ถ้าหากจะสโมสรฟุตบอลที่เผชิญกับมรสุมลูกใหญ่ที่สุดในเวลานี้ ผมเชื่อว่าคงหนีไม่พ้น "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซีแน่นอนครับ เพราะตอนนี้มองหรือจับตรงไหนก็มีแต่เจ็บมีแต่ปวด ลุกก็โอยนั่งก็โอย มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหาตั้งแต่เจ้าของทีม บอร์ดบริหาร ผู้จัดการทีมยันตัวผู้เล่น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเชลซีนั้นจะดีขึ้นเมื่อไหร่ เพราะว่าเม็ดเงินที่ท็อดด์ โบห์ลีลงทุนไปมันก็ระดับมหาศาล แต่ผลลัพธ์ที่ได้มานั้น....ก็ตามที่เห็นครับ แต่ 4 สิ่งที่ผมพอจะมองเห็นจากมุมมองคนนอกที่ไม่ได้เชียร์เชลซีแล้วคิดว่าถ้าหากมีการปรับเปลี่ยน มันน่าจะทำให้สิงห์บลูนั้นมีทิศทางที่ดีขึ้น จะมีการเปลี่ยนในเรื่องใดบ้าง ไปดูกันเลยครับ1. เปลี่ยน (เสริม) กองหน้าหากเราย้อนอดีตกลับไปดูกองหน้าของเชลซีแต่ละคนนั้นมีแต่ตัวเป้งๆ ทั้งสิ้น เอาเท่าที่ผมทันดูนะครับ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซน, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, อังเดร เชฟเชนโก, เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ดิเอโก คอสตา, อัลบาโร โมราตาและกอนซาโล อิกวาอิน เป็นต้น เหล่ากองหน้าที่ผมไล่ชื่อมานั้นล้วนแล้วแต่เป็นกองหน้าระดับท็อปของโลกทั้งนั้น โอเคแหละ อาจจะมีหลายคนที่ไม่ปังเท่าชื่อชั้น มีเพียงดร็อกบาและคอสตาที่ดูดีกว่าเพื่อน รองลงมาก็คือกุ๊ดยอห์นเซน ที่เหลือนั้นก็เหมือนเอาชื่อมาทิ้งซะเป็นส่วนใหญ่แต่กองหน้าเหล่านี้ต่อให้ลงและยิงไม่ได้ แต่ก็ยังมีชื่อชั้นในการขู่กองหลังคู่แข่ง หรือมีเซนส์ฟุตบอลที่สูงมากๆ สามารถเปลี่ยนเกมได้ จังหวะที่ควรจบก็สามารถจบได้ แต่พอหันมามองกองหน้าเชลซีในตอนนี้มีใคร? นิโคลัส แจ๊คสันงี้ อาร์มานโด โบรยางี้ ถามจริงเถอะครับ จะเอาอะไรไปฝากความหวังได้ โดยเฉพาะในรายของแจ๊คสัน กองหน้าอะไรโดนแบนด้วยการสะสมใบเหลืองครบโควตา กองหน้าบ้าอะไรที่ได้ใบเหลืองเยอะกว่าประตูที่ยิงได้ในเกมลีก (ยิง 7 ใบเหลือง 8) ยิ่งจังหวะในเกมยิ่งเป็นกองหน้าที่ฝากความหวังไม่ได้เลย ตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ก็เกมที่บุกไปชนะท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ที่ถึงแม้จะทำแฮตทริกได้ แต่กว่าจะยิงได้ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก โอกาสยิง 6 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง หากดูสถิติมันค่อนข้างดูดีเลย แต่ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ดูแบบเต็มๆ เกมก็จะสบถด่าแจ๊คสันไปหลายรอบมากๆ เพราะหลายๆ จังหวะที่เขาควรจบสกอร์หรือทำได้ดีกว่านี้ แต่เขานั้นมัวแต่ทำยึกๆ ยักๆ จนกองหลังสเปอร์นั้นเข้ามาสกัดไปได้ ในฤดูกาลนี้เชลซีเสริมทัพได้น่าสนใจมากๆ ในตำแหน่งตัวรุก นอกจากแจ๊คสันแล้วยังมีคริสโตเฟอร์ เอนคุนคูและโคล พาลเมอร์ เอนคุนคูนั้นก็ไม่เห็นต้องใช้เวลานาน แค่ลงสนามเกมแรกในพรีเมียร์ลีกที่พบกับวูล์ฟฯ ก็สามารถทำประตูได้เลย ยิ่งในรายของพาลเมอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง โดดเด่นกว่าทุกคนในแนวรุก แบกเกมรุกของเชลซีสุดๆ สร้างสรรค์เกมให้กองหน้าได้ยิงหลายต่อหลายครั้ง แต่สุดท้ายกองหน้าของทีมก็ทำหมูหก ยิงนก ตกปลาไปหมด ลองคิดภาพว่าถ้าเชลซีมีวิกเตอร์ โอซิมเฮน, ดูซาน วลาโฮวิช หรือพวกกองหน้าระดับท็อป อะ ให้อย่างแย่เลยนะ ดาร์วิน นูนเญซของลิเวอร์พูลเลยที่แซวๆ กันน่ะ ผมเชื่อว่าเชลซีจบสกอร์ได้เยอะกว่านี้อีกแน่นอน ผมมั่นใจ2. เปลี่ยนแทคติกการเล่นทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม "ลีวาย โควิล" ถึงได้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ตำแหน่งที่ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่ถนัดของตัวเอง ยิ่งเกมล่าสุดในคาราบาว คัพที่ในเลกแรกบุกไปแพ้ต่อมิดเดิลสโบรห์ ทีมอันดับ 12 ในลีกแชมเปียนชิพ บอกตรงๆ เห็นแล้วหงุดหงิดมากๆ มากถึงมากที่สุด ตัวเองเล่นเป็นแบ็คแต่ไม่ช่วยเติมเกมรุกเลยยย ไม่เลย ไม่มีการโอเวอร์แลปให้เพื่อนร่วมทีมจ่ายหรือดึงตัวประกบจากคู่แข่ง ไม่มีเลย ยิ่งในช่วงท้าย ไม่ช่วยเกมรุกริมเส้นไม่พอ ดันตัวเองเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษ รอทำประตู ถามจริงๆ ว่านั้นคือตำแหน่งที่เขาควรอยู่หรอ ริมเส้นไม่ใช่หรอกหรอที่ควรจะอยู่ จะได้ซัพพอร์ตและเสริมเกมรุกกับมิไคโล มูดริก แต่เขากลับยืนอยู่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ไม่มีการวิ่งอ้อมหลังมูดริกแต่อย่างใด แต่อีกฝั่งของสนามที่มีมาโล กุสโตยืนแบ็คขวาคือเติมไม่พักจนถูกเปลี่ยนตัวออกเลยนะ แต่ทำไมกับโควิลถึงไม่เติมเลยคำถามคือแล้วคุณจะมีแบ็คซ้ายไว้ทำไม? เอียน มัตเซนก็มีนะแต่ไม่ใช้ ไม่ใช้ไม่พอ กำลังจะปล่อยให้โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ยืมตัวไปอีก ทั้งๆ ที่คูคูเรญาและเบน ชิเวลล์ยังไม่หายเจ็บกลับมา แต่คุณเลือกที่จะปล่อยแบ็คซ้ายธรรมชาติที่เหลืออยู่คนเดียวของทีมออกไป เพื่ออะไรครับยังไม่รวมที่ต่อให้นักเตะฟอร์มดรอปลงไปแต่ก็ยังไม่ดรอปอีกนะ ราฮีม สเตอร์ลิงในช่วงก่อนหน้านี้ทำผลงานได้ดี ช่วยเกมรุกของทีมได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ ณ ตอนนี้เขานั้นมีฟอร์มการเล่นที่ดรอปลงไป ช่วยอะไรทีมไม่ได้แต่ก็ยังไม่โดนดรอปแล้วก็ยังไม่ส่งมูดริกลงมาเล่นแทนอีก ทั้งๆ ที่ในเมื่อนักเตะคนนึงฟอร์มตกมันก็ควรเป็นโอกาสของนักเตะอีกคนที่ได้คว้าโอกาส แต่ตอนนี้ไม่ได้มีแม้แต่โอกาสให้คว้า ไม่ได้ลงเป็นตัวจริงเลย 17 เกมลีก มูดริกได้ลงเล่นในฐานะตัวสำรองไปถึง 7 เกม ทั้งๆ ที่ฟอร์มการเล่นเป็นตัวจริงไม่ได้แย่อะไรเลย ลงเล่นตัวจริง 10 เกม มูดริกมีส่วนร่วมไปแล้ว 5 ประตู (ยิง 3 แอสซิสต์ 2) กลับกันในเกมที่ลงมาเป็นตัวสำรองเขาไม่มีผลงานใดๆ เลย แถมแม้กระทั่งเกมบอลถ้วยคาราบาวก็ไม่ได้เป็นตัวจริงเหมือนกัน เล่น 3 เกมได้ลงเป็นตัวจริงเกมเดียว (พบไบรท์ตัน) ซึ่งในเกมที่ชนะนิวคาสเซิลก็เป็นมูดริกนี่แหละที่ลงมายิงประตูตีเสมอให้กับทีมจนสามารถยื้อไปชนะการดวลลูกโทษ แต่ก็มิได้นำพาให้ในเกมรอบรองเขาเป็นตัวจริงประเด็นสุดท้ายคือการจับนักเตะเล่นผิดบทบาทอีกนะ เอ็นโซ เฟอร์นันเดซจากที่โดดเด่นในตำแหน่งเบอร์ 8 ก็จับไปเล่นเป็นเพลย์เมกเกอร์ มอสเซส ไคเซโดก็จับไปเล่นโฮลดิงมิดฟิลด์ เล่นแบบคุมจังหวะ เล่นตัวรับจ๋าๆ ทั้งๆ ที่เขาโดดเด่นกับไบรท์ตันเพราะเล่นแบบ Box to Box พาลเมอร์เป็นตัวสร้างสรรค์ก็จับไปเล่นกองหน้า สุดจะจีเนียสเลยเมาริซิโอ โปเชตติโน3. เปลี่ยนผู้จัดการทีมต่อเนื่องจากข้อที่ 2 เลยครับ ถ้าผลงานทีมยังไม่ดีขึ้น คนแรกที่ต้องรับผิดชอบผลงานก็คือตัวของเมาริซิโอ โปเชตติโนนั่นแหละ เพราะคุณเป็นคนจัดนักเตะ เลือกแทคติกในการเล่น ทีมเล่นแบบไหนมันก็มาจากผลของการฝึกซ้อม การวางแทคติกนั่นแหละ ซ้อมแบบไหน นักเตะก็เล่นแบบนั้นแหละ สุดท้ายใครปวดหัวล่ะก็แฟนบอลนี่แหละที่เห็นรูปเกมที่ไม่คุ้มค่ากับการทนดูเลยแม้แต่น้อย ยิ่งแฟนบอลท้องถิ่นเสียเงินปีๆ นึงตั้งเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทีมตอบแทนพวกเขาคือฟอร์มการเล่นที่ห่วยแตกสิ้นดีตัวอย่างชัดๆ ก็คือ เราทุกคนรู้ว่าโควิลนั้นคือเซนเตอร์ นี่คือกองหลังที่พาอังกฤษชุด U-21 คว้าแชมป์ยูโรนะครับ ตำแหน่งที่ถนัดคือกองหลังคู่กลาง แต่พอชจับเล่นแบ็คซ้าย มันจะไม่มีใครบ่นใครด่าอะไรเลยถ้าโควิลนั้นทำผลงานได้ดี หรืออย่างแย่ก็คือเล่นให้ใกล้เคียงกับการเป็นแบ็คซ้ายมากที่สุด แต่สิ่งที่เห็นก็คือโควิลเล่นไม่ได้ใกล้เคียงแบ็คซ้ายเลย ไม่มีการอ้อมหลัง ไม่มีโอเวอร์แลปดึงตัวประกบจากเพื่อนหรือเพื่อเปิดบอล ไม่เลยแม้แต่น้อย แถมยังยืนอยู่แถมสองหน้ากรอบเขตโทษเสียอีก มันใช่สไตล์การเล่นของแบ็คที่ไหน จะบอกว่าเป็นอินเวิร์ท ฟูลแบ็คหรอ? ก็ไม่ใช่อะ ผมไม่เคยเห็นจริงๆ นะซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการฝึกซ้อมนั่นแหละ พอชจะจับใครมาเล่นแบ็คซ้ายมันไม่ผิดหรอก แต่คุณจับเขามาเล่นคุณก็ต้องจับเขาฝึก ซ้อมในบทบาทและวิธีการเล่นของตำแหน่งแบ็คซ้ายด้วย แต่สิ่งที่เห็นก็ตามที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ ไม่มีโอเวอร์แลป ไม่มีอ้อมหลัง ไม่มีดึงตัวประกอบ ยืนอยู่แถวสอง พาตัวเองเข้าไปรอโหม่ง ตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในสนามซ้อมนั้นได้ฝึกซ้อมในโรลของตำแหน่งนั้นๆ หรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นมันเหมือนกับว่าพอชไม่ได้ให้นักเตะฝึกซ้อมในตำแหน่ง/บทบาทตัวเองที่ต้องเล่นเลย นักเตะระดับนี้ ระดับเล่นในพรีเมียร์ลีกได้แล้ว ผมเชื่อว่าฝึกซ้อมอย่างเป็นประจำ ยังไงก็เล่นในตำแหน่งที่ไม่ต่างจากตำแหน่งที่ตัวเองถนัดมากนักได้แน่นอน 4. เปลี่ยนเจ้าของทีมอย่าเพิ่งด่านะครับ ผมรู้ว่าข้อนี้มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในฐานะคนที่ดูและติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาตลอดสิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือที่ปัจจุบันเชลซีตกต่ำได้ถึงขนาดนี้มันก็เป็นผลมาจากการเปลี่ยนเจ้าของนี่แหละ ส่วนในเรื่องของเหตุผล ผมขอไม่พูดถึงก็แล้วกัน เชื่อว่าหลายๆ คนคงทราบกันดี แต่จะบอกอย่างนึง ผมเชื่อและมั่นใจว่าถ้าหากเชลซียังมีเจ้าของที่ชื่อ "โรมัน อับราโมวิช" เชลซีจะ "ไม่มีวัน" อยู่ในจุดๆ นี้แน่นอน ไม่มีวันกลับมาที่ปัจจุบันครับอย่างที่ทราบกันครับว่าเสี่ยหมีนั้นขายเชลซีให้กับกลุ่มทุนจากอเมริกาที่นำโดยชายที่ชื่อ "ท็อดด์ โบห์ลี" ด้วยราคา 4.25 พันล้านปอนด์ (ซื้อหุ้น 2,500 ล้านปอนด์, ลงทุน 1,750 ล้านปอนด์) นอกจากนี้ความรักและความเป็นห่วงของเสี่ยหมีที่มีต่อเชลซี เขายังใส่เงื่อนไขในสัญญาการซื้อขายด้วยว่าเจ้าของใหม่ต้องลงทุนและห้ามขายทีมภายใน 10 ปี หรือถ้าจะขายเชลซีก็ต้องขายในปี 2032 โอเคครับ ในตอนนี้โบห์ลีและกลุ่มเพื่อนๆ ที่ถือครองเชลซีก็กำลังลงทุนในเชลซีอย่างบ้าคลั่งตามเงื่อนไขในสัญญาใช่ครับ ลงทุนเยอะมากๆ เข้ามาใช้เงินแบบบ้าคลั่งมากๆ ค่าตัวเท่าไหร่ก็ยอมจ่าย ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น แต่สิ่งที่จ่ายไป มันไม่ได้เป็นวิสัยปกติของทีมใหญ่ที่ไหนเขาทำกันครับ นับเฉพาะนักเตะที่ย้ายเข้ามาใหม่ทั้งซื้อและยืมตัวนะครับ พวกเขาเซ็นนักเตะใหม่ร่วม 30 คนเข้าไปแล้ว ใช้เวลา 3 ตลาดซื้อขาย เฉลี่ยแล้วตลาดละ 10 คน ซึ่ง 30 คนนี่ถ้าเป็นทีมๆ นึง จำนวนมันเกินกว่าที่จะสามารถลงทะเบียนลงเล่นในพรีเมียร์ลีกได้อีกนะ เพราะทางพรีเมียร์ลีกกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 25 คน แถมยังใช้เงินไปกว่า 1,000 ล้านปอนด์แล้ว คำถามคือคุณจะซื้อเยอะขนาดนั้นไปทำไม ทั้งๆ ที่นักเตะเดิมที่มีอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ข้อดีข้อนึงของเชลซีในยุคโบห์ลีคือการขายนักเตะได้ราคางามมาก ซื้อเยอะทั้งจำนวนคนและจำนวนเงิน แต่ก็ขายแต่ละตัวกลับมาได้แพงเหมือนกัน นี่เป็นข้อดีข้อเดียวที่ผมมองเห็นเชลซีในยุคของท็อดด์ โบห์ลี ที่เหลือจะนั้นผมให้เข้าขั้นห่วยแตกเลยhttps://x.com/ChelseaFC/status/1620923634058493952?s=20ผมดูบอลมานานมากพอสมควรแล้ว แต่ไม่เคยเจอทีมใหญ่ทีมไหนที่เสริมตัวแบบนี้เลย ทีมเงินถุงเงินถังมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี, เปเอสเช, เรอัล มาดริด หรือแม้กระทั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่แฟนๆ ด่าตระกูลเกลเซอร์แบบเช้า-เย็นก็ยังไม่มีใครเสริมแบบนี้ ทีมใหญ่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเสริมนักเตะระดับบิ๊กเนมเข้ามาในทีมบ้าง ไม่ได้กว้านซื้อแต่ดาวรุ่งแบบเชลซี หากมองดูในลิสต์ที่เชลซีซื้อที่เป็นบิ๊กเนมหรือมีชื่อเสียงมาก่อนแล้วคนล่าสุดก็จะเป็นราฮีม สเตอร์ลิง ที่เหลือจากสเตอร์ลิงก็จะมีแต่ดาวรุ่งหรือนักเตะที่รอวันพิสูจน์ตัวเองทั้งสิ้น คนที่แพงที่สุดอย่างเอ็นโซตอนที่ซื้อมาก็ยังเป็นดาวรุ่งอยู่เลย ยังดีที่มีดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ติดตัวมาด้วยและเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เล่นได้ค่อนข้างคุ้มค่าตัว อีกคนที่ผมให้ก็คือโคล พาลเมอร์ ที่เหลือจากนั้นยังไม่เห็นความคุ้มค่าในการจ่ายเงินแพงๆ ไปเลยนอกจากนี้การจ่ายค่าตัวนักเตะแต่ละครั้งมันก็ไม่มีความสมเหตุสมผลเลย เอาแค่ใจอยากได้ แพงแค่ไหนก็จ่ายโดยที่ไม่ได้มีความเหมาะสมเลย เวสลีย์ โฟฟานาจากเลสเตอร์ 73 ล้านปอนด์อย่างงี้ มูดริกจากชัคตาร์ฯ 88 ล้านปอนด์อย่างงี้ โรเมโอ ลาเวียจากเซาแธมป์ตัน 58 ล้านปอนด์อย่างงี้ มาร์ค คูคูเรญาจากไบรท์ตัน 62 ล้านปอนด์อย่างงี้ ถามว่านักเตะเหล่านี้เก่งหรือไม่ก็ต้องตอบว่าเก่ง แต่คำถามคือพวกเขาเก่งพอที่จะมีค่าตัวระดับนี้เลยหรอ? รู้ว่าพวกคุณมีเงินและต้องทำตามเงื่อนไขที่เซ็นกับเสี่ยหมีไป แต่คุณช่วยใช้มันอย่างฉลาดได้ไหม ไม่ใช่ว่าเป็นคนรวยแล้วจะจ่ายแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง สักแต่จะซื้อแต่จำนวนแต่คุณภาพไม่สนพวกคุณไม่ได้ทำเชลซีในวิสัยของทีมใหญ่หรือทีมลุ้นแชมป์เลย มีอย่างที่ไหนซื้อแต่ดาวรุ่ง บ้าหรือเปล่า อย่างที่ยกตัวอย่างแมนยูที่แฟนบอลด่าตระกูลเจ้าของอยู่ตลอด แต่แมนยูยังมีการซื้อซูเปอร์สตาร์เข้าสู่ทีมมาเสริมทัพอยู่ตลอดๆ คาเซมิโร, ราฟาเอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ หรือตัวฟรีอย่างคริสเตียน อีริกเซน แต่หันมาดูเชลซี มองไปทางไหนก็มีแต่ดาวรุ่ง หันซ้ายก็ดาวรุ่ง หันขวาก็ดาวรุ่ง คุณคือทีมใหญ่ ทีมลุ้นแชมป์ทุกปีนะฮัลโหลลล จะมาเสริมทีมแบบทีมกลางตารางหรือทีมเล็กๆ ที่นำเข้าแต่นักเตะที่มีแววไม่ได้นี่ยังไม่รวมกับเรื่องหลังบ้านอีกนะ คนเก่าคนแก่ของสโมสร ตำนานนักเตะของทีมปีเตอร์ เช็กก็ไม่สามารถทำงานร่วมได้จนต้องขอลาออกจากผอ.ฝ่ายเทคนิค หรือมารีนา กรานอฟสกายา ผอ.ทีมคนเก่งก็ทำงานด้วยไม่ได้จนต้องลาออกไปอีกคน แต่ทีมงามไส้ก็คือโบห์ลีแต่งตั้งตัวเองเป็นผอ.สโมสรแทนเจ๊มารีนาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้เรื่องฟุตบอลเลย ไหนจะปลดโธมัส ทูเคิลออกไปแล้วแต่งตั้งเกรแฮม พอตเตอร์เข้ามาอีก ให้สัญญาระยะยาว 5 ปีอีก พอพอตเตอร์ทำผลงานไม่ดีก็ปลดออกพร้อมกับค่าชดเชยที่ต้องจ่ายอีกมหาศาล ไหนให้สัญญานักเตะแต่ละคนระยะยาวเกือบ 10 ปีอีก ซึ่งในส่วนสัญญาระยะยาวพอจะเข้าใจได้มุมนึงคือพยายามหั่น ซอยเฉลี่ยค่าตวของนักเตะตามระยะเวลาสัญญา แต่คราวที่จะขายล่ะ ถ้านักเตะทำผลงานไม่ดีล่ะก็ต้องอยู่กับทีมยาวจนหมดสัญญาน่ะหรอ? เอาจริงดิ?ผมมั่นใจอย่างมากว่าถ้าเชลซียังปล่อยให้โบห์ลีบริหารทีมแบบนี้ต่อไปก็จะมีแต่ "สาละวันเตี้ยลง" หรืออย่างน้อยก็หาคนที่มีความรู้เรื่องฟุตบอล หาคนเก่งๆ มาบริหารเถอะ ใช้เงินให้มันมีประโยชน์คุ้มค่ากว่านี้เถอะ ไม่เช่นนั้นนะจากทีมใหญ่ เชลซีก็จะกลายเป็นทีมกลางๆ ที่มีเงินอย่างเดียวผมไม่รู้ว่ามุมมองของผมนั้นถูกผิดหรืออย่างไร จะตรงกับที่แฟนเชลซีนั้นคิดหรือไม่ แต่นี่คือมุมมองของแฟนบอลคนนึงที่ติดตามฟุตบอลอังกฤษมานาน เห็นความเปลี่ยนแปลงของเชลซีมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องตัวผู้เล่นและผู้จัดการทีม การใช้เงินที่ฉลาด มีเฟลบ้างแต่เฟลทีไรก็กลับมาได้เร็วเสมอ แต่กับตอนนี้กับเจ้าของทีมกลุ่มนี้ ผมมองไม่เห็นจุดไหนเลยที่เชลซีจะยูเทิร์นจากความนรกแตกนี้ได้เลยขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากTransfermarkt.comOfficial X และ Facebook ของเชลซีภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6 ,ภาพประกอบ 7 และภาพประกอบ 8 ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!