ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 หรือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เมื่อ"สิงโตคราม - น้ำเงิน" เชลซี สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี่ยนลีก สมัยแรกให้กับสโมสร ณ เวลานั้นคงเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับหลาย ๆคนที่เชลซีภายใต้การคุมทีมของโรแบร์โต้ ดิ มัลเตโอ ที่เข้ามาคุมทีมกลางคันต่อจากอังแดร วีลัช-โบอัช คุณจะเชื่อไหมทีมที่จบอันดับ 6 ในลีก สามารถไปแข่งยูฟ่า แชมเปี่ยนลีกในฤดูกาลหน้าในฐานนะแชมป์ และในฤดูกาลเดียวกันสามารถคว้าแชมป์ FA Cup อีกด้วยเชลซีชนะบอลถ้วย FA Cup 2012 ยุคนั้นยังถือเป็นยุคที่"เสี่ยหมี" โรมัน อับราโมวิช เป็นเจ้าของทีมอยู่และยังมีความกระหายแชมป์อยู่เรื่อย ๆโค้ชคนไหนผลงานไม่ดีเสี่ยหมีพร้อมเปลี่ยน ดังในปี อัลเชลอตติ ได้เข้ามาคุมทีม จากเจ้าของผลงานสามารถพาเอซี มิลานคว้า 2 UCL ประดับทีม หลังจากเจ้าตัวได้มาคุมทีมก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหลังจากยุคสมัยของมูรินโญ่ที่เคยทำได้ กับแชมป์FA Cup แต่อยู่ได้ไม่นาน ในปี 2011 เชลซี ได้แต่งตั้งอังแดร วีลัช-โบอัช ยอดโค้ชสัญชาติโปรตุเกส ที่เคยพาปอร์โต้คว้าทริปเปิลแชมป์กับทีมเอฟซี ปอร์โต้ โดยถ้วยใหญ่คือยูโรปา ลีก จะเห็นได้ว่าโค้ชของเชลซีล้วนมีชื่อทั้งนั้น แต่นั่นไม่ได้เป็นเครื่องการีนตีความเป็นอยู่ของคุณในการเป็นโค้ชให้กับทีมของเสี่ยหมี หลังจากโบอัชคุมทีมไปไม่ได้นานก็ถูกปลดฟ้าผ่า โดยมี โรแบร์โต ดี มัตเตโอ ณ เวลานั้นเป็นเพียงมือขวาให้กับโบอัชเข้ามารับหน้าที่รักษาการโค้ชแทนจนจบฤดูกาลRoberto Di Matteo อดีตเฮดโค้ชของทีมเชลซี เชลซีภายใต้การคุมทีมของติ มัลเตโอในเวลานั้น ถ้าเอาตราทีมเชลซีเปรียบเหมือนยันต์มหาอุด ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย โดยผู้เขียนขอเริ่มจากนัด เชลซี พบกับนาโปลี เป็นรอบ 16 ทีมในยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีก ซึ่งการพบกันของทั้งสองทีม สกอร์รวมทั้งนัดเป็นทางเชลซีชนะไป 5-4 ในนัดแรกนาโปลีเปิดบ้านซาน เปาโล(ชื่อเดิมของสนาม)ชนะไป 3-1 แต่พอนัดที่สองเชลซีสามารถคัมแบคเปิดบ้านสแตมฟอร์ด บริตด์ ชนะไป 4-1 ถือเป็นการโกงความตายแรกของทีมในเส้นทางของ UCL ในครั้งนี้ (เพิ่มเติม/เชลซีเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม)ถัดมาในรอบ 8 ทีมเชลซีสามารถชนะเบนฟืก้าไปได้ สกอร์รวมสองนัด 3-1 จากผลการแข่งแม้เบนฟิก้าทำผลงานได้ดีกว่า แต่ก็เป็นทางทีมเชลซีชิงไหวชิงพริบชนะมาได้ และในนัดถัดมาในรอบ 4 ทีมสุดท้ายต้องมาพบกับแชมป์เก่าของปี 2011 ทีมบาร์เซโลน่า ของเปป กวาร์ดิโอล่า ในปีช่วงนั้นถือว่าเป็นปีทองอีกปีหนึ่งของทีมบาร์ซ่า และลาลีกา สเปน ในปีนั้นทีมเรอัล มาดริดก็เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายเช่นกัน เป็นการพบกับบาเยิร์น มิวนิค สุดท้ายสกอร์รวมเท่ากัน 3-3 ตัดสินด้วยจุดโทษ และเป็นทางมาดริดแพ้ไปในนัดแรกการพบกันระหว่างเชลซีกับบาร์ซ่า เป็นทางเชลซีเปิดความได้เปรียบไปก่อน ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 1-0 จากดิดิเยร์ ดร็อกบา(บอกเลยนัดนี้หลุดอุทานคำหยาบบ่อยมาก จนอยากให้ผู้อ่านไปหาไฮไลท์ของนัดนี้มาดู) และก่อนสองทีมนี้จะแข่งกัน ทุกคนต่างคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่าเชลซีมาได้ไกลเพียงเท่านี้ ไม่มีใครคาดคิดบาร์ซ่าในตอนนั้นจะแพ้ จากนั้นถัดมาในนัดที่สองเป็นการเปิดรังคัมป์นู และเป็นทางบาร์ซ่าทำผลงานได้ดีกว่าในครึ่งแรก จากการยิงขึ้นนำของบุสเกตส์ tap in ไปง่าย ๆกับอิเนียสต้ายิงเข้าเป็น 2-0 แต่เชลซีตีตื้นความได้เปรียบจากรามิเรซทำสกอร์ หากจบด้วยสกอร์เช่นนี้แล้ว คงเป็นทางเชลซีที่ชนะด้วยกฎยิงประตูทีมเยือน (Away Goal) แต่ก็ต้องเสียเปรียบอีกครั้งจากการผู้เล่นที่น้อยกว่า เพราะความวิปริตที่เกิดขึ้นคือจอห์น เทอร์รี่ กองหลังของทีมเชลซี ได้แสดงทักษะทางมวยใส่เข่าอเล็กซิส ซานเชซ จนถูกไล่ออกตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก และส่งผลให้ไม่สามารถลงแข่งในนัดถัดไปหากทีมเข้ารอบ แต่สิ่งที่พิเศษที่เชลซีทำได้คือ แม้ทีมจะต้องเกมรับทั้งครึ่งหลัง แต่กลับสามารถยิงประตูเพิ่ม ได้จาก"กองหน้า 50 ล้าน" ตอเรส หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงและเป็นการการันตีเข้ารอบชิง จบเกมเชลซีชนะบาร์เซโลน่า สกอร์รวมสองนัด 3-2Torres หลุดเดี่ยวยิงประตูตีเสมอบาร์ซ่าในนัดรอบรองชนะเลิศ UCL 2012จากก่ารผ่านเข้ารอบชิงของเชลซีทำให้ไปพบบาเยิร์น มิวนิค ทีมที่ถือได้เป็นเต็งในถ้วยยุโรปนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยผลงานเข้ารอบชิงในปี 2010 พบกับอินเตอร์ มิลาน ถ้าหากนับชื่อชั้นในเวทีนี้แล้วคงเป็นทางบาเยิร์นคุมความได้เปรียบในเวลานั้น อีกทั้งนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีกจัดขึ้นที่สนามอารีอันซ์ อารีน่า สนามเหย้าของบาเยิร์น ดูทุกอย่างจะเป็นใจให้กับเสื้อใต้แห่งเยอรมันไปซะทุกอย่าง แต่สิ่งที่ฝันกับสิ่งที่คิดคนละอย่างกัน ผมอยากเล่าความตลกในนัดนี้แทนมากกว่าลงรายละเอียดในนัดนี้ เพราะพูดตามตรงบาเยิร์นบุกอยู่ฝ่ายเดียว (จากใจเด็กเสื้อใต้ ถึงแม้เขียนมาอวยเชลซี) เริ่มต้นไม่กี่นาทีชไวนี่เกือบทำเรื่องให้กับทีมบาเยิร์นด้วยการเอามือไปปัดบอลในการสวนของเชลซีแต่สุดท้ายโดนแค่ใบเหลือง ถ้ายุคนั้นมี VAR คงไม่รอดใบแดง จนจบครึ่งแรกไม่ทีมไหนสามารถทำประตูกันได้ และถัดมาในครึ่งหลังบาเยิร์นได้ประตูขึ้นนำจากโททัส มุลเลอร์ 1-0 ในนาทีที่ 83 ซึ่งใกล้หมดเวลาแล้ว กลับเป็นทางเชลซี ได้ลูกเปิดมุมและโหม่งเข้าโดย ดร็อกบา ในนาทีที่ 88 สุดท้ายต้องต่อเวลาพิเศษก็ไม่สามารถทำประตูได้ทั้งสองทีม จนถึงการดวลจุดโทษและเป็นทางเชลซี คมกว่าชนะไป 3-4 ซึ่งทำให้เชลซีสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีกได้สมัยแรกของสโมสรนักเตะเชลซีกำลังดีใจ หลังดวลจุดโทษชนะในรอบชิง UCL 2012ท้ายที่สุดดิ มัลเตโอ ก็ถูกตั้งเป็นเฮดโค้ชใหม่ของทีมในฤดูกาลทถัดมา แต่อยู่ได้ไม่นานก็ถูกปลด เห็นไหมครับสำหรับเสี่ยหมี "เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้" ประโยคนี้ดูเหมาะดี แต่ภายใต้ความสำเร็จนี้ของเชลซีต้องขอยกความดีความชอบให้กับดิ มัลเตโอ เป็นอย่างมาก การปรับแผนการแก้เกม เพราะสิ่งที่โบอัชทำทิ้งไว้ยากที่จะแก้ แต่โค้ชคนนี้ขึ้นมาจากลูกมือของเฮดโค้ช และสามารถแก้เกมจากความเสียเปรียบเเปลี่ยนเป็นความได้เปรียบ การกระตุ้นลูกทีม ถึงแม้ผู้เขียนตอนนั้นยังเด็ก แต่ยังจำลูกที่ดร็อกบาโหม่งเข้านัดชิงจนถึงวันนี้ และนักเตะที่ขอพูดถึงคือแลมพาร์ท,ดร็อกบา,ปีเตอร์ เช็ค สามคนผมถือว่าเป็นกำลังหลักของทีมในการคว้าแชมป์นี้ ทั้งความเด็ดคาดของดร็อกบาในการยิงประตู ,การสับตำแหน่งของแลมพาร์ท ทั้งหน้าที่เป็นเพลเมกเกอร์ หรือการมาเล่น box to box ถือว่าเป็นมิดฟิลด์มากความสามารถอีกคนหนึ่ง ,และสุดท้ายปีเตอร์ เช็ค ที่เหนียวเพราะไม่อาบน้ำหรือกินข้าวเหนียวกันแน่ (ฮา)เชลซี กำลังฉลองแชมป์ UCL ในกรุงลอนดอน ถึงคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าไม่นับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเชลซีของเสี่ยหมี(เรื่องส่วนตัว บราๆ ) คุณคิดถึงการทำทีมของเจ้าของคนนี้ไหมครับ? คิดเห็นอย่างไรคอมเมนต์พูดคุยกันได้ และสำหรับแฟนเชลซี "เชียร์บอลให้สนุกนะครับ" 555555555555555เครดิตภาพ :Chelsea Football Club : Cover1 / Cover2 / 1 / 2 / 4 / 5X Chelsea : 3ห้องพูดคุยฟุตบอล วิเคราะห์นักเตะ