หากเป็นรายการแข่งรถทั่วไปคงจะมีรอบการแข่งขันไม่กี่สิบรอบใช้เวลาไม่ยาวนานนักก็จบรายการได้อันดับกันไปแต่คงไม่ใช่กับรายการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans อย่างแน่นอนเพราะรายการแข่งขันจากฝรั่งเศสรายการนี้จะใช้เวลาแข่งกันถึง 24 ชั่วโมงหรือ 1 วันเต็ม ๆ แต่นอกจากจุดเด่นที่ชั่วโมงแข่งขันอันยาวนานมันก็ยังเป็นรายการแข่งที่มีประวัติน่าสนใจหลายอย่างและสร้างชื่อให้กับแบรนด์รถยนต์อย่าง Ford อีกด้วย 24 Hours of Le Mans มีจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1923 เมืองเลอม็อง ประเทศฝรั่งเศส เป็นการแข่งขันที่มีจุดประสงค์เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และตัวของคนขับ ด้วยเป้าประสงค์เช่นนี้เลยจำเป็นจะต้องมีระยะเวลาการแข่งขันที่ยาวนานกว่าการแข่งปกติคือ 24ชั่วโมง พร้อมกับสนามแข่งที่สามารถวัดประสิทธิภาพของรถด้วยทางตรงยาวเพื่อให้นักแข่งรีดความเร็วรถได้สูงสุดและมีทางโค้งเพื่อวัดประสิทธิภาพของเบรคและช่วงล่าง ที่มารูปภาพ: skeeze จาก Pixabay ว่ากันว่ารถยนต์ที่เข้าแข่งขันจะต้องออกแบบตัวรถให้สามารถทำความเร็วกว่า 322 กิโลเมตร/ชั่วโมงและต้องลดความเร็วให้อยู่ที่ 105 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ทันที หนึ่งทีมจะใช้คนขับ 3 คนสลับกันขับคนละประมาณ 4 ชั่วโมง สิ่งที่น่าสนใจคือมันเป็นการแข่งขันการบริหารรถด้วยเนื่องจากเป็นการแข่งต่อเนื่องข้ามคืนนักแข่งจะต้องบริหารหน้ายางกับน้ำมันเชื้อเพลิงให้ดีรวมถึงวัดประสิทธิภาพทีมซ่อมรถด้วยว่าจัดการปัญหาได้เร็วหรือไม่ ความโหดยังไม่สิ้นสุดแค่นั้นเพราะตัวสนามแข่ง (Circuit de la Sarthe) จะมีทั้งแข่งในสนามปิดเป็นถนนเซอร์กิตทั่วไปและถนนสาธารณะที่อยู่บริเวณโดยรอบและมีการแข่งทั้งกลางวัน-กลางคืนด้วย ความโหดของสนามและระยะเวลาแข่งขันมันจึงถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสามรายการใหญ่หรือเรียกกันว่า "ทริปเปิลคราวน์" ที่มีสนามแข่งอีกสองสนามอันได้แก่ "โมนาโกกรังปรีซ์" และ "อินดีแอนาโพลิส 500" ที่โหดทรหดไม่แพ้กัน ที่มารูปภาพ: Willem Ridderikhoff จาก Pixabay จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับที่จะคว้าชัยชนะในสนามแห่งนี้เพราะรถต้องทนกับสภาพถนนต้องทำความเร็วสูงกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างต่อเนื่องได้และระบบช่วงล่างต้องดีพอที่สามารถห้ามล้อในห้วงความสูงให้ความเร็วลดต่ำลงได้ทันทีโดยที่ไม่ชำรุดไปเสียก่อน อาจจะเรียกแบบ้าน ๆ ได้ว่า สนามนี้มันเถื่อน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ มันจึงเป็นความท้าทายอย่างมากต่อผู้ผลิตรถที่อยากจะพิสูจน์ว่ารถของตนเองนั้นดีจริงจึงมีหลายแบรนด์รถไม่น้อยที่อยากจะมาลองของที่สนามแห่งนี้และถ้าหากชนะก็จะได้รับการยอมรับสร้างชื่อเสียงได้อีกขั้น ลองคิดดูครับว่าหากยี่ห้อรถยนต์ของท่านได้รับการขนานามว่าคว้าชัยชนะในศึก 24 Hours of Le Mans ที่แสนจะทรหดได้ ชื่อเสียงจะเข้ามามากขนาดไหนรวมถึงรุ่นรถยนต์ที่คว้าชัยได้จะถูกผลิตขายได้ดีแค่ไหน นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาน้ำมันเครื่อง , ยางรถ อุปกรร์ตกแต่งที่เป็นผู้สนับสนุนทีมแข่งนะครับเพราะถ้าหากชนะพวกเขาก็สามารถนำของพวกนี้ไปสร้างสตอรี่เรื่องราวเพิ่มมูลค่าทำยอดขายสินค้าได้อีกมากมายแถมจำนวนคนดูของศึกแข่งขันนี้ก็มหาศาลกว่า 300,000 คนเรียกว่าได้ต่อยอดกันหลายต่อเลยทีเดียว ที่มารูปภาพ: Howard Bouchevereau on Unsplash เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสนามไปแล้วมาดูกันที่เรื่องของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์กันบ้างก็คงไม่พ้นแบรนด์รถสปอร์ตทั้งหลายที่ขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพของรถไม่ว่าจะเป็น Mercedes AMG , Alfa Romeo , Aston Martin ต่างตบเท้าเข้าแข่งขันกันอย่างมากหน้าหลายตาแต่อย่างที่บอกไปครับว่าสนาม Le Mans มีประวัติน่าสนใจหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในเรื่องนั้นก็คือการท้าชิงของสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์คือ Ford และ Ferrari อธิบายคร่าว ๆ คือ Ferrari เป็นจ้าวแห่งสนาม Le Mans มาหลายสมัยประกอบกับทาง Ford ที่ต้องการจะพิสูจน์ว่าตัวเองก็มีดีในเรื่องมอเตอร์สปอร์ตกับประสิทธิภาพรถเหมือนกันไม่ได้เป็นแค่ผู้ผลิตรถรายใหญ่ในอเมริกาเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายก็ต่างขับเคี่ยวอย่างดุเดือดจนท้ายที่สุด Ford ก็สามารถคว้าชัยชนะล้ม Ferrari เป็นครั้งแรกได้ด้วยรถ Ford GT40 ในปี 1966 ทำให้เรื่องราวนี้กลายเป็นหน้าประวัติศาตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นตำนานจนมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Ford v Ferrari ในปี 2019 ที่ผ่านมาด้วยครับ ที่มารูปภาพ: Fezbot2000 on Unsplash 24 Hours of Le Mans ในปัจจุบันก็ได้ดำเนินการแข่งขันเข้าสู่ครั้งที่ 88 แล้ว จะเริ่มแข่งขันในวันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2563 เวลา 21:00 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน เวลา 21:00 ประเทศฝรั่งเศส จะเห็นว่าเป็นรายการแข่งที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นั่นและความโหดร้ายของการแข่งจึงไม่แปลกที่มันจะถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสนามที่นักแข่งกับผู้ผลิตรถต้องมาลงแข่งสักครั้ง ที่มา: wikipedia ที่มารูปภาพปก: Toby Parsons จาก Pixabay