ผลงาน 19 นัด ชนะ 16 เสมอ 2 แพ้ 1 เก็บได้ 50 แต้ม นี่คือผลงานหลังจากผ่านไปครึ่งฤดูกาลของทัพ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อลที่เรียกได้ว่าสุดยอดจริงๆ สำหรับฤดูกาลนี้ และนับเป็นเวลา 13 นัดติดต่อกันแล้วที่อาร์เซนอลไม่แพ้ใครเลยในเกมพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่บุกไปพ่ายต่อ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อ 4 กันยายน 2022 นู่นแล้วซึ่งนั่นก็คือเป็นการแพ้เกมลีกนัดเดียวจนถึงตอนนี้ และสุดท้ายเกมนัดล่าสุดพวกเขาก็แก้แค้นได้สำเร็จด้วยการเปิดบ้านเฉือนชนะแมนยูไปสุดมันส์ 3-2 ฤดูกาลนี้คือฤดูกาลที่ปืนใหญ่ทำผลงานได้ "เซอร์ไพรส์" มาก เพราะอย่างส่วนตัวผมแล้วไม่แปลกใจที่จะทำผลงานได้ลุ้นแชมป์ เพราะทรงบอลของอาร์เซนอลนั้นดูดีตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วแล้ว แต่ที่เซอร์ไพรส์คือไม่คิดว่าลูกทีมของมิเกล อาร์เตตาจะทำผลงานติดลมบน รั้งจ่าฝูงได้มาถึงครึ่งฤดูกาลแบบนี้ แถมทิ้งอันดับ 2 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5 คะแนนและแข่งน้อยกว่า 1 นัดด้วย (แต่ทั้งคู่ยังมีเกมตกค้างที่จะต้องเจอกันในเกมแรกของฤดูกาลอยู่) และสำหรับบทความนี้ผมจะพาไปดู 5 เหตุผลที่ทำให้อาร์เตตาและลูกทีมของเขาทำผลงานร้อนแรงจนอยู่จ่าฝูงได้ต่อเนื่อง จะมีเหตุผลอะไรบ้าง ไปดูกันเลยครับคุณผู้อ่าน1. อาร์เตตาฟูมฟักอาร์เซนอลได้อย่างสุกงอมแล้วนับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2019 ที่อาร์เซนอลแต่งตั้งมิเกล อาร์เตตาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ ต่อจากอูไน เอเมอรีที่ถูกปลดออกไป และต่อจากเฟรดริก ลุงเบิร์กที่เข้ามาขัดตาทัพชั่วคราว จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 3 ปีนิดๆ แล้วที่อาร์เตตาเข้ามากุมบังเหียนทัพปืนใหญ่ซึ่งเขาก็พาอาร์เซนอลคว้าแชมป์เอฟเอ คัพมาได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขาคุมทีม แต่หลังจากนั้นในฤดูกาลต่อมาผลงานของเขากับอาร์เซนอลก็ยังลุ่มๆ ดอนๆ นอกจากแชมป์เอฟเอ คัพในฤดูกาลแรกแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก แทบจะถูกปลดตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วแล้วด้วยซ้ำ หลังจากที่ 3 นัดแรกพวกเขาแพ้รวดหมดเลย แถมยังมีเกมที่โดนแมนซิตี้กดไป 5-0 แฟนปืนใหญ่แทบทุกคนแทบจะหมดความอดทนกับกุนซือชาวสเปนคนนี้แล้ว ออกมาไล่อาร์เตตาตลอด แต่หลังจากนั้นอาร์เตตก็พาปืนใหญ่ฟื้นขึ้นมาได้จนเกือบได้ไป UCL ในฤดูกาลนี้ แต่ก็แหกโค้งในช่วงท้ายของซีซั่น จนสุดท้ายในฤดูกาลนี้เขาก็พาลูกทีมฟอร์มแรงจนเป็นจ่าฝูงมาถึงครึ่งฤดูกาลแล้วซึ่งสำหรับผมแล้วความจริงอาร์เซนอลในมือของอาร์เตตานั้นมีทรงบอลที่ดูดีตั้งแต่เกมที่แพ้แมนซิตี้ 5-0 แล้วนะ เพียงแต่ว่าเกมนั้นปืนใหญ่ไปเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม แถมยังกรานิต ชากาโดนใบแดงไล่ออกอีก สถานการณ์ของเกมนั้นก็เลยออกมาเละเทะ แต่ถ้าหากดูในรายละเอียดเกมก่อนที่จะโดนนำแล้วนั้น อาร์เซนอลดูดีมากเลยนะ สู้กับแมนซิตี้ได้ดีเลยทีเดียว ไล่บีบเพรสซิงเรือใบจนเกือบเสียประตูก่อนด้วยซ้ำ ถ้าหากหา Full Match ได้สามารถย้อนกลับไปดูได้เลยครับ อาร์เซนอลเล่นดีจริงๆ ในเกมนั้นก่อนที่จะเสียประตูและโดนใบแดง และจนถึงตอนนี้เขาก็ฟูมฟักปืนใหญ่มานานพอสมควรแล้วแหละ ดีพอที่จะขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้แล้ว นี่คือผลของการให้เวลากับอาร์เตตาในการทำทีมซึ่งมันจะเชื่อมโยงไปในข้อต่อไปครับ2. Trust the processนี่คือผลลัพธ์ของการเชื่อในกระบวนซึ่งประโยค "Trust the process" อาร์เตตาเคยพูดบอกไว้เมื่อปี 2020 เพื่อส่งต่อถึงบอร์ดบริหารรวมถึงแฟนบอลว่าให้เชื่อในตัวเขา เชื่อในกระบวนการการสร้างทีมของเขาซึ่งทุกวันนี้ทุกคนก็เห็นแล้วว่าการอดทนรอคอย การเชื่อในกระบวนการที่ถูกต้องนั้นนำมาซึ่งความสุขที่แฟนบอลอาร์เซนอลมีความสุข ณ ตอนนี้ และกระบวนการการสร้างอาร์เซนอลของอาร์เตตานั้นมันเป็นส่วนผสมหลายๆ อย่างที่ลงตัวมากๆผมจะยกตัวอย่าง 2 ส่วนผสมนะครับ ส่วนผสมแรกคือ DNA การเป็นเดอะ กันเนอร์สของอาร์เตตา เพราะอาร์เตตานั้นคืออดีตผู้เล่นของปืนใหญ่ที่อาร์แซน เวนเกอร์ไปดึงตัวมาจากเอฟเวอร์ตันในปี 2011 มันจึงไม่แปลกว่าทำไมอาร์เตตานั้นถึงทำอาร์เซนอลให้กลับมาเล่นบอลได้อย่างสวยงามอีกครั้ง เหมือนครั้งที่เราเคยเห็นที่เวนเกอร์สร้างปืนใหญ่เล่นบอลสวยงามอย่างในอดีต และนอกจาก DNA ของการเป็นแฟนบอลอาร์เซนอลแล้ว อีกส่วนผสมนึงคือ DNA ของเป๊ป กวาร์ดิโอลา อย่างที่ทุกคนทราบกันดีครับว่าก่อนที่อาร์เตตาจะมารับงานกับอาร์เซนอล เขานั้นเคยเป็นผู้ช่วยของเป๊ปที่แมนซิตี้มาก่อน เขาเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดในด้านแทคติกอีกคนของเป๊ป มันจึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นรูปแบบการเล่นของอาร์เซนอลจะคล้ายคลึงกับแมนซิตี้ของเป๊ป ตัวอย่างเช่นการมี Inversted Full Back หรือฟูลแบ็คตัวใน ที่จะขยับฟูลแบ็คเข้ามาเหมือนเป็นมิดฟิลด์อีกคนที่จะคอยช่วยสร้างและปั้นเกม3. การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีอย่าง "เอดู"เราจะไม่พูดถึงผู้อำนวยการกีฬา "คนแรก" ของอาร์เซนอลเลยคงไม่ได้ สำหรับ "เอดู" เพราะนี่คืออีกหนึ่งคนที่อยู่ "เบื้องหลัง" การที่อาร์เซนอลทำผลงานดีในตอนนี้ เพราะด้วยตำแหน่งของเอดูนั้นคือคนที่ดูภาพรวมของทีม เป็นคนกลางที่จะเชื่อมระหว่างอาร์เตตาและบอร์ดบริหาร เป็นคนที่ไปดีลนักเตะตามที่อาร์เตตาต้องการ และเป็นหนึ่งในคนที่คอยหนุนหลัง ปกป้องอาร์เตตาในช่วงที่อาร์เซนอลยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก นี่คือหนึ่งในคนที่เชื่อในกระบวนการสร้างทีมของอาร์เตตาสำหรับทีมฟุตบอลที่จะประสบความสำเร็จนั้นมักจะมีคนที่คอยเป็นคู่หูในการทำงานร่วมกับผู้จัดการทีมในตำแหน่งบอร์ดบริหาร ตัวอย่างเช่น ยุคสมัยของแมนยูที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันมีคู่หูในการทำทีมอย่างเดวิด กิลล์ CEO ของทีมผีแดงในตอนนั้น หรือลิเวอร์พูลที่เยอร์เกน คล็อปป์ทำงานร่วมกับไมเคิล เอ็ดเวิร์ด อดีตผู้อำนวยการกีฬา ซึ่งทั้งกิลล์และเอ็ดเวิร์ดนั้นจะเป็นคนที่คอยดีลเจรจากับนักเตะตามที่เฟอร์กี้และคล็อปป์ต้องการ และอย่างในรายของเอ็ดเวิร์ดนอกจากจะเจรจานักเตะแล้วเขายังเป็นคนที่คอยรวบรวมสถิติต่างๆ ของนักเตะมาให้คล็อปป์ในการเลือกซื้ออีกด้วยและเช่นเดียวกับอาร์เตตาครับ เอดูคืออดีตนักเตะของอาร์เซนอลเหมือนกันครับ เขาอยู่ในชุดแชมป์ไร้พ่ายในฤดูกาล 2003/2004 มันจึงไม่แปลกครับที่เอดูจะตั้งใจและมีแพสชั่นในการทำงานกับอาร์เซนอล4. มีเด็กมหัศจรรย์อย่างกัปตันโอเดการ์ดก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับว่าในข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าโอเดการ์ดจะเป็นคนที่เก่งที่สุด สำคัญที่สุดในทีมปืนใหญ่นะครับ ทุกคนล้วนสำคัญเหมือนกันครับ แต่ที่ผมหยิบยก "มาร์ติน โอเดการ์ด" มาพูดถึงนั้นเป็นเพราะเรื่องราวและฝีเท้าของกัปตันอายุน้อยคนนี้มันโดดเด่นและน่าถูกพูดถึงเป็นอย่างมากครับ จากเด็กมหัศจรรย์จากนอร์เวย์ย้ายมาอยู่กับทีมระดับโลกอย่างเรอัล มาดริดตั้งแต่อายุ 15 ขวบเศษ ทีมที่เต็มไปด้วยโคตรนักเตะมากมายและแทบจะหมดอนาคตก่อนที่ย้ายมาร่วมทีมอาร์เซนอลแบบยืมตัวก่อนที่ถูกซื้อขาดในภายหลังในรายการ Footballista ของ Mainstand Thailand พี่ยักษ์ได้พูดถึงกัปตันอาร์เซนอลคนนี้ได้อย่างน่าสนใจว่าเขาเป็น "เด็กมหัศจรรย์จากนอร์เวย์" ที่โดดเด่นสุดๆ ในบ้านเกิด ก่อนที่จะย้ายมาสั่งสมประสบการณ์ทั้งดีและร้ายในแดนกระทิงดุกับเรอัล มาดริด ซึ่งประการณ์เหล่านั้นหล่อหลอมให้เขากลายเป็นผู้นำของอาร์เซนอลในตอนนี้ (สามารถไปรับชมได้แบบเต็มๆ ได้ที่ Football : โอเดการ์ด ผู้ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง สู่ผู้นำอาร์เซน่อล | Footballista EP.643) ซึ่งผมว่ามันสอดคล้องกับสถานการณ์ของเขากับอาร์เซนอลในตอนนี้เป็นอย่างมาก เพราะจากเด็กที่แทบหมดอนาคตไปแล้วแต่กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งกับอาร์เซนอล จนได้กลายมาเป็นผู้นำทีมที่เพิ่งถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของทัพปืนใหญ่ในฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรก เป็นผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมได้อยู่เสมอ ทักษะต่างๆ ลูกเล่นต่างๆ ที่สุดแสนจะแพรวพราวนั้นมันช่วยอาร์เซนอลในเกมที่อึดอัดได้หลายครั้งแล้วในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นลูกยิงหรือลูกแอสซิสต์ ทำให้อาร์เซนอลเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้อยู่เสมอๆ5. อาร์เซนอลได้ทีมที่ลงตัวแล้วและมาถึงข้อสุดท้ายนั่นก็คือการที่มิเกล อาร์เตตาได้ 11 ตัวจริงที่ลงตัวแล้ว สังเกตได้เลยว่าทีมที่ประสบความสำเร็จแต่ละปีมักจะมีผู้เล่น 11 ตัวจริงเป็นแกนหลักและใช้ประจำ เช่นเดียวกับอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้ครับ โดยฤดูกาลนี้อาร์เตตาใช้ระบบการเล่น 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 และมี 11 ตัวจริงที่ใช้ประจำก็คืออารอน แรมส์เดลเบน ไวท์---วิลเลียม ซาลิบา---กาเบรียล มากัลเญซ---โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโกโธมัส ปาเตย์---มาร์ติน โอเดการ์ด---กรานิต ชากาบูกาโย ซากา---กาเบรียล เฆซุส---กาเบรียล มาร์ติเนลลีจะสังเกตได้ว่าทีมชุดนี้ของอาร์เซนอลนั้นมีความลงตัวเป็นอย่างมาก เริ่มจากตำแหน่งผู้รักษาประตูอย่างอารอน แรมส์เดลก่อนเลย เพราะนี่คือคนที่ปิดทองหลังพระสุดๆ แต่ปิดยังไงก็โดดเด่นออกมาชัดเจนมากๆ เพราะเขาคือปราการด่านสุดท้ายที่เซฟช่วยอาร์เซนอลมาเยอะมากในฤดูกาลนี้ นอกจากเรื่องการเซฟแล้วเขายังสามารถเล่นบอลกับเท้าได้ดี ออกบอลได้อย่างแม่นยำอีกด้วยเป็นไปตามสเปคที่อาร์เตตาต้องการ และในส่วนกองหลังที่มีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย คือโยกเบน ไวท์ที่ปกติจะเล่นเซนเตอร์แบ็คมายืนในตำแหน่งแบ็คขวา ในส่วนของกองหลังตัวกลางที่มาเล่นแทนตำแหน่งของไวท์ที่โดนโยกไปก็คือซาลิบา เรียกได้ว่าโชว์ฟอร์มได้อย่างเซอร์ไพรส์ เพราะคือหัวใจในเกมรับของอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ยืนจับคู่กับมากัลเญซได้อย่างแข็งแกร่ง และได้มีการเสริมทัพในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ดึงซินเชนโกมาจากแมนซิตี้ ถือว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยมดีลนึงเลย เพราะแบ็คซ้ายทีมชาติยูเครนรายนนี้คือหนึ่งในคีย์แมนของอาร์เซนอลในปีนี้เลยด้วย แนวรับชุดนี้ช่วยให้อาร์เซนอลเสียไปเพียง 16 ประตู น้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (เสีย 11 ประตู)เช่นเดียวกับในรายของเฆซุสที่ดึงมาจากแมนซิตี้เหมือนกัน คือหนึ่งในฟันเฟืองของเกมรุกปืนใหญ่เลย แต่หน้าเสียดายที่ในช่วงนี้ต้องพักจากอาการบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าจากเกมฟุตบอลโลก แถมยังปรับให้ชากามายืนคู่กับปาเร์ตย์และให้เล่นในบทบาท Box to Box ซึ่งทำให้ในฤดูกาลนี้ชากาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยืนคู่กับปาร์เตย์ที่เป็นคนที่คอยจัดการเกมรุกคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม แถมมีทีเด็ดที่ลูกยิงไกลอีกด้วย ส่วนในเกมรุกนั้นก็มีกัปตันทีมอย่างโอเดการ์ดที่คอยสร้างสรรค์เกมรุกได้สุดหวือหวา รวมไปถึงเกมรุกริมเส้นทั้งสองฝั่งอย่างซากาและมาร์ติเนลลีที่ในปีนี้ฟอร์มก็เข้าฝักเช่นกันนอกจาก 11 ตัวจริงแล้ว ตัวสำรองก็มีคุณภาพไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในรายของเอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ที่ในฤดูกาลนี้โยกมาใส่เบอร์ 14 ซึ่งเป็นเบอร์เก่าของโคตรตำนานดาวยิงสูงสุดของอาร์เซนอลอย่างเธียร์รี อองรี และเอ็นเคเทียห์ก็ไม่ทำให้แฟนปืนผิดหวัง เพราะ ณ ตอนนี้เขาคือตัวแทนของเฆซุสที่บาดเจ็บ แต่สามารถทดแทนได้อย่างหมดจด ถึงแม้จะไม่สามารถลงมาช่วยเชื่อมเกมได้เท่าเฆซุสแต่ก็นำประตูมาช่วยทีมได้เสมอ โดยในพรีเมียร์ลีกลงเล่น 17 เกม ยิง 4 และเพิ่งยิงไป 2 ประตูช่วยให้ทีมชนะแมนยูไปได้ 3-2 นอกจากนี้ก็ยังมีทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, คีแรน เทียร์นี รวมไปถึงตัวรุกคนใหม่อย่างเลอันโดร ทรอสซาร์ดที่เพิ่งไปตัวมาจากไบรท์ตัน ทีมร่วมลีก ถือว่าเป็นการเสริมทัพที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะฤดูกาลนี้ทรอสซาร์ดทำผลงานได้ดีมากๆและนี่ก็คือ 5 เหตุผล (ความจริงมีอีกหลายเหตุผล) ที่ทำให้อาร์เซนอลฟอร์มแรงจนสามารถรั้งตำแหน่งจ่าฝูงได้อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นจ่าฝูงมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่จบเกมพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 3 แล้ว และถ้าหากนับเป็นสัปดาห์เกมลีกแล้วไอ้ปืนใหญ่ก็รั้งจ่าฝูงมาอย่างต่อเนื่อง 15 สัปดาห์แล้ว (เกมลีกสัปดาห์ที่ 7 งดเตะ) และจนถึงตอนนี้เรียกได้ว่าอาร์เซนอลคือทีม "ลุ้นแชมป์" ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว นี่คือการกลับมามีลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้งในรอบหลายปี และห่างหายกับการเป็นแชมป์ลีกนานเกือบ 20 ปี หลังจาก "แชมป์ไร้พ่าย" ในฤดูกาล 2003/2004 คือแชมป์ลีกสมัยล่าสุด แฟนๆ เดอะ กันเนอร์สก็มาคอยเอาใจช่วยให้อาร์เตตาและลูกทีมทุกคนรักษาฟอร์มการเล่นให้สุดยอดแบบนี้ไปอีกครึ่งซีซั่น เพราะนี่ก็เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งทางของการแข่งขันเองส่วนผมนั้นที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลก็ขอเป็นอีกคนที่เอาใจช่วยอาร์เซนอลเช่นกันครับ เพราะครั้งนึงก่อนที่จะเชียร์หงส์แดงก็เคยเป็นแฟนปืนมาก่อน อยากเห็นอาร์เซนอลกลับมาเป็นแชมป์ลีกอีกครั้ง สู้ๆ ครับขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Facebook ของอาร์เซนอลภาพปก 1, ภาพปก 2 และภาพปก 3ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5 และภาพประกอบ 6 ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกีฬา เข้ามาคุยกันได้เลย