ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มี "ปาฏิหาริย์" สำหรับ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โดน "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิคบุกมาเฉือนชนะถึงถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดและส่งให้แมนยูนั้นต้องตกรอบของศึกยูฟา แชมเปียนส์ลีก จบในอันดับที่ 4 ของกลุ่มและไม่ได้แม้กระทั่งลงไปเล่นในยูโรปา ลีก ส่งผลให้อุณหภูมิความร้อนเก้าอี้ของเอริก เทน ฮากนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หลังเกมนี้มีหลากหลายประเด็นให้พูดคุยพอสมควร แต่ผมขออนุญาตหยิบมาแค่ 5 ประเด็นก็พอครับ จะมีเรื่องหรือประเด็นอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ1. ทำไมแมคทอมยืนสูงกว่าบรูโนในเกมนี้เอริก เทน ฮากจัดระบบการเล่น 4-2-3-1 โดยแผงหลังนั้นจัดได้ตามปกติ (ซักที) แบ็คซ้ายใช้ลุค ชอว์และคู่เซนเตอร์ก็กลับมาใช้งานราฟาเอล วารานอีกครั้ง แต่แดนกลางนี่สิ เทน ฮากวางสก็อตต์ แมคโทมิเนย์ในตำแหน่งเบอร์ 10 และถอยบรูโน แฟร์นันด์สไปยืนคู่ในกับโซฟิยาน อัมราบัต คำถามคือแมคทอมเล่นเบอร์ 10 ได้หรือออออออออออออ?เหตุผลประการใดคุณถึงเอานักเตะที่ถือว่าเป็นคนที่อันตรายและมีพิษสงมากที่สุดในทีมไปอย่างบรูโนอยู่ห่างจากกรอบเขตโทษของคู่แข่งและจับนักเตะที่ Work Rate นั้นต่ำพอๆ กับความคิดสร้างสรรค์ไปยืนแทน เพราะมองยังไงก็มองไม่ออกว่าแมคทอมจะเล่นในบทบาทของเพลย์เมกเกอร์ได้ดีกว่าบรูโน เดี๋ยวจะหาว่าผมอคติกับแมคทอม ผมมีสถิติของแมคโทมิเนย์มาฝากครับโอกาสยิง: 0 ครั้งผ่านบอลสำเร็จ: 28 ครั้งKey Pass: 0 ครั้งเลี้ยงบอลสำเร็จ: 0 ครั้งนี่คือสถิติของกองกลางตัวรุกที่คุณจับมาเล่นจริงๆ หรอเทน ฮาก ผ่านบอลยังไม่ถึง 30 ครั้งเลย แต่คุณให้ยืนตัวบนสุดของกองกลาง แต่ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้กองหน้าได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ตัดภาพมาที่บรูโนจ่ายบอลสำเร็จแตะหลัก 40 ครั้ง มี 1 คีย์พาส แถมเวลาเสียบอลแมคทอมก็ได้แค่วิ่งจ๊อกกลับมาแย่งบอล วิ่งให้พอเป็นพิธี ไม่ได้ใส่สุดแบบบรูโน ทั้งๆ เกมนี้คือเกมที่สำคัญที่สุดเกมนึงในฤดูกาลนี้เลย เกมชี้ชะตาของทีมแต่เล่นแบบไม่เต็มร้อยและจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมนักเตะอย่างสก็อตต์ แมคโทมิเนย์ถึงยังได้ลงแบบต่อเนื่อง โอเค แมคทอมอาจจะเป็นกองกลางที่สามารถสอดขึ้นมาทำประตูได้ตลอด แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็จับแมคทอมยืนกองหน้าไปเถอะเทน ฮาก เอาลงมาเล่นกองกลางก็เสียดายสล็อตของกองกลางคนอื่นซะเปล่าๆ2. ติดขัดๆ ทั้งคู่ผมเชื่อว่าคนที่ได้ดูเกมนี้จะเห็นได้ถึงความติดๆ ขัดๆ ของทั้ง 2 ทีม ทั้งผีแดงและพี่เสือนั้นมีจังหวะที่สะดุดทั้งคู่ แมนยูนี่ไม่ต้องพูดถึงสะดุดเป็นปกติอยู่แล้ว จ่ายบอลก็ยังไม่ค่อยตรงกันเลย แต่กับบาเยิร์นนั้นดูเหมือนจะยังไม่ได้ใส่เต็มร้อย อาจจะเพราะว่าตัวเองนั้นเข้ารอบไปเรียบร้อยในฐานะแชมป์กลุ่มด้วย ซึ่งโธมัส ทูเคิลก็ยังจัดตัวผู้เล่นแบบจัดเต็มอยู่พอสมควร แต่ผู้เล่นระดับทีม No.1 ของเยอรมันแต่ดูแล้วก็ยังเล่นกันแบบไม่ซิงค์กันเท่าไหร่ และทำให้สถิติที่ออกมาไม่ได้ต่างแมนยูเท่าไหร่ผ่านบอล: แมนยู 409 ครั้ง | บาเยิร์น 606 ครั้งความแม่นยำการผ่านบอล: แมนยู 83.1% | บาเยิร์น 88%ผ่านบอลในแดนคู่แข่ง: แมนยู 226 ครั้ง | บาเยิร์น 253 ครั้งผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย: แมนยู 57 ครั้ง | บาเยิร์น 50 ครั้งส่วนตัวไม่ค่อยได้ติดตามบุนเดสลีกาเท่าไหร่จึงไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือฟอร์มปกติของพี่เสือหรือเปล่า เกมวันนี้อาจจะผิดฟอร์มเพราะตัวเองก็เข้ารอบไปแล้วจึงไม่มีเหตุผลต้องใส่เต็มเท่าไหร่ เซฟๆ และประคองตัวผู้เล่นไม่ให้เจ็บน่าจะดีกว่า แถมสุดท้ายเสือใต้ก็ยังทำสถิติไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่มต่อไปอีกเรื่อยๆ หลังจบเกมนี้พวกเขาไร้พ่ายในรอบแบ่งกลุ่ม UCL 40 เกม (ชนะ 36 เสมอ 4) โหดเกินนนนนนนนนนน3. คิม มิน-แจ เก็บเรียบหมดผมบอกได้เลยว่านี่คือหนึ่งในการซื้อนักเตะที่ดูดีที่สุดดีลนึงในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมานี้ สำหรับดีลของ "คิม มิน-แจ" ที่เสือใต้ไปคว้าตัวมาจากแชมป์กัลโช ซีเรียอาอย่าง "นาโปลี" ผมบอกเลยว่ากองหลังชาวเกาหลีใต้คนนี้คือ "ของดี" เพราะเจอมากับตัวแล้วในฤดูกาลที่แล้วที่นาโปลีเจอกับลิเวอร์พูลในยูซีแอล บอกตรงๆ อย่างกะ "ตัวอีดิท" แล้วยิ่งมาเจอกันตอนช่วงพรี-ซีซันอีก เกมรุกของลิเวอร์พูลก็โดนเขาเก็บเรียบอีกเช่นกัน เช่นเดียวกันกับแมนยูในเกมนี้ คิม มิน-แจก็ผนึกกำลังกับดาโยต์ อูปาเมกาโนได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะสถิติของอูปาเมกาโนก็ดีไม่แพ้มินแจเลย จนสถิติหลังเกมเป็นดังนี้ครับแย่งบอลสำเร็จ: 5 ครั้งเคลียร์บอล: 2 ครั้งผ่านบอลสำเร็จ: 77 ครั้ง (ทั้งหมด 79 ครั้ง)นี่ยังไม่รวม Performance ที่นอกเหนือจากนี้อีกนะ ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างที่สูงใหญ่แต่คิม มินแจกลับมีสปีดความเร็วที่สามารถไล่ตามคู่แข่งได้แบบไม่เป็นสองรองใครเลย อย่างที่บอกไปครับว่าลิเวอร์พูลเคยเจอกับนาโปลีในฤดูกาลที่แล้ว ภาพนึงที่ติดตาผมเลยคือโม ซาลาห์กำลังสวนกลับ กำลังหลุดเลยแต่มีร่างยักษ์ร่างนึงกำลังวิ่งไล่กวดมาและมาถึงตัวซาลาห์แบบทันทีทันใด ทั้งๆ ที่สปีดของซาลาห์ก็ใช่ย่อยที่ไหนแถมทิ้งห่างพอสมควร แต่มินแจสามารถไล่ตามทันได้ สุดยอดมากๆ สำหรับคิม มินแจ4. ดาโลต์ลูกรักเทน ฮากผ่านบอลสำเร็จ: 33 ครั้ง (ทั้งหมด 44 ครั้ง)ชนะการแทคเกิล: 0 ครั้งครอสบอล: 4 ครั้ง (สำเร็จ 0 ครั้ง)แย่งบอลสำเร็จ: 13 ครั้งนี่คือสถิติของดิโอโก ดาโลต์ที่ในเกมนี้ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง โอเคแหละสถิติในการแย่งบอลนั้นดูดีอยู่ แต่อย่างอื่นนี่...เหลือจะเชื่อเหมือนกันที่แมนยูยังเก็บผู้เล่นคนนี้ไว้กับทีมอยู่ เพราะฟอร์มการเล่นไม่ได้คู่ควรกับการเล่นให้แมนยูเลย เล่นแบ็คยังไงให้ครอสบอลสำเร็จเป็นศูนย์ เล่นเกมรับยังไงให้ปะทะกับใครไม่ชนะเลย การผ่านบอลอีกก็เช่นกัน ผ่านบอลดูเหมือนจะเยอะนะ แต่ถ้าหากลงไปเจาะที่สถิติจริงๆ แล้วจะเห็นได้ว่าการผ่านบอลคืนเพื่อนหรือย้อนหลังนั้นแทบจะไม่ต่างจากผ่านบอลขึ้นหน้าเลยแถมพอลุค ชอว์เจ็บและต้องเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง เทน ฮากก็ยังเลือกที่จะโยกดาโลต์ไปเล่นแบ็คซ้ายแทน ทั้งๆ ที่มีเซอร์ฆิโอ เรกิลอนที่เป็นแบ็คซ้ายธรรมชาติอยู่บนม้านั่งสำรองแต่ก็ไม่ใช้แล้วคุณจะยืมมาทำไม ถ้าในเมื่อยืมมาแล้วก็ไม่ใช้แล้วยังจะเอาแบ็คขวามาเล่นแทนอีก ไม่เข้าใจจุดนี้จริงๆ ดาโลต์มีอะไรดีกว่าเรกิลอน ทำไมถึงเลือกใช้ดาโลต์ก่อนแบ็คซ้ายธรรมชาติที่มีอยู่5. เสียแมคไกวร์ก่อนแดงเดือดนี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดของเกมนี้เลยสำหรับแมนยู ใหญ่พอๆ กับการแพ้และตกรอบ เพราะ ณ วินาทีต้องยอมรับจริงๆ ว่าแฮร์รี แมคไกวร์นั้นคือ "เดอะ แบก" ของทีม เป็นนักเตะที่ฟอร์มดีที่สุดของทีมแล้ว ถ้าจะบอกว่าเขาคือฟอร์มดีกว่าทุกคนในทีมก็พูดได้เลยและนี่คือสถิติของแมคไกวร์ในครึ่งแรกของแมคไกวร์ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บบริเวณโคนขาหนีบและโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายของครึ่งแรกผ่านบอล: 26 ครั้งผ่านบอลแม่นยำ: 93%วางบอลยาวสำเร็จ: 4 ครั้ง (ทั้งหมด 5 ครั้ง) ชนะการดวลกลางอากาศ: 100%เคลียร์บอล: 3 ครั้งแย่งบอลสำเร็จ: 2 ครั้งจากนักเตะที่เคยเป็นตัวตลกของคู่แข่ง เป็นที่ระบายของแฟนๆ เป็นบ่อน้ำมันของทีมแต่ในวันนี้เขาคือนักเตะที่แฟนบอลไม่อยากให้เจ็บแต่สุดท้ายก็เจ็บทั้งๆ ที่กำลังมีฟอร์มการเล่นที่ดีเลย ขนาดผมที่เป็นแฟนลิเวอร์พูลยังเสียดายเลย อุตส่าห์กลับมาเล่นดี กลับมาเป็นที่รักของแฟนบอลแต่ก็เจออาการบาดเจ็บเล่นงานอีกและกำลังจะไม่ได้ลงเล่นในเกมแดงเดือดวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคมนี้อีก ยังไงก็ขอให้หายกลับมาไวๆ นะพี่แมคสถิติหลังเกมที่น่าสนใจแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจบอันดับบ๊วยของกลุ่มเป็นครั้งที่ 2 ของการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม UCL ครั้งแรกคือฤดูกาล 2005/2006บาเยิร์น มิวนิคชนะเกมเยือนของรอบแบ่งกลุ่ม UCL มาแล้ว 9 เกมติดต่อกัน ยืดสถิติที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ต่อไปแมนยูแพ้คาบ้าน 2 เกมในรอบแบ่งกลุ่มยูซีแอลเป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 1996/1997 ที่แพ้ต่อเฟเนร์บาเชและยูเวนตุสแพ้ 12 เกมจาก 24 เกมทุกรายการ นี่คือผลการแข่งขันของแมนยูในฤดูกาลนี้ (ที่เหลือชนะ 11 เสมอ 1) เท่ากับที่แพ้ตลอดทั้งฤดูกาลที่แล้ว (ชนะ 41 เสมอ 9 แพ้ 12)5 ประตูหลังสุดของคิงสลีย์ โกมองนั้นล้วนมาจากเกมเยือนทั้งสิ้น เทียบกับ 11 ประตูแรกที่เขาทำได้ก่อนหน้านี้ที่ยิงเกมเยือนได้เพียง 2 ประตูแฮร์รี เคนเป็นนักเตะคนแรกของ 5 ลีกใหญ่ของยุโรปที่มีส่วนร่วมถึง 30 ประตูในฤดูกาลนี้โดยแบ่งเป็น ยิง 22 แอสซิสต์ 8 จากการลงเล่นทุกรายการ และทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ในยูซีแอลฤดูกาลนี้ มากที่สุดของเจ้าตัวในการเล่นยูซีแอลแต่ละครั้ง (แต่ละครั้งไม่เคยแอสซิสต์ถึง 3 ครั้ง)ฤดูกาลนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเสียไปแล้ว 15 ประตูในยูฟา แชมเปียนส์ลีก กลายเป็นทีมจากพรีเมียร์ลีกที่เสียประตูมากที่สุดตลอดกาลในรอบแบ่งกลุ่มของรายการนี้ (นับแบบต่อหนึ่งฤดูกาล)ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าอนาคตของเอริก เทน ฮากจะเป็นอย่างไรเหมือนกัน เพราะแว่วๆ มาว่าบอร์ดบริหารของแมนยูนั้นจะให้โอกาสถึงก่อนตลาดซื้อขายหน้าหนาวนี้ เพราะนอกจากจะตกรอบแล้วยังทำให้แมนยูต้องสูญเงินกว่า 28 ล้านปอนด์ ต้องก็รอดูกันต่อไปครับว่าเทน ฮากจะสามารถพาทั้งตัวเองและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้หรือไม่ หรือขึ้นปี 2024 มาแมนยูอาจจะไม่มีผู้จัดการทีมที่ชื่อ "เอริก เทน ฮาก" ก็เป็นได้ บทความที่เกี่ยวข้องสาลิกาไร้ที่ติ, เดอะแบก แมคไกวร์!!! 5 ประเด็นหลังเกมนิวคาสเซิล พบ แมนยู"ค็อบบี ไมนู" แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของแมนยูจับตรงไหนก็เจ็บ!!! เจาะปัญหาทั้ง 4 ตำแหน่งของแมนยู5 ประเด็นหลังเกมแมนซิตี้สอนบอลแมนยู ...Manchester is Blue5 ทางออกพาแมนยูฝ่ามรสุมขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta AnalystStatman DaveOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและบาเยิร์น มิวนิคภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4 และภาพประกอบ 5 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !