หลังจากที่ผ่านเกมที่บุกไปเสมอ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ชนิดที่ว่าโดนตีเสมอท้ายเกม ทำให้จนถึงตอนนี้ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทัพของกุนซือชาวดัตช์อย่าง "เอริก เทน ฮาก" แข่งขันศึกพรีเมียร์ลีกผ่านพ้นไปแล้วครึ่งทางที่ 19 นัดจาก 38 นัด เก็บได้ 39 คะแนน แบ่งเป็นชนะ 12 เสมอ 3 แพ้ 4 และส่งแมนยูแซงหน้า "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มารั้งอันดับ 3 ของตาราง และมีคะแนนเท่ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นรองประตูได้เสีย (แต่แข่งมากกว่าแมนซิตี้ 1 นัด) แต่นอกจากพรีเมียร์ลีกแล้ว หลายๆ คนอาจจะลืมไปว่าฟุตบอลถ้วยนั้น ทัพปีศาจแดงก็ยังมีลุ้นอีก 3 ถ้วย นั่นเท่ากับว่า ณ ตอนนี้แมนยูมีลุ้นด้วยกัน "4 แชมป์" ถึงแม้ว่าในลีกจะตามหลังอาร์เซนอลที่เป็นจ่าฝูง 8 แต้มและแข่งมากกว่าไอ้ปืนใหญ่อยู่ 1 นัด แต่ก็ต้องบอกว่าฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ แถมการแข่งขันก็เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งทางเอง สำหรับบทความนี้ผมจะมาเขียนเกี่ยวกับการที่ ณ สถานการณ์ตอนนี้ แมนยูอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ถึง 4 รายการ จะเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน เราไปดูกันเลยครับ นับตั้งแต่ที่ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 เมษายน 2022 ว่า "เอริก เทน ฮาก" กุนซือของอาแจ็กซ์ในตอนนั้นจะเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาล 2022/2023 ต่อจากกุนซือขัดตาทัพชั่วคราวอย่าง "ลุงรัง" ราล์ฟ รังนิก ก็มาพร้อมกับเสียงค่อนขอด วิจารณ์จากเหล่ากูรูทั้งหลายว่าย้ายมาจากลีกที่การแข่งขันไม่สูงมาก ผูกขาดกับอาแจ็กซ์ซะส่วนใหญ่ ไม่เคยพาทีมประสบความสำเร็จในเวทียุโรปเลย จะมาคุมทีมระดับแมนยูไหวหรอ? จะมาคุมทีมในลีกที่มีการแข่งขันสูงไหวหรอ ? แต่เพียงแค่เกมแรกที่เขาคุมทัพ ถึงแม้จะเป็นเพียงเกมอุ่นเครื่องในช่วงพรีซีซั่น เขาก็ทำให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงผีแดงได้ เพราะเขานั้นพาลูกทีมถล่มอริตลอดกาลอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูลไป 4-0 คาสนามราชมังคลากีฬาสถานที่เมืองไทยของเรานี่เอง และก็ยังได้ไปย้ำแค้นต่อในลีกอีกด้วยการเปิดบ้านชนะ 2-1 ในแดงเดือดยกแรก นั่นคือภาพที่สวยหรู แต่พอเปิดหัวเกมลีกมา 2 นัด แมนยูของเทน ฮากนั้นแพ้รวดทั้ง 2 นัด เริ่มด้วยเกมแรกของฤดูกาลที่พ่ายไบรท์ตันคาโอลด์ แทรฟฟอร์ด 1-2 ก่อนที่เกมต่อมาจะบุกไปโดนเบรนท์ฟอร์ดถล่ม 4-0 นั่นยิ่งทำให้เหมือนสิ่งที่เหล่ากูรูทั้งหลายวิจารณ์ไว้จะเป็นจริง เทน ฮากของปลอมบ้าง คุมแมนยูไม่ไหวหรอกบ้าง เทน ฮากมือไม่ถึงบ้าง แต่ในที่สามนัดก็เป็นศึกแดงเดือดนัดแรกของฤดูกาล ผลก็จบลงด้วยชัยชนะของแมนยูอย่างที่ผมได้บอกไป ซึ่งนั่นคือชัยชนะนัดแรกในลีกของแมนยูยุคเทน ฮาก ก่อนที่จะเก็บชนะในลีกได้อีก 3 นัดติดต่อกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการชนะจ่าฝูง ณ เวลานี้อย่างอาร์เซนอล แต่นัดต่อมาก็บุกไปโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ถล่ม 6-3หลังจากนั้นแมนยูก็ยังมีฟอร์มที่ยังไม่เสถียรเท่าไหร่ ชนะบ้าง แพ้บ้าง มีสะดุดบ้างเหมือนกันทั้งในบอลลีกและบอลยุโรป แต่นับตั้งแต่เกมที่พวกเขาบุกไปโดนแอสตัน วิลลาเชือด 3-1 หลังจากนั้นในเกมอย่างเป็นทางการทุกถ้วย 9 นัด พวกเขาชนะรวดทุกนัด และหนึ่งในนั้นคือเกมที่ยัดเยียดความปราชัยต่อแมนซิตี้ 2-1 ทั้งๆ ที่พวกเขาโดนนำไปก่อนด้วยแต่ก็ยิงแซงกลับมาชนะได้ ทำให้ ณ ตอนนี้ลูกทีมของเทน ฮากจากที่แฟนๆ ผีแดงส่วนใหญ่เคยหวังแค่ว่าปีแรกของเทน ฮากจบแค่ Top 4 ก็พอใจแล้วหรืออย่างแย่สุดก็ขอให้ได้ไปบอลยุโรปถ้วยใบเล็กอย่างยูโรปา ลีก แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ลีกแล้ว เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าถึงแม้จะแข่งมากกว่าอาร์เซนอลที่เป็นจ่าฝูงตอนนี้ 1 นัดและตามหลังอยู่ 8 แต้ม แต่นี่มันเพิ่งแข่งไปได้ครึ่งทางอยู่เลย เหลืออีกตั้ง 19 นัดให้ลุยกันต่อ และยิ่งเกมล่าสุดเขาก็ชนะเกมดาร์บี แมตช์มาอีกด้วย มันยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับแมนยูมากยิ่งขึ้นไปอีก อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ครับ แต่ถึงกระนั้น กว่าแมนยูจะโชว์ฟอร์มได้สุดยอดได้ขนาดนี้ ก่อนหน้านั้นต้องเรียกได้ว่าแมนยูเหมือนโดน "ระเบิดลง" กลางโอลด์ แทรฟฟอร์ด เพราะว่าอดีตคนเคยรักอย่างคริสเตียโน โรนัลโดไปให้สัมภาษณ์ชนิดที่ทิ้งบอมบ์ไว้ได้เลยก่อนที่จะไปลุยฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งสุดท้ายก็จบลงด้วยการที่ทั้งแมนยูและ CR7 ตกลงยิมยอมยกเลิกสัญญากันทั้งคู่ แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้านั้นอีกหลายเดือนเทน ฮากก็ต้องรับมือกับการมีพี่โด้อยู่ในทีมมาอย่างหนักหน่วง เริ่มตั้งแต่ไม่มารายงานตัวตอนพรีซีซั่นด้วยเหตุผลส่วนตัว (เรื่องครอบครัว) ต่อด้วยกลับบ้านก่อนในช่วงพักครึ่งในเกมอุ่นเครื่อง โดนกูรูบางคนวิจารณ์ว่าไม่เคารพพี่โด้โดยการไม่ส่งลงในเกมที่โดนเรือใบถล่ม 6-3 ตามมาด้วยพี่โด้เดินเข้าห้องแต่งตัวก่อนจบเกมในเกมลีกที่ชนะสเปอร์ส และสุดท้ายก็คือการให้สัมภาษณ์ในรายการของตาเพียร์ซ มอร์แกน ซึ่งบทสรุปเรื่องราววุ่นวายที่เกิดขึ้น เทน ฮากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ เขาแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่มาจากไหน คุณจะเป็นตำนานของทีม แต่ท้ายที่สุดคุณไม่มีทางใหญ่ไปกว่าสโมสร และในฐานะการทำงานเขา (เทน ฮาก) คือเจ้านายของคุณ คุณควรเชื่อฟังและเคารพต่อเจ้านายของคุณ ซึ่งนักเตะคนที่เหลือภายในทีมก็ทำอย่างที่ควรทำ คุณทำผิดกฎหรอ คุณก็โดนลงโทษ (แรชฟอร์ดเคยตื่นสายจนมาซ้อมสาย เกมนัดที่เจอวูล์ฟฯ เขาโดนดรอปเขาก็ยอมรับโดยดี ไม่งอแง) คุณฟอร์มห่วยหรอ คุณก็โดนลงโทษ (เกมแพ้เบรนท์ฟอร์ด มีสถิติบอกว่านักเตะแมนยูวิ่งกันน้อยกว่านักเตะเบรนท์ฟอร์ดซะอีก วันต่อมาเทน ฮากสั่งให้ลูกทีมวิ่ง วิ่ง วิ่งและก็วิ่งในช่วงที่ซ้อม และเขาก็วิ่งพร้อมกับลูกทีมด้วย) นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เทน ฮากแสดงให้เห็นว่าเขามีภาวะความเป็นผู้นำสูงมาก เรียกได้ว่า "ซื้อใจ" ลูกทีมได้เลย พูดถึงภาพรวมตั้งแต่วันแรกของเทน ฮากกับแมนยูไปแล้ว มาพูดถึงเนื้อหาหลักของบทความนี้ตามชื่อบทความกันดีกว่าครับ เพราะตอนนี้หลายคนอาจจะไปโฟกัสกับผลงานในลีกของแมนยู อาจจะลืมไปว่าบอลถ้วยในประเทศ 2 รายการและถ้วยยุโรปอย่างยูโรปา ลีกก็ยังอยู่ในเส้นทาง เท่ากับว่า ณ ตอนนี้เทน ฮากพาทีมที่หลายคนคิดว่าคงหวังแค่ Top 4 กลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังทำทีมที่มีลุ้น 4 แชมป์แล้วตอนนี้ เรามาเริ่มที่พรีเมียร์ลีกกันก่อนเลยดีกว่า หลังผ่านเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา แมนยูแข่งไปแล้ว 19 นัด ตามหลังอาร์เซนอลอยู่ 8 แต้ม มีคะแนนเท่ากับแมนซิตี้ที่อยู่อันดับ 2 แต่แมนยูนั้นแข่งมากกว่าทั้ง 2 ทีมอยู่ 1 นัด ซึ่งเกมลีกนัดต่อไปคือการที่แมนยูบุกไปยืนอาร์เซนอล ซึ่งถ้าหากสมมุติว่าแมนยูชนะทีมจ่าฝูงได้ เท่ากับว่าเขาจะลดช่องว่างเหลือแค่ 5 คะแนน ซึ่ง 5 เกมถัดจากนั้น (หลังจากเกมที่ทั้งคู่เจอกัน) อาร์เซนอลจะต้องเจอทั้ง เอฟเวอร์ตัน (เยือน) เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) แอสตัน วิลลา (เยือน) เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน) ส่วนแมนยูนั้นจะเจอกับ คริสตัล พาเลซ (เหย้า) ลีดส์ ยูไนเต็ด (เยือน) เลสเตอร์ ซิตี้ (เหย้า) เบรนท์ฟอร์ด (เหย้า) ลิเวอร์พูล (เยือน) เรียกได้ว่าโปรแกรมแทบจะถอดแบบกันมาเลย แมนยูอาจจะหนักว่านิดนึงในเรื่องของสถานการณ์ของคู่แข่ง เพราะจะต้องเจอทั้งลีดส์และเลสเตอร์ที่ต้องพยายามหนีตกชั้นให้ได้ แต่ถ้าเรื่องชื่อชั้นของทีมนั้นแมนยูจะเบากว่าอาร์เซนอล มีเพียงนัดที่เจอลิเวอร์พูลเท่านั้นที่เป็นบิ๊กแมตช์และหนักทั้งในเรื่องของสถานการณ์ทีมและชื่อชั้นของทีม โดยในเกมแดงเดือดนั้นทุกคนก็รู้สรรพคุณอยู่แล้วว่าต่อให้ทีมใดทีมหนึ่งฟอร์มดรอปกว่าคู่แข่งมันก็จะเป็นแมตช์ที่เตะกันดุดันเหมือนกัน แต่กับทัพปืนใหญ่นั้นนอกจากจะต้องเจอกลุ่มหนีตกชั้น (เอฟเวอร์ตันและเลสเตอร์) แล้วยังต้องเจอทั้งเบรนท์ฟอร์ดที่ฟอร์มดี (แมนยูก็เจอ) แอสตัน วิลลาที่ดีขึ้นในยุคของอูไน เอเมรี และหนักที่สุดก็คือคู่แข่งแย่งแชมป์อีกทีมอย้่ง "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือว่าเป็นการตัดแต้มกันเอง ซึ่งประโยชน์ก็จะตกมาอยู่ที่แมนยูโดยตรงไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหน สุดท้ายแล้วจากหวังแค่ Top 4 แมนยูตอนนี้สามารถหวังถึงแชมป์ลีกได้เลย ตัดภาพมาที่ฟุตบอลถ้วยภายในประเทศ แมนยูยังอยู่ในเส้นทางทั้งเอฟเอ คัพและคาราบาว คัพ โดยในเกมเอฟเอ คัพ รอบต่อไปแมนยูจะเจอกับเรดดิง ทีมจากแชมเปียนส์ชิพ ส่วนคาราบาว คัพนั้นจะเจอกับฟอร์เรสต์ในรอบรองชนะเลิศแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นงานเบามากกกทั้งคู่เลย มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะผ่านเข้ารอบในรายการเอฟเอ คัพ และเข้าชิงในรายการคาราบาว คัพ ซึ่งก็ต้องมารอลุ้นว่าจะเจอใครระหว่างเซาแธมป์ตันหรือนิวคาสเซิล ซึ่งดูแล้วก็อาจจะเป็นนิวคาสเซิลที่ฤดูกาลนี้ก็ฟอร์มดีไม่แพ้กัน แต่ก็ประมาททีมนักบุญไม่ได้ เพราะรอบก่อนหน้านั้นพวกเขาคว่ำแมนซิตี้มาได้ แต่ถือว่าคาราบาว คัพนั้นถือว่าเป็นรายการที่แมนยูมีโอกาสคว้าแชมป์มากกที่สุด ในส่วนของเอฟเอ คัพก็ต้องมารอลุ้นว่าถ้าหากผ่านเรดดิงไปได้จะถูกจับสลากเจอกับใครมาถึงในถ้วยยุโรปอย่าง "ยูโรปา ลีก" ที่ถือว่าน่าจะเป็นงานที่หินที่สุดแล้วล่ะ เพราะพวกเขาต้องโคจรมาเจอกับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา จ่าฝูงจากลา ลีกา สเปน โดยทั้งคู่ต้องมาตัดสินกันเพื่อหาทีมเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยแมนยูเป็นรองแชมป์กลุ่มในยูโรปา ลีก ส่วนบาร์ซ่าเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มจาก UCL ที่ผมบอกว่ายูโรปา ลีกคือถ้วยที่ดูเหมือนจะยากที่สุดของลูกทีมเทน ฮากก็เพราะว่า ถ้าหากผ่านเจ้าบุญทุ่มไปได้ก็ยังจะต้องเจอพวกเสือสิงห์กระทิงแรดอยู่ดี เช่น อาร์เซนอล เฟเนร์บาห์เชที่เข้ารอบไปรออยู่ก่อนแล้ว หรือพวกที่อาจจะผ่านเข้ามาจากการคัดเลือกรอบ 16 ทีมเหมือนแมนยูอย่าง โรมา อาแจ็กซ์ เซบียา ยูเวนตุส เป็นต้น เรียกได้ว่ามีแต่งานหินๆ ทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทีมระดับแมนยูก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครทั้งนั้นเหมือนกัน เพราะพวกเขาก็คือทีมใหญ่และทีมเต็งทีมนึงที่จะได้แชมป์ยุโรปถ้วยเล็กใบนี้ และเทน ฮากก็มีประสบการณ์ในฟุตบอลยุโรปมาแล้วด้วยที่ถึงขั้นพาอาแจ็กซ์ทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศในยูซีแอล ฤดูกาล 2018/2019 ดังนั้นทีมอื่นๆ ก็อย่าประมาทแมนยูเหมือนกันนะ สุดท้ายแล้วถ้าหากถามผมว่าเทน ฮากจะพาแมนยูคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่มาคุมเลยหรือไม่ ถ้าถาม ณ ปัจจุบันนี้ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสสูงมากๆ เรียกได้ว่าประมาณ 90% เลยทีเดียว ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นแชมป์ในรายการคาราบาว คัพ เพราะเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัดเท่านั้น ชนะอีกแค่ 3 นัดเท่านั้น พวกเขาก็จะมีถ้วยแชมป์มาประดับที่สโมสรเพิ่มอีกหนึ่งถ้วย หลังจากว่างเว้นความสำเร็จมานานตั้งแต่ฤดูกาล 2016/2017 ที่คว้าดับเบิลแชมป์ในยุคของโชเซ มูริญโญที่ได้ทั้ง EFL Cup (คาราบาว คัพในปัจจุบัน) และยูโรปา ลีก นับเวลาเป็น 6 ฤดูกาลแล้วที่แมนยูไม่ได้แชมป์ระดับเมเจอร์เลย ใกล้เคียงสุดคือ ฤดูกาล 2020/2021 ที่ได้รองแชมป์ยูโรปา ลีกในยุคของโอเล กุนซาร์ โซลชา ส่วนฟุตบอลถ้วยอีก 2 รายการอย่างเอฟเอ คัพและยูโรปา ลีกนั้นก็ยังต้องพึ่ง "ดวง" ในการจับสลากถ้าหากผ่านคู่แข่งที่จะต้องเจออย่างทั้งเรดดิงและบาร์เซโลนา และในส่วนของพรีเมียร์ลีกนั้น นอกจากที่จะต้องรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองแล้วยังต้องแช่งให้คู่แข่งสะดุดอีกด้วย แถมการแข่งขันก็ยังเหลืออีกตั้ง 19 นัด มันเป็นการแข่งขันระยะยาว ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังมองค่อนข้างยากและด่วนตัดสินเกินว่าใครจะได้แชมป์ลีก สุดท้ายแล้วไม่ว่าแมนยูจะจบด้วยการเป็นแชมป์รายการใด มันก็คือเรื่องดีของเอริก เทน ฮากและแมนยูที่จะเริ่มต้นฤดูกาลแรกด้วยการเป็นแชมป์ จะ 4 แชมป์ 3 แชมป์ 2 แชมป์ หรือแม้กระทั่งแชมป์เดียว มันก็คือแชมป์ และถึงจะมือเปล่าแต่มันก็คือ "สัญญาณที่ดี" ของแมนยู ซึ่งมันก็เหนือความคาดหมายจากตอนแรกที่เทน ฮากรับงานกับแมนยู และอาจจะเป็นการเริ่มต้นการกลับมายิ่งใหญ่และตื่นจากการเป็น "ยักษ์หลับ" ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เป็นได้ แฟนๆ เรด อาร์มีต้องติดตามและเอาใจช่วยเชียร์แบบห้ามพลาดเลยทีเดียวครับ ส่วนผมที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลก็ได้แต่มองตาปริบๆ 5555555555555555555555555 ซึ่งคงเจ็บปวดเหมือนกันถ้าหากเห็นคู่อริประสบความสำเร็จ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ผมก็ต้องยินดีกับแมนยูเหมือนกัน เพราะเหมาะสมจริงๆ และมันก็ถึงเวลาแล้วที่แมนยูควรกลับมามีความสำเร็จเหมือนกับทีมอื่นๆ *** สุดท้ายแล้วบทความนี้ผมต้องขออนุญาตบอกก่อนนะครับว่านี่ไม่ใช่บทความที่จะมาแซะหรือประชดประชัน แดกดันหรืออะไรก็ตามที่จะพูดถึงในเชิงลบนะครับ เป็นบทความที่พูดถึงสถานการณ์ ณ ปัจจุบันเพียงเท่านั้นครับ *** ขอบคุณภาพประกอบจาก Official Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5, ภาพประกอบ 6, ภาพประกอบ 7, ภาพประกอบ 8 และภาพประกอบ 9) Community ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์