รีเซต
5 ประเด็นสำคัญ "หงส์แดง" ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ล่าแชมป์สโมสรโลก!!

5 ประเด็นสำคัญ "หงส์แดง" ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ล่าแชมป์สโมสรโลก!!

5 ประเด็นสำคัญ "หงส์แดง" ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ล่าแชมป์สโมสรโลก!!
TrueID Sport Team
16 ธันวาคม 2562 ( 14:11 )
2.4K
17

จากการเถลิงบัลลังก์แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้สิทธิเป็นตัวแทนในฐานะ “แชมป์ยุโรป” ลงฟาดแข้งในศึกฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2019” ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์

ที่ผ่านมาตั้งแต่อดีต ลิเวอร์พูลยังไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์รายการนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นโอกาสดีที่เดอะค็อปจะได้ฉลอง “แชมป์โลก” ระดับสโมสรเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา

สำหรับ ลิเวอร์พูลได้เข้าไปยืนรอในรอบรองชนะเลิศ โดยจะพบกับ มอนเตอร์เรย์ สโมสรจากเม็กซิโก ในคืนวันพุธที่ 18 ธ.ค. เวลาเที่ยงคืนครึ่ง จากนั้นทีมที่ชนะจะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ พบกับผู้ชนะคู่ระหว่าง ฟลาเมงโก้ (บราซิล) กับ อัล ฮิลาล (ซาอุดีอาระเบีย) ในวันที่ 21 ธ.ค. ส่วนทีมแพ้จะไปชิงอันดับสาม ในวันเดียวกัน

เช็คขุมกำลัง

กุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ พาลูกทีมพกพาสปอร์ตไปลุยกรุงโดฮาทั้งสิ้น 20 ราย โดยไร้ชื่อผู้เล่นบาดเจ็บ ได้แก่ เดยัน ลอฟเรน, โจเอล มาติป และฟาบินโญ่ ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่แอนฟิลด์

(Photo by Andrew Powell/Liverpool FC via Getty Images)

สำหรับแข้งหงส์ชุดล่าแชมป์สโมสรโลกทั้ง 20 รายประกอบด้วย ผู้รักษาประตู : อลิสซอน, อาเดรียน, แอนดี้ โลเนอแกน กองหลัง : เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์, โจ โกเมซ, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เนโก วิลเลี่ยมส์

กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, อดัม ลัลลาน่า, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เคอร์ติส โจนส์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, เซอร์ดาน ชากิรี่ กองหน้า : โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิวอก โอริกี้

ลุ้นฉลองสมัยแรก

(Photo by Shaun Botterill/Getty Images)

ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูลเคยลุยสังเวียนแข้งสโมสรโลกมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อปี 2005 ซึ่งครั้งนั้น ทีมหงส์แดงภายใต้การคุมทัพของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ ทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็อกหักได้รองแชมป์ หลังจากพ่ายต่อเซา เปาโล จากบราซิล 0-1

ดังนั้นหากลิเวอร์พูลกระชากแชมป์กลับอังกฤษได้สำเร็จก็จะถือเป็นแชมป์สโมสรโลกสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และจะเป็นสโมสรจากอังกฤษทีมที่ 2 ที่ได้สัมผัสแชมป์นี้ ต่อจากแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเคยทำได้เมื่อปี 2008

เงินรางวัล

(Photo by Legan P. Mace/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

การมาร่วมวงดวลแข้งในทัวร์นาเมนท์นี้ ลิเวอร์พูลได้เงินเข้ากระเป๋าเบื้องต้นแน่ๆ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะได้เงินรางวัลเพิ่มเติมตามผลงานที่ออกมา โดยทีมแชมป์รายการนี้จะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านเหรียญสหรัฐ รองแชมป์ได้ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับ 3 ได้ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และอันดับ 4 ได้ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ

คู่แข่งอันตราย

ลิเวอร์พูลได้ออกสตาร์ทในรอบรองชนะเลิศ พบกับ มอนเตอเรย์ จากเม็กซิโก ซึ่งเข้ามาถึงรอบนี้ด้วยการปราบ “เจ้าถิ่น” อัล ซาดด์ สโมสรของกาตาร์ 3-2 ในรอบที่แล้ว

(Photo by Hector Vivas/Getty Images)

สำหรับ มอนเตอเรย์ จากเม็กซิโก เป็นเจ้าของแชมป์โซนคอนคาเคฟ ซึ่งมีประสบการณ์ในรายการนี้พอสมควร หลังจากเคยผ่านสังเวียนชิงแชมป์สโมสรโลกมาแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการได้อันดับสาม เมื่อปี 2012

มอนเตอเรย์ชุดนี้มีผู้เล่นที่น่าจับตามองหลายคน นำโดยแข้งดีกรีทีมชาติเม็กซิโก อาทิ โรดอลโฟ ปิซาร์โร, เซซาร์ มอนเตส, มิเกล ลายุน, เชซุส กายาร์โด และคาร์ลอส โรดริเกซ รวมถึง แม็กซ์ เมซ่า มิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนตินา

ส่วนอีกหนึ่งทีมแกร่งที่ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นคู่ชิงกับลิเวอร์พูล นั่นคือ ฟลาเมงโก้ สโมสรดังของบราซิล เจ้าของแชมป์โคปา ลิเบอตาโดเรส หรือเทียบง่ายๆคือเจ้าของถ้วยยูซีแอล เวอร์ชั่นอเมริกาใต้นั่นเอง

(Photo by Raul Sifuentes/Getty Images)

ฟลาเมงโก้ชุดดนี้นำมาโดยแม่ทัพ ฮอร์เก้ เชซุส อดีตกุนซือของเบนฟิก้า พร้อมกับมีผู้เล่นประสบการณ์สูงที่เคยผ่านสมรภูมิแข้งในยุโรปมาอย่างโชกโชน ซึ่งแฟนบอลล้วนคุ้นหูคุ้นตากันดี ไม่ว่าจะเป็น เฟลิเป้ หลุยส์ (เชลซี,แอต.มาดริด) ราฟินญ่า (ชาลเก้,บาเยิร์น มิวนิค) ดีเอโก้ (เบรเมน,ยูเวนตุส,แอต.มาดริด) ตลอดจน ดีเอโก้ อัลเวส นายทวารจอมเซฟจุดโทษ สมัยเฝ้าเสาให้กับบาเลนเซีย  และ “กาบิโกล์” กาเบรียล บาร์โบซ่า หัวหอกจอมห้าววัย 23 ปี ซึ่งฟลาเมงโก้ ยืมตัวมาจากอินเตอร์ มิลาน

วิเคราะห์โอกาสฉลองแชมป์

แม้มนต์ขลัง ความสำคัญ หรือแม้แต่เงินรางวัลของรายการนี้อาจจะดูด้อยกว่าทัวร์นาเมนต์อื่นๆ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของการได้ชื่อว่าเป็น  “แชมป์สโมสรโลก” นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ เจอร์เกน คล็อปป์ ต้องให้ความสำคัญ และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือสังเวียนแข้งแอนฟิลด์ยังไม่เคยได้ต้อนรับโทรฟี่แชมป์รายการนี้เข้าสู่ตู้โชว์ถ้วยรางวัลของสโมสรมาก่อนเลย

และเมื่อพิจารณาจากขุมกำลังที่คล็อปป์จับขึ้นเครื่องบินมุ่งตรงสู่กาตาร์ บอกได้เลยว่า “หงส์เอาจริง!”

(Photo by Andrew Powell/Liverpool FC via Getty Images)

แน่นอนว่า ด้วยมาตรฐานการเล่นและฟอร์มอันดุเดือดเลือดพล่าน ทำให้บรรดากูรูทุกสำนักต่างพร้อมใจกันยกให้ลิเวอร์พูลเป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ เพราะผู้เล่นแกนหลักมากันครบถ้วน แถมยังไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับเกมพรีเมียร์ลีกมากนัก เนื่องจากทีมหงส์แดงสยายปีกครองบัลลังก์จ่าฝูงโดยมีแต้มห่างอันดับสอง เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ถึง 10 แต้มเลยทีเดียว

หลังจากปีนี้ได้ฉลองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ มาแล้ว สาวกเดอะค็อปมีโอกาสสูงมากที่จะได้สัมผัสแชมป์ “ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ” เป็นรายการที่สามในปีปฏิทิน 2019

(Photo by Metin Pala/Anadolu Agency/Getty Images)

ฟันธง!! แชมป์ฟุตบอลสโมสรโลก 2019 จะตกเป็นของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล หากผิดจากนี้เอาแบงค์พันมาปาใส่หน้าได้เลย

แต่ปาใส่แล้ว ไม่คืนให้นะครับ..อิอิอิ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

>> เดี้ยงอีกราย!! ไวจ์นัลดุม เจ็บต้นขาส่อชวดช่วย หงส์แดง บู๊บอลสโมสรโลก

>> ซาลาห์เบิ้ล! “หงส์แดง” ซัดวัตฟอร์ด 2-0 ก่อนบินลุยชิงแชมป์สโมสรโลก

– ดูบอลสดฟรี! พรีเมียร์ลีก มากกว่า 100 คู่ คลิก ID Station
– ดู พรีเมียร์ลีก online คลิกที่นี่
– สมัครชม พรีเมียร์ลีกทั้งฤดูกาล คลิกที่นี่

ยอดนิยมในตอนนี้

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี