ถึงแม้เกมล่าสุดจะบุกไปแพ้ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอลแบบสุดมันส์ 3-2 แต่ผลงานชนะ 9 นัดติดต่อกันในทุกรายการก่อนหน้านั้นของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของแมนยูนับตั้งแต่ยุคของบรมกุนซืออย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ ณ ตอนนี้ลูกทีมของเอริก เทน ฮากทะยานขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตารางคะแนน มีคะแนนเท่ากับนิวคาสเซิล ทีมฟอร์มแรงอีกทีมนึงในฤดูกาลนี้ แต่แมนยูเป็นรองเพียงประตูได้เสียเท่านั้น และสำหรับบทความนี้ผมจะมาพูดถึง 2 นักเตะคีย์แมนคนสำคัญที่มีส่วนอย่างมากที่ทำให้แมนยูทำผลงานได้ดีจนมีผลงานชนะ 9 นัดติดต่อกัน 2 นักเตะคนนั้นก็คือ คาเซมิโรและคริสเตียน อีริคเซน สองนักเตะที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา 2 คนนี้จะมีความสำคัญยังไง ไปดูกันเลยครับคุณผู้อ่านโดยผมจะเรียงตามไทม์ไลน์ในการมาร่วมทีมนะครับ มาเริ่มกันที่คริสเตียน อีริคเซนก่อนเลยครับ ถ้าจะบอกว่าชีวิตของจอมทัพทีมชาติเดนมาร์กเป็นเหมือนละครเรื่องนึง ผมว่ามันก็ไม่ผิดนัก เพราะจากคนที่หัวใจหยุดไปแล้วจากอาการหัวใจวายเฉียบพลันในศึกฟุตบอล ยูโร 2020 เกมแรกของทีมชาติเดนมาร์กแต่ทีมแพทย์ทำ CPR จนฟื้นกลับมาได้ และต้องยกเลิกสัญญากับต้นสังกัด ณ ตอนนั้นอย่างอินเตอร์ มิลานด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายของประเทศอิตาลี ทำการรักษาตัวอยู่พักนึงและได้กลับมาลงเล่นอีกครั้งหลังจากที่เบรนท์ฟอร์ดดึงมาร่วมทีมด้วยสัญญาระยะสั้น 6 เดือนเมื่อฤดูกาล 2021/2022 ในตลาดซื้อขายหน้าหนาว และในฤดูกาลนี้คริสเตียน อีริคเซนก็ได้ย้ายมาร่วมทีมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับสวมเสื้อหมายเลข 14 (เพราะลูกชายของเขาเป็นคนเลือกเบอร์นี้)การมาของอีริคเซนทำให้แดนกลางของแมนยูนั้นมีความกระชุ่มกระชวยขึ้นเยอะมากๆ เพราะนอกจากการออกบอลที่เฉียบคม การคุมจังหวะเกม การเล่นบอลที่ง่ายๆ (แต่มีประสิทธิภาพ) มุมมองในการออกบอลที่ทำให้ทีมได้เปรียบแล้ว เขายังมาช่วยแบ่งเบาภาระของบรูโน แฟร์นันเดสที่ก่อนหน้าเขาคือ "เดอะ แบก" ของแมนยู ที่ต้องทั้งวิ่งขึ้นไปสร้างสรรค์เกมและวิ่งลงมาช่วยในเกมรับของทีม แต่พอมีอีริคเซนเข้างานของบรูโนก็เบาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ละครั้งที่อีริคเซนนั้นส่งลูกฟุตบอลจากเท้าของเขานั้น เพื่อนร่วมทีมนั้นเล่นต่อได้ทันที มันเป็นการจ่ายบอลที่ไม่ได้เห็นมานานของแมนยู เราไม่ได้เห็นบอลแบบนี้จากการเล่นร่วมกันของคู่หู "แมคเฟร็ด" สก็อต แมคโทมิเนย์และเฟร็ดและผลงานของอีริคเซนกับแมนยูจนถึงตอนนี้หลังจากผ่านไปแล้วครึ่งทางของฤดูกาล เล่นไป 29 เกมจากทุกรายการ (ก่อนเกมคาราบาว รอบรองชนะเลิศ) เจ้าตัวทำไปแล้ว 2 ประตู 9 แอสซิสต์ และหากเฉพาะในพรีเมียร์ลีก เขายิงไป 1 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ ถือว่านี่เป็นดีลที่ "โคตร" คุ้มค่าของแมนยูที่สุดดีลนึงเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากได้มาแบบฟรีๆ แล้ว ค่าเหนื่อยก็เหมาะสมกับฝีเท้าและประสบการณ์ แถมยังยกระดับทีมได้อีกด้วย คุ้มเห็นๆมาต่อกันที่ "พี่บ่าวเกษมวิโรจน์" คาเซมิโร ที่แมนยูนั้นไปคว้าตัวมาจากเรอัล มาดริด เจ้าของแชมป์ยูซีแอลฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นดีลที่เหนือความคาดหมายสุดๆ เพราะต้องยอมรับว่าก่อนเปิดฤดูกาลนี้แมนยูคือทีมที่ถึงชื่อชั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ณ ฤดูกาลที่แล้ว แต่ผลงานในสนามไม่ได้ดึงดูดให้มาร่วมทัพเลย เพราะจบเพียงอันดับ 6 ได้ไปเพียงถ้วยยูโรปา ลีก แถมเกือบจะตกไปเล่นถ้วยคอนเฟอร์เรนซ์แล้วด้วยซ้ำ ซึ่งตอนมีข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับกองกลางบราซิล วัย 30 ปีกับแมนยู แฟนผีแดงบางคนยังไม่อยากเชื่อและไม่คิดว่าคาเซมิโรจะย้ายมาเลยด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วคาเซมิโรก็ย้ายมาร่วมทัพปีศาจแดงจริงๆโดยในช่วงแรกก็ต้องยอมรับว่าคาเซมิโรนั้นเหมือนยังปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษยังไม่ได้ ยังมีจังหวะที่ยังไม่ทันกับเกมฟุตบอลที่รวดเร็วในอังกฤษ มีข้อผิดพลาดให้เห็นอยู่บ้าง แต่ "นักเตะระดับโลก" ยังไงก็เป็นนักเตะระดับโลกอยู่วันยันค่ำ คาเซใช้เวลาในการปรับตัวเพียงไม่กี่นัด เขาก็กลายมาเป็นคนสำคัญและคนที่แมนยูขาดไม่ได้เลย ผมขออนุญาตเปรียบเทียบกับฟาบินโญของลิเวอร์พูล ทีมที่ผมเชียร์ละกันนะครับ ฟาบินโญนั้นใช้เวลาในการปรับตัวถึงครึ่งฤดูกาล แต่กับคาเซมิโรนั้นใช้เวลาไม่ถึงครึ่งทางของฤดูกาลเลย ทั้งๆ ที่ก็เล่นในตำแหน่งเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงคลาสฟุตบอลและความเก่งกาจของคาเซมิโรจริงๆ (ฟาบินโญก็เก่งเหมือนกันครับ ไม่ใช่ว่าไม่เก่งนะครับ เดี๋ยวแฟนหงส์แดงจะมาถล่มผม แต่ฟอร์มช่วงหลังของหมอปลาไม่ไหจริงๆ นะครับ)ตัวอย่างที่ผมบอกว่าคาเซมิโรคือคนที่แมนยูขาดไม่ได้ก็คือเกมที่เพิ่งผ่าน (ที่พบกับอาร์เซนอล) ไปเลยครับ การที่เขาโดนใบเหลืองในเกมที่เสมอกับคริสตัล พาเลซทำให้เขาสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบจนถูกแบน 1 นัด และ 1 นัดนั้นคือการพบกับอาร์เซนอล แถมคนที่ได้ลงเล่นแทนก็คือแมคโทมิเนย์ซึ่งผลจบลงด้วยความพ่ายแพ้ พร้อมเสียงสวดยับจากแฟนบอลที่ส่งไปถึงแมคทอม แสดงให้เห็นว่าการมีคาเซกับไม่มีคาเซนั้นมันต่างกันมากจริงๆนอกจากเกมรับที่เป็นหน้าที่ของคาเซมิโรแล้ว การออกบอล การโชว์คลาสบอลของเขานั้น ยิ่งผนึกกำลังเล่นคู่กันกับอีริคเซนแล้วมันยิ่งยกระดับฟอร์มโดยรวมของทีมไปด้วย ก่อนหน้านี้การที่ทีมที่คุณเชียร์ยอมทุ่มเงินกว่า 60 ล้านปอนด์ไปดึงนักเตะที่อายุ 30 มาแล้วนั้นถือว่าเป็นการเสี่ยงมากๆ และดูแล้วไม่น่าจะคุ้มค่าเลย แต่กับนักเตะเวิร์ลด์คลาสอย่างคาเซมิโรนั้นเป็นเรื่องตรงกันข้าม เพราะผลงานตอนนี้เขาทำไปแล้ว 2 ประตู 5 แอสซิสต์จากการลงเล่น 28 นัดจากทุกรายการ แถมตอนนี้คาเซมิโรเข้าไปนั่งในใจของแฟนผีแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้วและอย่างที่ผมได้บอกไปในชื่อบทความครับ คาเซมิโรและอีริคเซนคือ 2 คีย์แมนที่พาแมนยูฟอร์มแรง เพราะนักเตะวัย 30 ปีทั้งสองคนนี้ที่ค่าตัวรวมกันอยู่ที่เพียง 60 ล้านปอนด์ แต่ผลงานที่พาทีมโชว์ฟอร์มได้ดีมากนั้นถือว่าคุ้มสุดๆ จนตอนนี้ทั้งสองคนถือว่าเป็นคู่หูแดนกลางที่แมนยูขาดไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะมันยกระดับทีมได้เลย สังเกตได้ว่าผมไม่ใช้คำว่ายกระดับกองกลาง แต่ผมบอกว่ายกระดับทีมซึ่งมันไม่เกินจริงเลย เพราะเป็นเวลาหลายฤดูกาลแล้วที่แมนยูไม่ได้มีคู่กองกลางที่ลงตัวแบบนี้ ผมก็งงเหมือนกันว่าทำไมทนใช้คู่หูแมคเฟร็ดมาอย่างยาวนาน เพราะคู่คาเซริคเซนนั้นเล่นร่วมกันยังไม่ถึงครึ่งฤดูกาลแต่ทำผลงานได้ดีกว่าตอนแมคเฟร็ดเล่นร่วมกันซะอีก และที่ผมบอกยกระดับทีมนั้นมันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะมีความสมดุลมากๆ อีริคเซนนั้นจะคอยคุมจังหวะของทีม ออกบอลฉลาด ออกบอลได้เปรียบ ลูกตั้งเตะก็เป็นทีเด็ดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนคาเซมิโรก็จะเป็นคนที่คอยปัดกวาดเกมรุกของคู่แข่งได้อย่างหมดจด แถมยังช่วยทีมในจังหวะสำคัญๆ ได้อยู่หลายครั้ง พอมาเล่นร่วมกันแล้วมันเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ แถมก็ยังทำให้บรูโนนั้นไม่ต้องเป็นเดอะ แบกคนเดียวของทีมอีกตลอดไป ไม่ต้องแบกภาระทั้งเกมรับและเกมรุกอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้วสุดท้ายแล้วการที่ทีมของคุณมีนักเตะระดับโลกอยู่ในทีมยังไงมันก็ยกระดับทีมได้อย่างแน่นอน ตัวอย่างเห็นได้ชัดๆ เลยก็คือคู่หูคาเซมิโรและคริสเตียน อีริคเซนนี่แหละครับ แต่จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอะไรที่พอเหมาะพอเจาะจริงๆ นะครับ คนนึงประสบความสำเร็จมาหมดแล้วจนอยากมาหาความท้าทายใหม่ๆ ในลีกใหม่ๆ กับอีกคนที่เหมือนตายไปแล้วได้มาเกิดใหม่และได้ย้ายมาร่วมทีมและลงเล่นในเกมระดับสูงอีกครั้ง เหมาะหยินกับหยาง คนนึงสายบู๊คนนึงสายบุ๋น ลงตัวสุดๆ และเป็น 2 ดีลซื้อตัวที่ฉลาดและคุ้มค่าสุดๆ ของทัพปีศาจแดงจริงๆ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าคาเซมิโรและอีริคเซนจะสำคัญที่สุดในแมนยูนะครับ นักเตะและทีมงานทุกคนนั้นล้วนสำคัญหมด ไม่ว่าจะเป็นมาร์คัส แรชฟอร์ด, ราฟาเอล วาราน, ดาบิด เด เกอา, เอริก เทน ฮาก, สตีฟ แมคคลาเรน และคนอื่นๆ ทุกคนสำคัญหมดเลยครับทำให้แมนยูฟอร์มดีในฤดูกาลนี้ขอบคุณรูปภาพประกอบจากOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6ภาพปก 1 และภาพปก 2 Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์