี่สูสีอยู่แล้วครับ นับเฉพาะพรีเมียร์ลีกสองทีมนี้เคยพบกัน 64 ครั้ง ลิเวอร์พูลชนะได้มากกว่าที่ 25 ครั้ง อาร์เซน่อลชนะ 18 ครั้ง เสมอกัน 21 ครั้ง การพบกันครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 แล้วก็เป็นอาร์เซน่อลที่เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3 - 1 ทว่าพอมาดูการพบกัน 5 นัดหลังสุดของทั้งคู่ กลับพบว่าหนักไปทางเสมอกับอาเซน่อลชนะเป็นส่วนใหญ่ครับ ปืนโตชนะได้ 2 ครั้ง เสมอกัน 2 ครั้ง ในขณะที่ลิเวอร์พูลเก็บชัยได้แค่ครั้งเดียว มิหนำซ้ำยังเป็นการแข่งที่แอนฟิลด์หาใช่ Emirates Stadium แบบที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ 3. สถิตความสามารถของนักเตะ นับเฉพาะ 8 เกมที่ผ่านมา จากข้อมูลที่ผมได้รับมาพบว่า คนที่ยิงประตูได้มากสุดคือ Luis Díaz ของลิเวอร์พูลที่จำนวน 5 ประตู คนที่ยิงมากสุดของอาร์เซน่อลคือ Kai Havertz ที่จำนวน 4 ประตู คือแทบจะไม่ได้เกินกันเลยถือว่าพอ ๆ กัน สถิติการแอสซิสต์สูงสุดตกเป็นของ Bukayo Saka จากอาร์เซน่อล ที่จำนวน 7 ครั้ง ในขณะที่แอสซิสต์สูงสุดของลิเวอร์พูลคือ Mohamed Salah ที่จำนวน 5 ครั้ง ซึ่งก็แทบจะไม่ต่างกันอีก คราวนี้มาดูสถิติการเข้าปะทะ Tackle กันบ้าง พบว่าคนที่เข้าปะทะสูงสุดคือ Thomas Partey ที่จำนวน 22 ครั้ง ส่วนฝั่งลิเวอร์พูลก็ตามมาไม่ห่างครับ คน ๆ นั้นคือ Trent Alexander-Arnold ที่แท็คเกิลรวมกันทั้งสิ้น 21 ครั้ง ให้ตายเถอะคุณผู้อ่าน! ห่างกันแค่นี้ปัดเศษให้เท่ากันไปเลยยังได้ ผมถึงบอกไงครับว่าการขาดหายไปของ Bukayo Saka นั้นสำคัญสุด ๆ การจ่ายบอลวัดใจของเขามาแทนการหายไปของ Martin Ødegaard ได้ถูกจังหวะ อย่าลืมนะครับว่าอาร์เซน่อลได้เตะมุมทีไรนั้นแทบจะเป็นจุดโทษ แล้วใครล่ะครับที่เป็นคนเปิดพุ่ง ๆ ให้ Gabriel Magalhães โขกประตู ถ้าไม่ใช่ Bukayo Saka เจ้าตัวไม่อยู่แบบนี้ Virgil van Dijk น่าจะงานเบาลงเยอะ 4. คาดการณ์รูปเกมที่เกิดขึ้นและผลการแข่ง ในมุมมองส่วนตัวผมคิดว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมเดิมอีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่เหลือคราบทีมที่เล่นเกมรุกดุดันบ้าพลังแบบที่เจอร์เก้น คล็อปป์ทิ้งไว้ให้ ยิ่งดูยิ่งง่วง พูดก็พูดเถอะครับว่าตอนนี้ทัพวิหคเพลิงเล่นบอลเหมือนเกมพรีซีซั่นไม่มีผิด ยิ่งเป็นจังหวะที่ทีมฉกชิงโอกาสขึ้นนำได้ พวกเขาก็จะสวมวิญญาณแม่ต้อยทันที กล่าวคือจะถอยลงมาอุดแล้วเล่นเกมแบบช้า ๆ เนือย ๆ มีบอลตายเยอะ ๆ ทำให้จังหวะของเกมไม่ประติดประต่อ แต่ยังคงสภาพและรักษาสกอร์ที่ยิงตุนเอาไว้ได้จนจบเกม ได้ผลการแข่งครับแต่ไม่มันส์เอาซะเลย แฟนบอลไม่น่าชอบ รวมไปถึงทีมคู่แข่งก็ไม่น่าชอบเช่นกัน Arne Slot ทำบอลได้ทั้งข้นแล้วก็เคี่ยวยิ่งกว่าน้ำก๋วยเตี๋ยวของเขาอีก สถิติเปิดตัวแซง บิล แชงคลีย์ รูปปั้นบรมกุนซือหน้าสโมสรไปแล้ว ชนะ 11 จาก 12 นัดแรก เรียกได้ว่าไม่มีใครทำได้แล้วในประวัติศาสตร์สโมสร สวนทางกับฝั่งเจ้าบ้าน อาร์เซน่อลเพิ่งพลาดท่าแพ้บอร์มัธไปในเกมล่าสุด ความจริงก็คือความจริงว่าพวกเขาต้องหยุดรับใบแดงแบบโง่ ๆ สักที การลืมตัวเตะบอลทิ้งหรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นส่งผลต่อทีมมหาศาล พวกเขาไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย ยังคงใช้เกมบุกทะลุทะลวงคู่แข่ง และแม็ทซ์นี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งแม็ทซ์เอ็นเตอร์เทนแห่งปี แม้ตัวผู้เล่นจะไม่สมบูรณ์นักแต่ผมเดาใจ Mikel Arteta ว่าแกสั่งลูกทีมบุกแหลกแน่ ลิเวอร์พูลจะต้องโดนกดเป็นลมพายุ น่าจะโดนขย้ำขยี้เป๋ไปเป๋มา เพราะถ้าทีมปืนใหญ่ดร็อปแต้มอีก สถานการณ์ของพวกเขาจะห่างจากจุดลุ้นแชมป์เกินไป งานนี้อาศัยเสียงเชียร์ในบ้าน พูดตรง ๆ ครับ ผมดูลิเวอร์พูลเล่นปีนี้แอนด์ฟิลด์นั้นเงียบเหงาพิกล ทว่าฝั่ง Emirates Stadium แพสชั่นมาเต็ม นักเตะบิวท์ Mikel Arteta ก็บิวท์ ดูแล้วฮึกเหิมดีเหลือเกิน ผลสกอร์ที่คาดการณ์ : อาเซน่อลชนะ 2 - 1 , 3 - 2 , 4 - 3 (ระยะห่างไม่เกินหนึ่งลูกและลิเวอร์พูลยิงได้) หรือ ลิเวอร์พูลเต็มที่ก็ได้แค่เสมอแบบมีสกอร์ ไม่น่าจบ 0 - 0 แบบเกมจืด ๆ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool FC ภาพหน้าปก 2 จาก FB : Arsenal รูปที่ 1 จาก FB : Arsenal รูปที่ 2 จาก FB : Arsenal รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FC ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !