เมื่อพูดถึงชื่อของ เคนนี ดัลกลิช (Kenny Dalglish) สิ่งแรกที่แฟนบอลลิเวอร์พูลจะนึกถึงคือชายผู้ที่เป็นทั้งยอดนักเตะและสุดยอดผู้จัดการทีมที่นำความสำเร็จมากมายมาสู่สโมสร ฉายา "King Kenny" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากความสามารถอันล้นเหลือ ความมุ่งมั่น และความรักที่เขามีให้กับลิเวอร์พูลแบบหมดหัวใจ เขาคือบุคคลที่อยู่เบื้องหลังยุคทองของหงส์แดง และเป็นผู้ที่พาทีมผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วยความแข็งแกร่งของจิตใจ ดูบอลสดพรีเมียร์ลีก กดสมัครแพ็กเกจ TrueVisions Now ผ่าน TrueID คลิกเลย! 1. เส้นทางสู่การเป็นตำนาน ดัลกลิชเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ เซลติก ในสกอตแลนด์ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคว้าแชมป์ลีกสกอตแลนด์หลายสมัยก่อนจะย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลในปี 1977 ด้วยค่าตัว 440,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติของสโมสรในขณะนั้น การย้ายมาของเขาถือเป็นการสานต่อตำนานของ เควิน คีแกน ที่เพิ่งย้ายออกไป และดัลกลิชก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เขาเข้ามาเติมเต็มแนวรุกของลิเวอร์พูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยสไตล์การเล่นที่ชาญฉลาด การจบสกอร์ที่เฉียบคม และความสามารถในการสร้างสรรค์เกม ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของเดอะ ค็อปในเวลาอันรวดเร็ว 2. ทักษะการเล่น: อัจฉริยะลูกหนังที่หาตัวจับยาก ดัลกลิชไม่ใช่นักเตะที่มีความเร็วจัดหรือทักษะเลี้ยงบอลหวือหวา แต่เขาโดดเด่นเรื่อง การอ่านเกมและการเคลื่อนที่ เขารู้ว่าจังหวะไหนควรวิ่งทำทาง จังหวะไหนควรเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีม และที่สำคัญ เขาคือกองหน้าที่ จบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการยิงไกล ยิงในกรอบเขตโทษ หรือการโหม่ง นอกจากนี้ ดัลกลิชยังเล่นได้หลากหลายบทบาท เขาเป็นทั้งกองหน้าตัวเป้าและเพลย์เมคเกอร์ที่สามารถลงมาล้วงบอลและจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างแม่นยำ ความสามารถนี้ทำให้เขาเล่นได้เข้าขากับ เอียน รัช เป็นอย่างดี ทั้งคู่กลายเป็นคู่หูที่น่าเกรงขามที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ 3. ความสำเร็จในฐานะนักเตะ ดัลกลิชพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ถึง 6 สมัย และยังคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบัน) ได้อีก 3 สมัย โดยหนึ่งในช่วงเวลาที่แฟนบอลจดจำได้คือประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปียนคัพปี 1978 ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะคลับ บรูช 1-0 ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่สอง 4. เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีม: ผู้นำที่แท้จริง หลังจากประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะ ดัลกลิชก็เปลี่ยนบทบาทมาเป็น ผู้เล่น-ผู้จัดการทีม ในปี 1985 เขาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่พาลิเวอร์พูลคว้า ดับเบิลแชมป์ (แชมป์ลีกและแชมป์เอฟเอคัพในฤดูกาลเดียวกัน) ในปี 1985-86 นอกจากนี้ เขายังพาทีมคว้าแชมป์ลีกอีก 2 สมัยในปี 1988 และ 1990 ช่วงที่ดัลกลิชคุมทีมถือเป็นยุคทองของลิเวอร์พูล แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากครั้งใหญ่จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโรห์ในปี 1989 ซึ่งมีแฟนบอลลิเวอร์พูลเสียชีวิตถึง 96 คน ดัลกลิชแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่แท้จริง โดยอยู่เคียงข้างครอบครัวผู้เสียชีวิตและช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่ แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้เขาต้องตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 1991 เพราะความเครียดและความกดดันที่สะสมมานาน แต่ชื่อของเขายังคงอยู่ในใจของแฟนบอลเสมอ 5. การกลับมาช่วยทีมในช่วงวิกฤต ในปี 2011 ดัลกลิชกลับมาคุมลิเวอร์พูลอีกครั้งในช่วงที่ทีมกำลังเผชิญกับวิกฤต เขาเข้ามาเปลี่ยนบรรยากาศในทีมและช่วยให้ลิเวอร์พูลกลับมาเล่นด้วยสไตล์ที่แฟนบอลคุ้นเคย แม้ว่าผลงานอาจจะไม่หวือหวาเหมือนยุคแรก แต่เขาก็พาทีมคว้าแชมป์ ลีกคัพ ได้ในปี 2012 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับผู้จัดการทีมคนใหม่ 6. ความเป็นตำนานที่ไม่มีวันลบเลือน ไม่ว่าจะในฐานะนักเตะหรือผู้จัดการทีม เคนนี ดัลกลิช คือตำนานที่แท้จริงของลิเวอร์พูล และเขาคือสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี ความทุ่มเท และความเป็นผู้นำที่หาตัวจับยาก ในปี 2017 ลิเวอร์พูลได้ตั้งชื่อ อัฒจันทร์ฝั่งเคนนี ดัลกลิช (The Kenny Dalglish Stand) เพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อสโมสรอย่างแท้จริง สรุป: King Kenny – ราชาผู้ครองหัวใจเดอะ ค็อป เคนนี ดัลกลิชไม่ใช่แค่ผู้ที่ทำประตูสำคัญให้กับลิเวอร์พูล แต่เขาคือหัวใจของทีมในช่วงเวลาที่รุ่งเรืองที่สุดและยากลำบากที่สุด หากจะนิยามเขาด้วยคำสั้น ๆ คงต้องบอกว่า “King Kenny คือผู้ที่ทำให้ลิเวอร์พูลเป็นมากกว่าสโมสรฟุตบอล” เขาเป็นทั้งตำนาน ผู้จัดการทีม และคนที่แฟนบอลจะจดจำตลอดไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่รุ่น ราชาแห่งแอนฟิลด์จะไม่มีวันถูกลืม ภาพจาก Facebook Liverpool FC ภาพที่ 1 ภาพที่ 2 ภาพที่ 3 ภาพที่ 4 ภาพหน้าปก ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !