ถึงตรงนี้ จากที่ผู้เขียนได้เอานิ้วกระแทกแป้นคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค ‘’ปีศาจแดง’’ ทุ่มเงินซื้อผู้เล่นในตลาดซื้อ-ขายนักเตะหน้าร้อน 2021 ไปแล้ว 2 คน เป็นเงิน 73 ล้านปอนด์ 1. คือ ทอม ฮีตัน นายทวารผู้ซึ่งเคยเป็นแข้งเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด จาก แอสตัน วิลล่า - ฟรี 2. คือ เจดอน ซานโช่ ปีกจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ - 73 ล้านปอนด์ และคาดว่าน่าจะมีเพิ่มอีก ‘’อย่างน้อย’’ 1 คน นั่นคือตำแหน่งเซ็นเตอร์-ฮาล์ฟ โดยหวยไปออกที่ ราฟาเเอล วาราน ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศส วัย 28 ปี ดีกรีแชมป์โลก จาก เรอัล มาดริด นับตั้งแต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนว่า ‘’ปีศาจแดง’’ จะมีความพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ และหากนับแบบ ‘’เต็มฤดูกาล’’ ไล่ตั้งแต่ 2019/20 เขาพาทีมพลิกนรกกลับมาติดท็อปโฟร์ และคว้าอันดับ 3 ไปครองในพรีเมียร์ลีก, เข้ารอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ, เข้ารอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ และ เข้ารอบรองชนะเลิศ ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2020/21 พาสโมสรจบตำแหน่งรองแชมป์ลีก ถือเป็นหนที่สองของพวกเขานับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ, เข้ารอบรองชนะเลิศ ลีก คัพ, ตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม และคว้ารองแชมป์ ยูโรปา ลีก แต่ฤดูกาล 2021/22 ที่กำลังจะเปิดฉากนี้ โอเล่ จะปลดล็อคแชมป์แรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฐานะกุนซือ ปีศาจแดง ได้หรือไม่? จะติดตั้งระบบอะไร? ผู้เขียนจะมาเจาะแผนการเล่นให้ฟังครับ 1. ระบบ 4-2-3-1 เป็นระบบที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โปรดปรานที่สุด นับตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งคุมทีมถาวร โดยมี ผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 เป็นตัวสร้างสรรค์เกม โดยช่วงแรก เขาพยายามสร้าง 4-2-3-1 แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่ เหตุเพราะขาดผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 ที่เป็นประเภท ‘’สร้างสรรค์เกม’’ เจสซี่ ลินการ์ด, อันเดรียส เปเรยร่า และ ฆวน มาต้า สามารถเล่นตำแหน่งนี้ได้นะครับ แต่ไม่ดีพอที่จะยกระดับทีมลุ้นแชมป์ลีก กระทั่งพวกเขายอมทุบคลังตัวเองด้วยการคว้า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จอมทัพจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเบื้องต้น 47 ล้านปอนด์ ในเดือน มกราคม 2020 - ฤดูกาล 2019/20 โอเล่ ติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ไปทั้งหมด 28 นัดในพรีเมียร์ลีก, เก็บชัย 15 นัด, เสมอ 8, แพ้เพียง 5 เกม, ซัดไป 54 ประตู และเสียไป 24 ลูก - ฤดูกาล 2020/2021 ติดตั้งไปทั้งหมด 36 นัดในลีก โดยยิงไปทั้งหมด 70 ประตู, เสีย 41 ลูก, คว้าชัย 20 นัด, เสมอ 11 และแพ้ 5 เกม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้นักเตะจอมสร้างสรรค์อย่าง บรูโน่ เข้ามา แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ พวกเขายังขาดนักเตะตำแหน่ง ‘’ปีกขวา’’ ซึ่งขาดไปนานมากนับตั้งแต่ยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แม้ แดเนี่ยล เจมส์ จะเป็นปีกที่มีความเร็วสูง และสามารถเล่นได้ทั้งฝั่งขวา/ซ้าย แต่ยังไม่สามารถสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจได้ พวกเขาจึงยอมทุ่มซื้อ เจดอน ซานโช่ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีม ทีนี้มาไล่กันทีละตำแหน่งครับ... - ผู้รักษาประตู: ดาบิด เด เคอา หรือ ดีน เฮนเดอร์สัน - แบ็คซ้าย: ลุค ชอว์ - คู่เซ็นเตอร์แบ็ค: แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับ ราฟาแอล วาราน (ในกรณีที่ย้ายมา) หรือ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ - แบ็คขวา: อารอน วาน-บิสซาก้า - คู่มิดฟิลด์: ปอล ป็อกบา - เฟร็ด, ป็อกบา - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด - แม็คโทมิเนย์ หรือจะใช้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค มายืนคู่กับใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ - กลางรุก/ผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10: บรูโน่ แฟร์นันด์ส หรือ ฟาน เดอ เบ็ค - ริมเส้นฝั่งซ้าย: มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ แดน เจมส์ หรือ เจดอน ซานโช่ หรือจะใช้ ป็อกบา ก็ย่อมได้ เพราะ โซลชา เคยใช้มาแล้วในฤดูกาลที่ผ่านมา แถมได้ผลอีกต่างหาก - ริมเส้นฝั่งขวา: ซานโช่ หรือ แดน เจมส์ หรือ เมสัน กรีนวู้ด - หน้าเป้า: เอดินสัน คาวานี่ หรือ แรชฟอร์ด หรือ มาร์กซิยาล หรือ กรีนวู้ด เห็นมั้ยครับ มันแทบจะสมบูรณ์แล้ว… ใช่ครับ! จะสร้างอะไรสักอย่างต้องสร้างให้ ‘’สมบูรณ์’’ ฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นขึ้นนี้คาดว่า โอเล่ จะยึด 4-2-3-1 เหมือนเดิมนั่นแหละครับ 2. 4-3-3 ที่จริงระบบ 4-3-3 เป็นระบบที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ใช้ค่อนข้างบ่อยเลยนะครับสมัยที่เขาคุม โมลด์ แต่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เฉพาะอย่างยิ่งฤดูกาลที่ผ่านมา โอเล่ ไม่แตะ 4-3-3 เลยสำหรับสตาร์ทไลน์อัพ 11 คนแรก อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลใหม่มีโอกาสที่ โซลชา จะใช้ระบบนี้ โดย บรูโน่ แฟร์นันด์ส สามารถถอยลงมายืนมิดฟิลด์ร่วมกับ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด ได้ เพราะในทีมชาติ โปรตุเกส ก็ใช้ระบบดังกล่าว อีกทั้งในระหว่างเกม โอเล่ ยังสามารถปรับมาเล่น 4-2-3-1 ได้ด้วย โดยให้ บรูโน่ ขยับไปยืนเป็นผู้เล่นตำแหน่งหมายเลข 10 3. แบ็คทรี ‘’แบ็คทรี’’ หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ‘’หลัง 3’’ คือใช้ เซ็นเตอร์-ฮาล์ฟ 3 ตัว โดยมีวิงแบ็คสองข้าง ซ้าย-ขวา คอยสนับสนุนเกมรุกทางริมเส้น และเวลาถอยลงมาตั้งรับจะเป็น ‘’แบ็คไฟฟ์’’ หรือ ‘’หลัง 5 ตัว’’ ระบบนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะนำมาใช้เป็นบางนัด โดยเฉพาะการบุกไปเยือน ‘’ทีมใหญ่’’ ไม่ว่าจะรายการใดก็ตาม โดยจะเน้นการรัดกุมในแผงหลังเป็นหลัก ฤดูกาลที่แล้วในพรีเมียร์ลีก โซลชา ไม่สตาร์ท 11 คนแรกด้วยระบบ ''หลัง 3'' เลยนะครับ แต่จะปรับมาใช้ในระหว่างเกมซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงท้ายเกมตอนที่กำลังนำคู่แข่งอยู่ แต่ โอเล่ ติดตั้งระบบดังกล่าวไป 2 นัด (3-4-1-2) ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีนี้มาดูกันครับ (ตามภาพข้างบน) เมื่อได้ เจดอน ซานโช่ มาแล้ว และอาจได้ปราการหลังตัวใหม่มา 1 คน (อาจเป็น ราฟาแอล วาราน) โฉมหน้าแผนการเล่นจะเป็นแบบไหนกับระบบ ‘’หลัง 3’’ เซ็นเตอร์แบ็ค 3 ตัว ถือว่าค่อนข้างแน่นเลยทีเดียว ประกอบด้วย แฮร์รี่ แม็คไกวร์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ และ ราฟาเเอล วาราน ขณะที่วิงแบ็คสองข้างเป็น อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ โดยเวลาถอยลงมาตั้งรับสามารถเป็น 5-4-1 หรือ 5-3-2 ก็ได้ - แม็คไกวร์: คอยจัดการลูกกลางอากาศ เขาสามารถสร้างเกมจากข้างหลังขึ้นไปข้างหน้าได้ เพราะเป็นกองหลังที่ใช้เท้าได้ดี - ลินเดอเลิฟ: แม้จะไม่แข็งแกร่งลูกกลางอากาศ แต่สามารถคอยช่วยซ้อนได้ และเวลาขึ้นเกมจากแดนหลังเขาสามารถวางบอลยาวที่แม่นยำไปให้ตัวรุกได้ - วาราน: การมาของเขาจะช่วยแบ่งเบาภาระ แม็คไกวร์ ได้เยอะ เขาเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์สูง และประสบความสำเร็จมามากมาย เขาเป็นกองหลังที่แข็งแกร่ง มีความเร็ว และฝีเท้าเจ๋งที่สุดคนหนึ่งในโลกลูกหนัง - ชอว์: ในแง่เกมรุกไม่มีอะไรต้องกังวล ทุกคนทราบดี ส่วนในแง่เกมรับ เขามักยืนป้องกันได้ดีเมื่อทีมเล่นระบบ ‘’หลัง 3’’ แถมเคยยืนในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้ายมาหลายครั้งแล้วด้วย - วาน-บิสซาก้า: เก่งในด้านเกมรับ จอมแท็คเกิ้ล เป็นนักเตะสายเสียบสกัด แถมเสียบแม่นยำอีกต่างหาก ในขณะที่แผงตัวรุก สามารถใช้ ซานโช่ มายืนเป็นหน้าคู่กับ เอดินสัน คาวานี่ ในระบบ 3-4-1-2 หรือจะฉีก ซานโช่ ไปยืนตัวริมเส้นในระบบ 3-4-3 ก็ได้เช่นกัน เพราะเขาเป็นนักเตะที่มีความเร็ว, ชื่นชอบในการดวลตัวต่อตัว, เทคนิคสูง และมีความคิดสร้างสรรค์ - จุดนี้จะช่วย บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้มากเลยทีเดียว นอกจากนี้จะช่วยเพิ่มอาวุธหนักในการสวนกลับเร็วของพวกเขาด้วย ซึ่งเป็นจุดแข็งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้ยุค โซลชา สรุป: ตอนนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กำลังจะประกอบทีมที่เขาต้องการครบแล้ว เพราะเขาได้รับแรงสนับสนุนจากบอร์ดบริหาร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอสมควร คาดหมายว่าฤดูกาลใหม่เขาจะยึดระบบ 4-2-3-1 เป็นหลักเหมือนเดิม และอาจใช้ระบบ ‘’หลัง 3’’ เป็นบางนัด แถม 11 คนแรกก็ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว ทีนี้ก็อยู่ที่ฝีมือและโชคชะตาแล้วล่ะว่าเขาจะสามารถพา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์มาครองได้หรือไม่ ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเปิดฉากในเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นการคุมทีมแบบ ‘’เต็มฤดูกาล’’ เป็นฤดูกาลที่ 3 ของเขา มันจะเต็มไปด้วยความกดดันอย่างแน่นอน และเขาจำเป็นต้องเสกแชมป์มาครองให้ได้ มิเช่นนั้น….อาจไม่ได้ไปต่อ เครดิตภาพภาพหน้าปกโดย: ผู้เขียน เครดิตภาพ: ภาพที่ 1 tactical-board.com, ภาพที่ 2 tactical-board.com, ภาพที่ 3 tactical-board.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !