รีเซต
TRUE TALK : เราจะได้ดูอะไรใน NBA Final 2019 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : เราจะได้ดูอะไรใน NBA Final 2019 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : เราจะได้ดูอะไรใน NBA Final 2019 ... by "Mr.BOSTON"
boston2018
30 พฤษภาคม 2562 ( 22:14 )
592
11

จาก 30 ทีม เดินทางมาเหลือแค่ 2 ทีมสุดยอดของแต่ละฝั่งในสหรัฐอเมริกา และทั้ง 2 กำลังจะมาปะทะกัน ในรอบชิงชนะเลิศ ศึกเอ็นบีเอ (NBA) ช่วงเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทยเป็นเกมแรก

ราชาแดนแห่งตะวันออก คือ ไดโนเสาร์แดนเหนือ อย่าง โตรอนโต แร็ปเตอร์ส จะต้องรับมือกับ ‘ไดนาสตี้’ ที่แกร่งที่สุดในยุคสัมยนี้ อย่าง แชมป์เก่า โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส

โดยก่อนเกมนี้จะเริ่มเปิดฉาก (แต่ถ้ามาเจอหลังเปิดฉากไปแล้ว ก็อ่านได้อยู่ดี) เรามาดูกันว่า ความน่าสนใจในเกมนี้อยู่ตรงไหนกันบ้าง และ อะไรที่ทำให้เกมรอบชิงชนะเลิศเกมนี้ “น่าดู”

 

การปะทะกันของความแตกต่างที่น่าพิศมัย 

(AP Photo/Craig Mitchelldyer)

การเจอกันระหว่าง โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส กับ โตรอนโต้ แร็ปเตอร์ส เป็นการเจอกันที่ “คอนทราสต์” หรือ ต่างขั่วที่สุดครั้งหนึ่งของเอ็นบีเอ ก็ว่าได้ เพราะทั้ง สองทีม มีความแตกต่างกันอย่างมากมาย และทั้งหมดล้วนน่าสนใจทั้งสิ้น

โตรอนโต เมืองของ แร็ปเตอร์ส และ โอ๊คแลนด์ เมืองของ วอร์ริเออร์ส ตั้งอยู่ ห่างกัน 4,236 กิโลเมตร หากเดินทางบนถนน และ 3,610 กิโลเมตร หากเดินทางโดยเครื่องบิน เวลาของทั้ง 2 เมืองห่างกัน3 ไทม์โซน โดยโตรอนโต จะใช้ไทม์โซน GMT-3 ส่วน โอ๊คแลนด์ จะมี GMT-7 และใช้เวลาในการบินหากันอย่างเร็วสุดคือ5 ชั่วโมง นั่นเท่ากับเราบินจาก กรุงเทพฯ ไป ญี่ปุ่น ได้เลย!!

(Frank Gunn/The Canadian Press via AP)

อากาศของทั้ง 2 เมืองก็ต่างกันสุดขั้ว โดยที่โตรอนโต ในหน้าหนาว อากาศติดลบมากที่สุดได้ถึง -50 องศาเซลเซียส ส่วนที่ โอ๊คแลนด์ หนาวสุดก็แค่เลขตัวเดียวต้น ๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ ในแง่ของ เอ็นบีเอ แล้ว ทีมของทั้ง 2 เมืองก็ต่างกันสุด ๆ ไม่แพ้กัน เพราะ วอร์ริเออร์ส เป็นทีมเก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1946 แถมได้แชมป์มากมายถึง 6 สมัย โดยปัจจุบัน เป็นไดนาสตี้ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ ด้วยการเข้ามาชิงชนะเลิศตลอดนับตั้งแต่ปี 2015และคว้าแชมป์ไปได้ 3 สมัย

ขณะที่ แร็ปเตอร์ส เพิ่งก่อตั้งทีมเมื่อปี 1995 เท่านั้น และไม่ใช่แค่ไม่เคยได้แชมป์ พวกเขาไม่เคยเข้าชิงฯ เลยด้วยซ้ำ จนกระทั้งปีนี้เป็นครั้งแรกด้วย

แต่ทั้งหมดนั่น ก็ไม่ได้เป็นตัวระบุว่า ใครจะได้แชมป์นะ…

 

เคอร์รี่ ปะทะ เลนเนิร์ด

(Nathan Denette/The Canadian Press via AP)

จะว่าไป การปะทะกันของ สตีเฟน เคอร์รี่ แห่ง วอร์ริเออร์ส กับ คาไวห์ เลนเนิร์ด แห่ง แร็ปเตอร์ส ก็ไม่ใช่การปะทะกันโดยตรงแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งสักเท่าไหร่ แต่มันเป็นเหมือนการถูกจับมาชนกันด้วยฐานะมือ1 ของทีมมากกว่า เป็นการปะทะกันในเชิงสัญลักษณ์ว่า ใครจะแบกทีมได้ดีกว่ากัน

“เชฟ เคอร์รี่” ต้องแบกทีมในรอบที่ผ่านมาในหลาย ๆ เกม เนื่องจากการขาดหายไปของ เควิน ดูแรนท์ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน และในรอบชิงชนะเลิศ เขาต้องทำหน้าที่ “แบกทีม” ต่อไปอย่างน้อยอีก 1 เกม เพราะมีการยืนยันแล้วว่า “เคดี” จะยังไม่สามารถกลับมาในเกมนี้ได้

จะว่าไป ถึงจะใช้คำว่า “แบกทีม” เคอร์รี่ ก็อาจจะไม่ได้ทำหน้าที่นั้น “หนัก” เกินไปเสียทีเดียว เพราะ วอร์ริเออร์ส อุดมไปด้วยสตาร์ ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาช่วยทีมยามคับขันได้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เคลย์ ธอมป์สัน ชู้ตเตอร์ระดับแชมป์ ออลสตาร์, เดรย์มอน กรีน ฟอร์เวิร์ดสุดยอดตัวป้องกันที่เล่นเกมรุกได้ไม่ธรรมดา รวมถึง อังเดร “อิกกี้” อิกัวดาล่า ที่มีฝีมือระดับ เอ็มวีพี รอบชิงฯ ด้วย

(Frank Gunn/The Canadian Press via AP)

ขณะที่ เลนเนิร์ด อาจจะต้องรับบทแบกทีมที่ชัดเจนกว่า เคอร์รี่ แต่ก็ไม่ได้เชิงว่าต้องทำคะแนนอยู่คนเดียว หากแต่เขาเป็นศูนย์กลางของ แร็ปเตอร์ส อย่างแท้จริงมากกว่า เพราะถ้าวันไหนเขาเล่นได้ดี เพื่อน ๆ ในทีมก็จะเล่นได้ง่าย และฉายแววโดดเด่นขึ้นมา แต่หากวันไหนเขาโดนเล่นงาน เพื่อร่วมทีมก็ต้องจำเป็นที่จะก้าวขึ้นมาแบกทีมแทนเขาให้ได้ หากอยากจะต่อกรกับ “นักรบสะพานทอง” ชุดนี้

ดังนั้น การปะทะกันของ เคอร์รี่ กับ เลนเนิร์ด จึงอาจหมายถึงการปะทะกันของ ทั้งทีมก็ได้เช่นกัน เพราะ ในเวลาสำคัญที่ทีมต้องการ ใครจะก้าวขึ้นมาช่วยทีมได้มากกว่านั้น นั่น คือกุญแจแห่งชัยชนะของทั้ง 2 ทีม

 

วงใน ปะทะ วงนอก

(AP Photo/Ted S. Warren)

 

อย่างที่ได้กล่าวไปด้านบนว่า ทั้ง เคอร์รี่ และ เลนเนิร์ดเป็นผู้เล่นคนละตำแหน่งกันอย่างชัดเจน นั่นทำให้ “จุดเด่น” ของทั้ง 2 ทีมต่างกันไปด้วย โดย วอร์ริเออร์ส เป็นทีมที่ชู้ต 3 คะแนนได้ยอดเยี่ยมที่สุดทีมหนึ่งของลีกเพราะมีเคอร์รี่และพลพรรค ขณะที่การทำแต้มจากวงในของ แร็ปเตอร์ส ก็ขึ้นชื่อ เพราะ เลนเนิร์ดและทีมงานนั่นเอง

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า วงในของวอร์ริเออร์ส จะไม่ดี หรือ วงนอกของแร็ปเตอร์ส จะไร้พิษสง เพราะทั้ง 2 ทีมเป็นทีมที่ครบเครื่อง หากเพียงแต่เมื่อต้องมองว่า อะไรขึ้นชื่อและยากจะหยุดยั้งกว่ากัน ก็ต้องมองไปที่ วงนอกของ วอร์ริเออร์ส และ วงในของ แร็ปเตอร์ส ก็เท่านั้น

การนำทีมของ เลนเนิร์ด ที่เป็นผู้เล่นที่ครบเครื่องทั้งรุกและรับ เล่นได้ทั้งใต้แป้น และยิงไกล ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ยากจะหยุดยั้งที่สุดคนหนึ่ง และที่ได้เรียนไปแล้วในด้านบน ว่าถ้าคู่แข่งหยุดยั้งเขาไม่ได้ นั่นจะทำให้ผู้เล่นอย่าง ปาสคาล เซียอาคัม, ไคล์ ลาวรี่ย์, มาร์ค กาซอล หรือ ตัวมือปืนอย่าง แดนนี่ กรีน และ เฟร็ด ฟานฟลีต อันตรายเป็นเท่าตัวไปด้วย

ขณะที่ วอร์ริเออร์ส จะไม่เหมือนกันเลยในทีเดียว พวกเขาเป็นทีมที่ใกล้เคียงกับคำว่า “ขี้โกง” ที่สุดในปัจจุบัน จากการที่มีผู้เล่นสตาร์หลายคน และเกือบทุกคนเล่นได้ทั้งวงใน และ วงนอก ทำให้ วอร์ริเออร์ส เป็นทีมที่มีความหลากหลายในการโจมตีอย่างมาก

และเหนือสิ่งอื่นใด “นักรบสะพานทอง” ยังมีลูก “ผีจับยัด” ของ สเต็ป เคอร์รี่ และ เคลย์ ธอมป์สัน ที่ถ้ามาเมื่อไหร่ ก็ได้สกอร์รัว ๆ เป็นปืนกล นั่นทำให้เกมนี้ยิ่งน่าสนใจว่า การป้องกันฮาล์ฟคอร์ตที่ขึ้นชื่อของ “ไดโนเสาร์แดนเหนือ” จะหยุด วอร์ริเออร์ส อยู่หรือไม่เช่นกัน

 

วัดฝีมือตัวสำรอง และ วัดดวงตัวเจ็บ

(Frank Gunn/The Canadian Press via AP)

ปัจจัยสำคัญที่พาทั้งคู่มาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ คือการทำคะแนนจากม้านั่งสำรองของทั้งสองทีม ที่คอยช่วยทีมได้อย่างน่าประทับใจเมื่อตัวหลักต้องมานั่งพักข้างสนาม

เซิร์จ อิบาก้า, แพทริก แมคคาว, เฟร็ด ฟานฟลีต และ นอร์แมน พาวล์ เป็นตัวสำรองที่ก้าวขึ้นมาช่วย แร็ปเตอร์ส ได้อย่างโดดเด่นในรอบเพลย์ออฟ สายตะวันออกที่ผ่านมา แต่ละคนจะมีแต่ละเกมที่ตัวเองทำได้ดี และเมื่อผลัด ๆ กันมาในวันที่บางคนเล่นไม่ออก ทำให้เป็นการช่วยอุดช่องโหว่ของทีมได้

แต่กระนั้น การเล่นกับ วอร์ริเออร์ส พวกเขาอาจจะต้องยกระดับกว่าที่เล่นมาในรอบเพลย์ออฟที่ผ่านมา เพราะถ้ายังมีเกมไหนที่พวกเขา “มา” กันไม่ครบ เกมนั้นอาจจะไม่ได้เสียแค่คะแนน แต่อาจจะเสียเกม เลยก็เป็นได้

ในทางตรงกันข้าม วอร์ริเออร์ส ก็เป็นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการทีมตัวสำรองที่ยอดเยี่ยมที่สุดทีมหนึ่ง พวกเขามีผู้เล่นอย่างชอน ลิฟวิงสตัน, เควิน ลูนี่ย์, โจนาส เจเร็บโก้ และรวมไปถึง อังเดร “อิกกี้” อิกัวดาล่า ที่มักจะลงมาช่วยทีมได้ดีเสมอ ซึ่งผู้เล่นอย่าง อิกกี้ หรือ ลิฟวิงสตัน มีศักยภาพพอที่จะไปเป็นตัวจริงให้ทีมอื่นเลยด้วยซ้ำไป

แต่แน่นอน มันก็จะมีบางเกมเช่นกัน ที่เหล่าตัวสำรองของ วอร์ริเออร์ส ไม่มา นั่นคือบรรดาเกมที่พวกเขาพ่ายมาในเกมรอบเพลย์ออฟก่อนหน้านี้ ทั้งกับ ฮิวสตัน ร็อคเก็ตส์ และ ลอสแองเจลิส คลิปเปอร์ส ดังนั้น พวกเขาต้องพยายามอย่าให้ฟอร์มแบบนั้นมาทักทายบ่อยนัก

ไม่เช่นนั้น แผนการป้องกันแชมป์ของพวกเขา อาจจะไม่ได้เป็นไปแบบที่ทุกคนคิดก็ได้…

 

ห้ามพลาด!

ในเกม เอ็นบีเอ ไฟนอลส์ ยังคงแข่งขันกันระบบ4 ใน 7 เกม และนี่ คือวัน และ เวลา (ตามเวลาประเทศไทย) ที่ทั้งคู่จะเจอกัน…

เกม 1 วอร์ริเออร์ส ไปเยือน แร็ปเตอร์ส วันศุกร์ ที่ 31 พฤษภาคม เวลา 08:00 น.
เกม 2 วอร์ริเออร์ส ไปเยือน แร็ปเตอร์ส วันจันทร์ ที่ 3 มิถุนายน เวลา 07:00 น.
เกม 3 แร็ปเตอร์ส ไปเยือน วอร์ริเออร์ส วันพฤหัสบดี ที่ 6 มิถุนายน เวลา 08:00 น.
เกม 4 แร็ปเตอร์ส ไปเยือน วอร์ริเออร์ส วันเสาร์ ที่ 8 มิถุนายน เวลา 08:00 น.
เกม 5 (ถ้าจำเป็น) วอร์ริเออร์ส ไปเยือน แร็ปเตอร์ส วันอังคาร ที่ 11 มิถุนายน เวลา 08:00 น.
เกม 6 (ถ้าจำเป็น) แร็ปเตอร์ส ไปเยือน วอร์ริเออร์ส วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน เวลา 08:00 น.
เกม 7 (ถ้าจำเป็น) วอร์ริเออร์ส ไปเยือน แร็ปเตอร์ส วันจันทร์ ที่ 17 มิถุนายน เวลา 07:00 น.

ทั้งหมดถ่ายทอดสดทาง TrueSPORT HD ช่อง 666 ทาง ทรูวิชั่นส์ และแน่นอน ทาง TrueID SPORT ด้วย

หนึ่งปี จะมีเกม ไฟนอลส์ เพียงหนเดียว ห้ามพลาด ด้วยประการทั้งปวง!!!

 

“Mr.BOSTON”

 

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้