จบลงไปแล้วสำหรับการจับฉลากประกบคู่รอบแบ่งกลุ่ม " ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก (UEFA Champions League) " ฤดูกาลใหม่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา โดยจะมีทั้งหมด 8 กลุ่ม ถือว่าเป็นอีกปีที่ค่อนข้างดุเดือดเลยทีเดียว เพราะมีกรุ๊ปออฟเดธและกรุ๊ปที่น่าสนใจหลายกลุ่ม ดังนั้นในวันนี้พวกเรา Wannatalk จะมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้เบื้องต้น และโอกาสในการเข้ารอบของแต่ละทีมกันครับ กลุ่ม A : แมนเชสเตอร์ซิตี้ , ปารีสแซงต์แชร์กแมง , อาร์บี ไลป์ซิก , คลับ บรูช ไฮไลท์ในกลุ่มนี้อยู่ที่การโคจรมาพบกันอีกครั้งของแมนเชสเตอร์ซิตี้และปารีสแซงต์ แชร์กแมง สองทีมมหาเศรษฐีหลังจากที่เคยเผชิญหน้ากันมาแล้วในรอบ 4 ทีมสุดท้ายฤดูกาลก่อน แน่นอนว่าถ้าดูตามหน้าเสื่อทั้งสองคือทีมเต็งในกลุ่มนี้ ส่วนใครจะเป็นเบอร์หนึ่งนั้นค่อนข้างเดายาก เพราะการเสริมทัพในตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมาค่อนข้างโหดทั้งคู่ โดยเฉพาะทางปารีสที่คว้าตัวยอดนักเตะเบอร์ 1 ของโลกอย่าง " ลิโอเนล เมสซี " มาไว้ในครองครองได้ แต่ทางเรือใบสีฟ้ารองแชมป์เก่าก็ไม่น้อยหน้าเสริมคมโดยการทำลายสถิติผู้เล่นแพงสุดในอังกฤษอย่าง " แจ็ค กรีลิช " เช่นกัน แต่การจะมองข้ามอาร์บี ไลป์ซิก อีกหนึ่งยอดทีมขาประจำจากเยอรมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะดูจากสถิติการลงเล่นในรายการนี้ตลอดช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มเลย จากตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการอยู่กรุ๊ปออฟเดธเมื่อปีก่อนแต่ก็ยังสามารถผ่านเข้ารอบได้ในท้ายที่สุด แต่ต้องรอดูว่าการเปลี่ยนกุนซือใหม่เป็น " เจซซี มาร์ช " จะสร้างทีมให้เล่นดีเหมือนตอนคุมซัลบวร์กหรือไม่ ส่วนยอดทีมเบอร์หนึ่งจากเบลเยี่ยมอย่างคลับ บรูชก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ถึงแม้หลายคนจะมองว่าพวกเขาคือทีมไม้ประดับของกลุ่มนี้ก็ตาม แต่ไม่แน่อาจสร้างเซอร์ไพรส์ให้ทีมเต็งน้ำตาแตกใน แต่ถ้ามองตามตัวผู้เล่นถือว่าค่อนข้างยากเกินกำลังไปเสียหน่อย บทสรุปที่เป็นไปได้ แมนเชสเตอร์ซิตี้ ปารีสแซงต์ แชร์กแมง อาร์บี ไลป์ซิก คลับ บรูช กลุ่ม B : แอตเลติโก มาดริด , ลิเวอร์พูล , เอฟซี ปอร์โต , เอซี มิลาน กลุ่มนี้คือ Group of death ของรายการอย่างแท้จริง เพราะประกอบไปด้วยยอดทีมชั้นนำจากยุโรปทั้ง 4 ทีม อันได้แก่หงส์แดงอดีตแชมป์ 6 สมัย ทีมตรามหมีแชมป์ลาลีกาสเปนฤดูกาลล่าสุด ปีศาจแดงดำยักษ์ใหญ่จากอิตาลี และเอฟซีปอร์โต้ยอดทีมขาประจำจากโปรตุเกส โดยไฮไลท์เด็ดสุดคือคู่แค้นที่คงหนีไม่พ้นแอตเลติโก มาดริดที่เคยเขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบ 16 ทีมไปเมื่อ 2 ปีก่อน และการกลับมาเยือนบ้านเก่าอีกครั้งของซัวเรซ ส่วนตัวผู้เขียนเป็นแฟนบอลตัวยงของลิเวอร์พูล แต่ยอมรับว่ากลุ่มนี้ค่อนข้างโหดเอาเรื่อง แต่ยังมั่นใจในขุมกำลังของทีมที่ถึงแม้จะไม่ได้เสริมตัวผู้เล่นเข้ามาใหม่มากนัก แต่การได้ตัวผู้เล่นหายเจ็บกลับมาจากฤดูกาลก่อนก็น่าจะสามารถเอาชนะอุปสรรคในรอบนี้ไปได้ และถ้าหากดูจากสถิติที่ผ่านมาลิเวอร์พูลแถบจะไม่เคยจอดป้ายที่รอบแบ่งกลุ่มเลย ส่วนทีมตราหมีผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับระดับโหด บวกกับกุนซืออย่าง " ดิเอโก ซิเมโอเน " ผู้คุมทีมมาอย่างยาวนาน อีกทั้งความมั่นใจจากการคว้าแชมป์ระดับประเทศเมื่อฤดูกาลก่อน ทำให้พวกเขาเป็นอีกหนึ่งทีมเต็งอย่างไม่ต้องสงสัย เอซี มิลานถึงแม้จะเป็นยอดทีมชาติอิตาลี แต่ในช่วงยุคหลังกลายเป็นยักษ์หลับไปนาน โดยในปีนี้คือการกลับมาเล่นยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรก ด้วยประสบการณ์ของตัวผู้เล่น และโค้ชนั้นยังดูเป็นรองลิเวอร์พูลกับแอตเลติโก มาดริดหลายขุม อีกทั้งภาพจำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามักจะชอบพลาดแพ้ภัยตัวเองบ่อยครั้ง จึงคาดว่ามิลานน่าจะไม่ได้ไปต่อในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรประมาทเด็ดขาด ส่วนเอฟซี ปอร์โต ถึงแม้จะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในปีที่แล้ว แถมในช่วงหลังก็ไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มมานานหลายปีแล้ว แต่ถ้าดูจากชื่อชั้นของเพื่อนร่วมกลุ่ม ก็ดูจะหนักหนาเกินไปสำหรับการที่พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อีกครั้ง บทสรุปที่เป็นไปได้ ลิเวอร์พูล แอตเลติโก มาดริด เอซี มิลาน เอฟซี ปอร์โต กลุ่ม C : ดอร์ทมุน , สปอร์ติ้ง ลิสบอน , เบซิคตัส , อาแจ็กซ์ อัมเตอร์ดัม ในกลุ่มนี้นอกจากพี่เสือเหลืองแล้ว ชื่อชั้นของทีมที่เหลืออาจจะไม่หนีห่างกันมากนัก ความสนุกมันจึงเริ่มต้นเพราะทุกทีมสามารถพลิกชนะกันได้ตลอด โดยไฮไลท์เด็ดคือการกลับมาของสโมสรที่ห่างหายจากรายการนี้ไปนานหลายปี เต็งหนึ่งของกลุ่มคือดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำจากเยอรมันที่ชื่อชั้นดีที่สุด ถึงแม้ฟอร์มในลีกจะไม่ปังเท่าที่ควร แต่จากสถิติการลงเล่นตลอด 2 ปีหลังสุด พวกเขาไปได้ไกลเสมอ ไม่เคยพลาดท่าตกรอบแบ่งกลุ่ม อีกทั้งการที่สามารถรั้งดาวยิงสูงสุดที่คาดว่าจะเป็นตัวแทนนักเตะเบอร์ 1 ของโลกในอนาคตอย่าง " เออริง เบราต์ ฮาแลนด์ " ที่พร้อมจะส่งลูกบอลเข้าตาข่ายทุกเมื่อได้ นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นวัยเก๋ามากมายที่จะคอยประคับประคองให้ทีมฝ่าฝันศัตรูในรอบนี้ไปได้สบายๆ อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ยอดทีมจากแดนกังหันลมที่เคยสร้างเซอร์ไพรส์ทะลุถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายได้เมื่อสามปีก่อน ถึงแม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะเสียผู้เล่นตัวเก่งไปตลอด แต่ด้วยระบบทีมเวิร์คทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาตัวผู้เล่นดาวรุ่งขึ้นมาทนแทนใหม่ได้ประกอบกับเฮดโค้ชอย่าง "เอริค เทน ฮาร์ค" ที่คุมทีมมาอย่างยาวนาน กับชื่อชั้นของเพื่อนร่วมกลุ่มที่ไม่ห่างกันมากเท่าไหร จึงคาดว่ารอบนี้พวกเขาจะกลับมาผงาดแก้ตัวให้ได้ หลังจากพลาดท่ากระเด็นตกรอบแรกมาสองปีติดแล้ว สปอร์ติ้ง ลิสบอนแชมป์ลีกโปรตุเกสทีมล่าสุด ในการเปิดตัวปีนี้ก็ยังคงร้อนแรงเช่นเดิมโดยการยึดตำแหน่งจ่าฝูงของลีก ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่ชื่อชั้นค่อนข้างดีแต่ยังห่างหายไปนานจากเวทียุโรปถ้วยใหญ่ ดังนั้นการกลับมารอบนี้พวกเขาจัดเต็มเพื่อตอบแทนแฟนบอลอย่างแน่นอน ทีมสุดท้ายคือเบซิคตัสยอดทีมจอมโหดจากตุรกีที่ขึ้นชื่อเรื่องความดิบเถื่อนของแฟนบอลที่สามารถกดดันจนคู่ต่อสู้ขวัญอ่อนได้ แต่ต้องยอมรับว่าขุมกำลังที่พวกเขามีในตอนนี้ไม่ได้โหดเหมือนแต่ก่อน ประกอบกับห่างหายจากความเข้มข้นของถ้วย UCL ไปนานหลายปี ความหวังจะเบียดสองอันดับแรกเพื่อเข้ารอบจึงน่าจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร บทสรุปที่เป็นไปได้ ดอร์ทมุน อาแจ็กซ์ อัมเตอร์ดัม สปอร์ติ้ง ลิสบอน เบซิคตัส กลุ่ม D : อินเตอร์ มิลาน , เรอัล มาดริด , ชัตเตอร์ โดเนท , เชอร์รีฟ ถือเป็นหนึ่งอีกกลุ่มที่ค่อนข้างน่าสนใจเมื่อแชมป์สคูเดตโตอิตาลีต้องโคจรมาเจอกับสโมสรผู้ครองแชมป์ยุโรปสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมยังมีตัวสอดแทรกที่น่ากลัวจากยูเครน และน้องใหม่จากมอลโดวา ิอินเตอร์ มิลาน เพิ่งจะคว้าแชมป์ลีกในประเทศมาร้อนๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงแม้จะเสียผู้เล่นตัวหลักไปถึง 2 ราย รวมถึงเฮดโค๊ชคนเก่งอย่าง " อันโตนิโอ คอนเต้ " แต่การมาถึงของกุนซือยอดฝีมืออย่าง " ซีโมเน อินซากี " และการเสริมทัพก็ค่อนข้างดูดีมีประสิทธิภาพตรงจุด ฟอร์มเปิดตัวในลีกก็ทำได้สวยหรู เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้พวกเขากลับมาทวงบัลลังค์แชมเปี้ยนส์ลีกครั้ง หลังพลาดท่ากระเด็นตกรอบแรก 2 ปีติดต่อกัน ปีนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้แก้ตัวอีกครั้งในฐานะทีมเต็งประจำกลุ่ม ทางด้านเรอัล มาดริดอดีตแชมป์ 13 สมัย หนึ่งเดียวที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ป้องกันแชมป์ 3 สมัยซ้อนได้ในปี 2016 ถึง 2018 ถึงแม้ในช่วง 3 ปีหลังจะตกม้าตายไปบ่อยครั้ง แถมในฤดูกาลนี้การเสริมทัพยังค่อนข้างเงียบ ไม่ได้เสริมสตาร์ดังจนล้นทีมเหมือนแต่ก่อน แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเรอัล มาดริดถ้วยหูใหญ่คือบ้านของพวกเขา ไม่ว่าทีมจะเป็นยังไงก็มักจะทำผลงานได้ดีเสมอ ด้วยประสบการณ์ความเก๋าของตัวผู้เล่น และการกลับมาคุมทีมของ " คาร์โล อันเชล็อตติ " ผู้เคยพาทีมคว้าแชมป์เมื่อปี 2014 มาแล้ว ดังนั้นในฤดูกาลนี้หากแฟนกองทัพราชันชุดขาวจะฝันถึงแชมป์สมัยที่ 14 คงไม่ใช่เรื่องแปลก ชัตเตอร์ โดเนท อีกหนึ่งสโมสรระดับแชมป์เปี้ยนจากยูเครน ผู้กลายเป็นขาประจำของรายการที่หลายคนคาดว่าน่าจะเป็นตัวสอดแทรกชั้นดี ถึงแม้จะไม่มีนักเตะชื่อดังเหมือนก่อน แต่ภายในทีมยังคงอุดมไปด้วยเพชรที่รอเจียระไนมากมาย สนามเหย้าของพวกเขาก็ไม่ใช่ของเล่นสำหรับทีมเยือน ผมเชื่อว่าพวกเขามีทีเด็ดมาเล่นงาน 2 ทีมชั้นนำของกลุ่มอย่างแน่นอน ส่วนทีมสุดท้ายของกลุ่มคือน้องใหม่เชอร์รีฟ ทีมไฟแรงแกะกล่องจากประเทศมอลโดวา ที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูนัก หากดูจากชื่อชั้นต้องยอมรับว่ายังห่างกับเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสามทีมหลายขุม ตามหน้าเสื่อดูแล้วค่อนข้างสู้ยาก อาจจะเป็นทีมแจกแต้มประจำกลุ่มก็เป็นได้ บทสรุปที่เป็นไปได้ เรอัล มาดริด อินเตอร์ มิลาน ชัตเตอร์ โดเนท เชอร์รีฟ กลุ่ม E : บาร์เซโลนา , บาเยิร์น มิวนิค , เบนฟิก้า , ดินาโม เคียฟ กลุ่มนี้ค่อนข้างดูโหดหินไม่แพ้กลุ่ม B โดยเฉพาะการกลับมาพบกันอีกครั้งของสองทีมดังอย่างเสื้อใต้และเจ้าบุญทุ่ม โดยบาร์เซโลนาที่นำทัพโดย " โรนัลด์ คูมัน " ยังคงเจอปัญหาต่อเนื่องภายหลังการอำลาทีมของ " ลิโอเนล เมสซี " ผู้เป็นศูนย์รวมกำลังใจของทีมแบบช็อควงการ แต่ก็ยังเสริมทัพในตำแหน่งแนวรุกมาแก้ปัญหาได้ 2 ตัว ถึงฟอร์มในลีกจะยังไม่สวยหรูมาก แต่ขึ้นชื่อว่าบาร์เซโลนานั้นไม่เคยตกม้าตายรอบแบ่งกลุ่มมานาน หากเทียบชื่อชั้นกับเพื่อนร่วมทีมพวกเขายังมีดีพอที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบไม่ระบมนัก ทางด้านบาเยิร์น มิวนิคภายใต้การคุมทีมของโค้ชหนุ่มไฟแรงอย่าง " ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ " ที่พกพา Passion ของผู้ชนะมาอย่างเต็มเปี่ยมกับขุมกำลังในมือที่ขยายใหญ่มากขึ้นจากทีมก่อน ประกอบกับความเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้เล่นตัวเก๋า เชื่อว่าชั่วโมงนี้ยังร้อนแรงกว่าทัพต่างดาว จึงมีโอกาสครองแชมป์กลุ่มได้สูงพอตัว เบนฟิก้า พญานกผู้อหังการขาประจำจากโปรตุเกส ภายใต้การนำทัพโดย "ฆอร์เก้ เฆซุส" ที่ถ้าหากเรามองลงลึกที่รายละเอียดจะพบตัวผู้เล่นไฟแรงน่าสนใจหลายตัว ทำให้ฟอร์มในลีกยังคงร้อนแรงต่อเนื่องเทียบเท่ากับลิสบอนผู้นำ จึงไม่ควรประมาทเป็นอันขาด ยังพอมีโอกาสที่จะสอดแทรกเบียดรุ่นเข้ารอบต่อไปได้เหมือนกัน ดินาโม เคียฟคืออีกหนึ่งทีมตัวแทนจากยูเครนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ โดยฟอร์มในฤดูกาลนี้ถือว่าร้อนแรง สามารถคว้าอันดับ 1 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกยูเครนอย่างเหนียวแน่น แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าชื่อชั้นยังดูเป็นรองอีก 3 ทีมร่วมกลุ่ม ถึงแม้พวกเขาจะพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมก็ตาม การผ่านเข้ารอบอาจดูไกลเกินไปหน่อย ดังนั้นโอกาสที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการคว้าอันดับสามไปลุยถ้วยเล็กต่อ บทสรุปที่เป็นไปได้ บาเยิร์น มิวนิค บาร์เซโลนา เบนฟิก้า ดินาโม เคียฟ กลุ่ม F : อตาลันต้า , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , บียาร์เรอัล , ยัง บอยส์ เบิร์น กลุ่มนี้น่าจะเป็นอีกกลุ่มที่คนไทยให้ความสนใจ โดยไฮไลท์ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอคือการแก้มืออีกครั้งของคู่ชิงยูโรป้าลีกเมื่อปีก่อนระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและบียาร์เรอัล ทีมปีศาจแดงเสริมทัพอย่างแข็งแกร่งในตลาดหน้าร้อนที่ผ่านมา พวกเขาจึงถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งทีมเต็งแชมป์ลีกที่ลงเล่นด้วยความมั่นใจทุกวินาที ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีพลาดพลั้งไปบ้าง แต่เชื่อว่าในระยะยาวพวกเขาคือทีมที่เสถียรภาพสูงมากและตายยาก ความล้มเหลวจากปีก่อนจะเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้พวกเขา ประกอบกับเพื่อนร่วมกลุ่มที่ชื่อชั้นต่ำกว่าพวกเขาทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ " โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ " จะพาทีมคว้าแชมป์กลุ่มได้แบบสบายๆ อตาลันต้ากลายเป็นอีกหนึ่งขาประจำที่ได้สิทธิ์เข้ามาเล่นทุกปี และไม่ได้มาเล่นๆ เพราะพวกเขาเป็นม้ามืดที่มักจะผ่านเข้ารอบอยู่เสมอ หากเราดูจากสถิติที่ผ่านมาพวกเขาแทบจะไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มเลย ด้วยสไตล์การเล่นที่บุกสนุกยิงประตูเยอะจึงเป็นอีกทีมที่น่าจะสอดแทรกลุ้นแชมป์กลุ่มได้ ถึงแม้จะเสียผู้เล่นตัวสำคัญไปหลายคนในปีนี้ แต่ด้วยระบบทีมเวิร์คที่สุดยอดของ "ปิเอโร กัสเปรินี " พวกเขาจึงน่าจะคว้าตั๋วใบที่สองเข้ารอบต่อไปได้ บียาร์เรอัลแชมป์ยุโรปถ้วยเล็กผู้ทำแสบใส่ผีแดงจนน้ำตานองเมื่อปีก่อน ภายใต้การคุมทีมของ " อูไน เอเมรี " ผู้ช่ำชองในเวทียุโรปถ้วยเล็กแต่ในสโมสรถ้วยใหญ่มักจะตกรอบเสมอ ประกอบกับฟอร์มการเล่นในช่วงเปิดฤดูกาลที่ย่ำแย่ในลีก ฟอร์มตอนอุ่นเครื่องก็ไม่น่าประทับใจ จึงมีโอกาสสูงที่เรือดำน้ำสีเหลืองจะได้ลงไปป้องกันแชมป์ยูโรป้าลีกอีกสมัย ยัง บอยส์ เบิร์น ทีมพลังหนุ่มจากสวิตเซอร์แลนด์ผู้ผ่านรอบคัดเลือกมาแบบหวุดหวิด แต่ก่อนอื่นผมขอบอกว่าอย่าเพิ่งประมาทพวกเขา ภายใต้การคุมทีมของ "เดวิด วากเนอร์" อดีตกุนซือที่ล้มเหลวบนเวทีพรีเมียร์ลีก ผู้เปลี่ยนให้ยัง บอยส์กลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูของจริง เราต้องมาดูกันว่าในเวทีระดับยุโรปพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่ามีโอกาสสูงมากที่เขาจะเป็นทีมแจกแต้มประจำกลุ่ม บทสรุปที่เป็นไปได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อตาลันต้า บียาร์เรอัล ยัง บอยส์ เบิร์น กลุ่ม G : ลีลล์ , ซัลบวร์ก , เซบียา , โวล์ฟบวร์ก จากทั้งหมด 8 กลุ่ม ในกลุ่มนี้ถือว่าเบาที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะทุกทีมมีความสูสีไม่ห่างชั้นกันมากนัก จึงมีสิทธิ์ที่จะเบียดเข้ารอบได้ทุกทีม แต่ถ้าจะพูดถึงเต็งหนึ่งต้องยกให้เซบีย่า จากประสบการณ์บอลถ้วยที่ล้นเหลือ ในช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งฟุตบอลยูโรป้าลีก ส่วนการลงเล่นถ้วยใหญ่พวกเขาก็ถือว่าไปได้ไกลพอสมควร ในช่วงหลังแทบจะไม่เคยตกรอบแบ่งกลุ่มเลย อีกทั้งความมุ่งมั่นในการพิสูจน์ตัวเองของเฮดโค้ชอย่าง “ ยูเลน โลเปเตกี ” จึงมีโอกาสสูงมากที่เซบีย่าจะคว้าแชมป์กลุ่ม ซัลซ์บวร์ก สโมสรยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งจากลีกออสเตรีย อีกหนึ่งทีมขาประจำของรายการนี้ โดยสภาพทีมในปัจจุบันเสียผู้เล่นตัวหลักออกไปทุกปีจนเกือบหมด รวมไปถึงตัวกุนซือผู้สร้างทีมด้วย ประกอบกับสถิติการแข่งขันที่ผ่านมาพวกเขาไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเลยสักครั้ง แต่ในช่วงหลังพวกเขาปั้นนักเตะฝีมือดีออกมาได้มากมาย จึงอาจจะมีทีเด็ดไว้ทำแสบได้ แต่สุดท้ายยังคงเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะทะลุเข้าสูรอบ 16 ทีม ลีลล์ เป็นอีกหนึ่งขาประจำของรายการ แต่คราวนี้มาแบบไม่ธรรมดาด้วยการติดป้ายตำแหน่งแชมป์ลีกเอิงฤดูกาลล่าสุด ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะมีสโมสรไหนสามารถล้มปารีส แซงต์ แชร์กแมงลงได้ แต่สิ่งที่น่าห่วงคือฟอร์มตอนเปิดฤดูกาลใหม่นั้นย่ำแย่เกินควร อีกทั้งยังต้องเสียสตาร์ดังของทีมออกไปหลายตัว ทำให้ขุมกำลังชุดแชมป์อ่อนลงไปเยอะมากๆ จึงมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะจอดป้ายได้เพียงแค่รอบนี้ หมาป่าเมืองเบียร์โวล์ฟบวร์ก รอบนี้เป็นการกลับมาเล่นบนเวทีแชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้งในรอบหลายปี คราวนี้พวกเขานำทัพโดย "บรูโน ลับบาเดีย" กุนซือผู้ชุบชีวิตหมาป่าให้กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง ประกอบกับชื่อชั้นของเพื่อนร่วมทีมที่อ่อนกว่า จึงทำให้มีโอกาสสูงมากๆ ที่พวกเขาจะกลับมาโลดแล่นแบบยิ่งใหญ่โดยการผ่านเข้ารอบ บทสรุปที่เป็นไปได้ เซบียา โวล์ฟบวร์ก ซัลบวร์ก ลีลล์ กลุ่ม H : เชลซี , ยูเวนตุส , เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก , มัลโม กลุ่มสุดท้ายนำโดยแชมป์เก่าสิงโตน้ำเงินครามเชลซี ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มมั่นใจสุดขีด หลังจากคว้าแชมป์ UEFA Super Cup มาครองได้สำเร็จ ส่วนฟอร์มในลีกก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน ทุกคนในทีมกำลังเล่นอย่างมั่นใจด้วยฟอร์มระดับพีค อีกทั้งการเสริมทัพที่ตรงจุด โดยเฉพาะการคว้าตัว " โรเมลู ลูกากู " กองหน้าร่างยักษ์จากเบลเยียมมาเสริมแกร่งในแนวรุก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการสานต่อความยิ่งใหญ่ หากจะบอกว่าเชลซีจะมีสิทธิ์ป้องกันแชมป์คงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันเกินไป เพราะในชั่วโมงนี้ใครเจอพวกเขารับรองว่าเหนื่อย ม้าลายยูเวนตุสเคยขึ้นไปสู่จุดสุดยอดจนเกือบจะคว้าแชมป์ UCL ได้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ตกม้าตายในรอบชิงตลอด หลังการคว้าโรนัลโด้ทีมก็ดูมีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงดวงดาวกระเด็นตกรอบง่ายๆ ทุกปี จนกระทั่งในฤดูกาลใหม่นี้การกลับมาคุมทีมอีกครั้งของ " มัสซีมีเลียโน อัลเลกรี " กุนซือระดับตำนานผู้พาแชมป์พาทีมคว้าแชมป์ลีก 9 สมัยซ้อนให้กลับเข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมอีกรอบ ถึงแม้การออกสตาร์ทในลีกจะไม่สวยหรูเท่าไหร แต่เชื่อว่าในระยะยาวพวกเขาจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในฐานะอีกหนึ่งทีมเต็งประจำกลุ่ม เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยอดทีมระดับหัวกะทิจากเเดนหมีขาว หนึ่งในลูกค้าประจำของ UCL หากเราดูจากสถิติตลอดหลายปีหลังที่ผ่านมา พวกเขาไม่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มเลยสักครั้ง จึงนับเป็นไม้ประดับที่รอวันเฉิดฉาย แต่พอกางชื่อผู้เล่นเทียบสองทีมเต็งของกลุ่มก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าพวกเขาน่าจะได้ลุ้นแค่พื้นที่ยูโรป้าลีกเท่านั้น มัลโม่ตัวแทนขาจรจากสวีเดนที่นานๆ จะผ่านเข้ามาเล่นสักครั้ง โดยในปีนี้ก็เอาตัวรอดจากสมรภูมิรอบคัดเลือกมาอย่างหวุดหวิด ดูจากประสบการณ์ในรอบสุดท้ายที่ค่อนข้างน้อยเป็นรองเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสามทีม จึงคาดว่ามีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะกลายเป็นทีมแจกแต้มประจำกลุ่ม F บทสรุปที่เป็นไปได้ เชลซี ยูเวนตุส เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก มัลโม **** โดยการแข่งขันใน Matchday 1 จะเริ่มวันที่ 14 - 15 กันยายนนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างกับการวิเคราะห์ผลจับฉลากรอบแบ่งกลุ่ม UCL ประจำปีนี้ เห็นด้วยกับพวกเราหรือไม่ หากใครมีความเห็นในทิศทางแตกต่าง หรืออยากจะแชร์ทัศนะของตัวเองก็สามารถมาร่วมแบ่งปันกันได้ที่ช่องคอมเมนต์เลยนะครับ 1. ภาพหน้าปก Wannatalk (เจ้าของบทความ) , UEFA 2. ภาพประกอบทั้งหมด Wannatalk (เจ้าของบทความ) , UEFA ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมตช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !