หลังจากโลดแล่นอยู่ไทยลีก 18 ซีซั่น คว้าแชมป์ลีกได้ 1 สมัยในปี 2550 และรองแชมป์อีก 5 ครั้ง ชลบุรี FC สโมสรฟุตบอลแห่งภาคตะวันออก ก็ทนแรงเสียดทานไม่ไหว หลังจากที่ในช่วงหลังนอกจากนโยบายใช้เด็กจากอะคาเดมี่ขึ้นมาเล่นแล้ว ยังต้องปล่อยนักเตะคนสำคัญออกจากทีมบ่อยครั้ง อาทิ เสีย "เจ้ายิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เด็กจากอะคาเดมี่ของฉลามชล ให้บีจี ปทุม ในปี 2564 ด้วยค่าตัวที่ลือกันว่ากว่า 50 ล้านบาท และอีก 2 ปีต่อมา ในปี 2566 ก็มาเสีย "เจ้าและห์" กฤษดา กาแมน อีก 1 เด็กปั้นจากฝีมือของ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ซึ่งก็เป็น บีจี ปทุม อีกครั้งที่คว้ากองกลางตัวทีมชาติของชลบุรีไป ด้วยค่าตัวราว 30 ล้านบาท และเมื่อเด็กที่ขึ้นมาใหม่กระดูกยังไม่แข็งพอ ส่วนตัวต่างชาติก็ไม่สามารถยกระดับทีมได้ ในฤดุกาล 2023-24 ทีมจบอันดับที่ 14 ตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 พร้อมๆ กับตราด และโปลิศเทโร ดูบอลไทยลีกครบทุกแมตซ์ พากย์สดทุกคู่ บน TrueID กดสมัครแพ็กเกจคลิกเลย! เปิดไทยลีก 2 โดยยังมีกำลังสำคัญ อย่าง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่ยังคงอยู่กับทีม โดยทีมของ "เจ้าชายกบ" พิภพ อ่อนโม้ อดีตศูนย์หน้าในตำนานของชลบุรี พาทีมเปิดหัวไทยลีก 2 อย่างเร้าใจ ชนะรวด 5 นัดนำจ่าฝูง ที่ฟอร์มที่ตอนนั้น แฟนๆ ฉลามชลหลายคนฝันถึงการขึ้น T1 แบบนิ่มๆ สบายๆ กันแล้ว แต่หลังจากที่แพ้อยุธยา และเสมอแพร่ สองทีมลุ้นขึ้นชั้นเช่นเดียวกับชลบุรี ทีมก็เริ่มฟอร์มแกว่ง ชนะ เสมอ แพ้ วนลูปจนอันดับหล่นไปอยู่ที่ 4 ของตาราง เมื่อจบเกมแพ้ นครศรี ยูไนเต็ด ทีมแข่ง 13 นัด ขนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 4 ตามหลังอยุธยา ทีมอันดับ 2 พื้นที่เลื่อนชั้นอัตโนมัติ 4 คะแนน พิภพ อ่อนโม้ ประกาศลาออกจากการเป็นโค้ชเพื่อแสดงความรับผิดชอบผลงานที่ไม่ดีของทีม ชลบุรีได้แต่งตั้งให้สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้จัดการ และอดีตผู้รักษาประตูของทีม คุมทัพชั่วคราวจนจบเลกแรก "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโค้ชของชลบุรีในการลุยไทยลีก 2 ในเลกสอง โดยได้เสริมตัวนักเตะหลายราย อาทิ ธนาเสฏฐ์ สุจริต และ ปฐมชัย เสือสกุล สองแข้งจาก พีที ประจวบ “อินซ์” เชาว์วัตน์ วีระชาติ กองกลางดีกรีทีมชาติไทย ยืมตัวจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หรือ AK9 อดิศักดิ์ ไกรษร อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย จากสโมสร เกษตรศาสตร์ เอฟซี และมีตัวต่างชาติ อย่าง วานเดอร์ หลุยส์ แนวรุกริมเส้นชาวบราซิเลี่ยน จากสโมสร พีที ประจวบ เอฟซี รวมกับตัวเดิมอย่าง ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว หรือ ยศกร บูรพา และเมื่อผสานกับตัวต่างชาติเดิม ที่ฟอร์มกับมาโหดเหมือนช่วงต้นฤดูกาล อย่าง แดร์เลย์ ที่เลกสองยิงไป 8 ประตู กับ 1 แอสซิส หรือ อมาดู ออตตารา ที่กลับมาลากเลื้อยได้อย่างสะเด่าแข้ง ซึ่งหลังจากที่เสมออยุธยา กับ แพร่ สองทีมลุ้นเลื่อนชั้นไปอีกครั้ง 6 นัดต่อมา ทีมชนะไปได้ 5 นัด อยู่อับดับที่ 3 แข่ง 27 นัด ชนะ 15 เสมอ 6 แพ้ 6 มี 51 คะแนน ตามหลัง อันดับสอง แพร่ ยูไนเต็ด ที่แข่ง 28 มี 52 คะแนน และ อับดับหนึ่ง อยุธยา ยูไนเต็ด แข่ง 27 นัด มี 53 คะแนน 5 นัดสุดท้าย ฉลามชล มีคิวลุยกับทีมในตอนล่างของตารางทั้งหมด โปลิศ เทโร อับดับ 12 จันทบุรี อับดับ 13 พัทยา อับดับ 14 ตราดอับดับที่ 15 และบ๊วยของตาราง สุพรรณบุรี ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมที่น่าจะได้เปรียบกว่าทางอยุธยา และแพร่ ดังนั้นอีก 5 นัดที่เหลือ ชลบุรี เอฟซี ต้องใส่เกียร์ 5 แล้วลุยล่าคว้า 3 แต้มให้ได้ เพื่อการันตีพื้นที่ในการได้เลื่อนชั้นกลับคืนสู่ไทยลีกอีกครั้ง และถ้าฟอร์มยังสดอยู่แบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะมีโบนัสติดมือ ด้วยการเลื่อนชั้นแบบเป็น "แชมป์" ไทยลีก 2 ให้แฟนบอลได้ชื่นใจ สมกับการรอคอยและเชื่อมั่นใน "ศรัทธาฟ้าน้ำเงิน" แห่งชลบุรี เอฟซีแห่งนี้ โปรแกรม 5 นัดสุดท้าย 30 มีนาคม 2025 ตราด เอฟซี (เยือน) 2 เมษายน 2025 โปลิศ เทโร (เหย้า) 5 เมษายน 2025 จันทบุรี (เยือน) 19 เมษายน 2025 พัทยา ยูไนเต็ด (เหย้า) 26 เมษายน 2025 สุพรรณบุรี (เยือน) ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Chonburi Football Club 📸 ภาพปก ภาพประกอบ ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !