ถึงนาทีนี้ถ้าเป็นภาษาฟุตบอล ต้องบอกเลยว่าเหลือม้าที่แข่งคั่วแชมป์กันอยู่เพียงแค่ 3 ตัวเท่านั้น สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2023 - 2024 หลังการปราชัยอย่างหมดรูปของลิเวอร์พูลต่ออาร์เซน่อลในแมทซ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้ทัพสีหนาทปืนไฟกลับเข้าสู่วงโคจรลุ้นแชมป์ได้อีกครั้ง สำหรับเด็กปืนคงจะภูมิใจในทีมรัก แต่สำหรับเด็กหงส์นั้นเป็นอะไรที่กลับตาลปัตรพลิกข้าง เนื่องด้วยวันนี้ก็เป็นนัดที่ 3 แล้วหลังจากที่โคตรกุนซือในดวงใจอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์ประกาศว่าจะลาออก ลิเวอร์พูลที่เคยเล่นแบบถวายหัวเพื่อโค้ชมา 2 นัด วันนี้กลับเฉื่อยชาและต้านทานฝั่งอาร์เซน่อล ที่ก็เหมือนมีแรงจูงใจไม่ไหว ฮานีมูนดูจะจบเร็วซะแล้ว และตั้งแต่ย่อหน้าข้างล่างนี่ไปจะเป็นการเล่าสู่กันฟังครับ ว่าหงส์แดงทำอะไรแย่ๆในแมทซ์นี้เอาไว้บ้าง 1. แรงจูงใจของลิเวอร์พูลอาจจะสู้อาร์เซน่อลไม่ได้จริงอยู่ครับว่าเจอร์เก้น คล็อปป์จะอยู่คุมทีมเป็นปีสุดท้าย และเมื่อฟังจากบทสัมภาษณ์นักเตะลิเวอร์พูลหลายๆคนก็เห็นตรงกันหมด ว่าพวกเขาจะเล่นให้ดีที่สุดเพื่อส่งโค้ชที่พวกเขารักให้จบกับทีมแบบสวยๆ สองนัดล่าสุดที่ผ่านมา แม้ลิเวอร์พูลจะเสียตัวผู้เล่นหลักไปให้กับเกมทีมชาติ แต่พวกเขาก็ยังหมุนเวียนผู้เล่นเอานักเตะเยาวชนมาเล่น แล้วก็เก็บผลการแข่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ ภาษากายวิธีการเล่นทุกอย่างดีหมด จนผมไม่คิดว่าลิเวอร์พูลที่มีบรัฟพลังขนาดนี้จะแพ้ใครได้อีกแล้ว แต่ก็ยังมีอาร์เซน่อลครับ เพราะทัพสิหนาทปืนไฟจากราชธานีลอนดอน ก็มีแรงจูงใจแรงกล้าเช่นกัน นั่นก็คือพวกเขาจะแพ้ไม่ได้อีกแล้ว แพ้เมื่อไหร่แต้มจะขาดเป็น 8 แต้ม ซึ่งมากเกินไปในมารตรฐานของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องชนะเกมในบ้านเกมนี้ให้ได้สถานเดียว เพื่อหยุดลิเวอร์พูลเอาไว้ก่อน แล้วสิ่งที่สะท้อนออกมากก็ชัดเจนมาก อาร์เซน่อลเล่นได้เกรี้ยวกราดกว่า วิ่งเข้าหาสู้ทุกจังหวะ ผนวกรวมกับเสียงเชียร์ที่ปลุกเร้า ทำให้ทัพปืนใหญ่เหมือนจะก้าวไวกว่าก้าวหนึ่ง มีลูกปะทะที่หนักหน่วงกว่า ลิเวอร์พูลต่อกรแทบไม่ได้เลย จนสุดท้ายก็ได้ประตูขึ้นนำจากซาก้า ซึ่งเป็นการเข้าทำแบบอาร์เซน่อลสไตล์จริงๆ 2. โดนนำปุ๊บ! หงส์พยายามจะสู้กลับแต่แพ้แท็คติกผมว่านี่คือสิ่งที่อาร์เตต้ากุนซือชาวสเปนได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาอาร์เซน่อลแทบไม่รู้จักการติดเบรค ยิงนำได้เมื่อไหร่พวกเขาจะใช้พละกำลังและทีมเวิร์คบุกขยี้คู่แข่งให้แหลกเหลว ตายได้คือตาย! ทุบได้คือทุบ! ลูก 2 , ลูก 3 ต้องมา แต่วันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะหลังจากยิงได้อาร์เซน่อลก็เลือกที่จะใช้แท็คติกถอยลงไปตั้งรับและปิดพื้นที่ ส่งผลให้ลิเวอร์พูลที่มีตัวริมเส้นที่เร็วอย่างหลุยส์ ดิแอส แทบไม่มีบทบาท เมื่อไม่มีสนามหญ้าให้วิ่งพิษสงของเขาก็เหลือแค่การเลี้ยงตัดในเข้ามายิง ซึ่งมันอ่านออกแสนจะง่ายดาย และเมื่อทำไม่ได้เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลท์ ก็จะต้องเติมเกมขึ้นมาเปิดบอล อาร์เซน่อลก็เลยมีช่องว่างตรงแบ็คฝั่งนี้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีสนามหญ้าให้มาร์ติน เนลลี่ย์ ได้ใช้ความเร็ววิ่งลากเลื้อยไปกับบอลได้อย่างสะดวก แท็คติกนี้ลิเวอร์พูลโดนเล่นงานแทบจะตลอดหลังเสียประตูแรกไป รับแน่นๆ ใช้แดนกลางบดขยี้เร็วเพื่อแย่งเอาบอล แล้วแทงมายังพื้นที่ว่างบริเวณที่เทรนด์ อาโนลท์ หลุดตำแหน่ง ทำให้ไอ้ปืนโตคุมเกมนี้ไว้ได้เกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ โคนาเต้ของลิเวอร์พูลโดนใบเหลืองแรกก็เพราะแท็คติกนี้ ก่อนที่ท้ายสุดแล้วเจ้าตัวจะโดนเหลือง 2 และโดนไล่ออกไป 3. ลูกตีเสมอ 1 - 1 แบบงงๆ ของลิเวอร์พูลเจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์หลังเกมไว้ว่า "เรายิงประตูแรกได้ทั้งที่ยิงไม่เข้ากรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว" ในเสี้ยววินาทีแรกผมคิดในใจว่า นี่คือฟอร์มของทีมที่จะเป็นแชมป์ชัดๆ โชควาสนามักจะประทานพรในวันที่ทีมเล่นแย่ และมักจะมีเหตุผลดลใจแบบนี้เสมอ เพราะมันเป็นเรื่องจริงครับว่าอาร์เซน่อลเกิดอาการแพ้ภัยตัวเอง บอลไม่มีอะไรเลย แต่พวกเขาก็ดันเล่นพลาดกันเองแบบง่ายๆ จนบอลกระเด้งไปโดนแขนกาเบรียล มากาเยส เข้าประตูตัวเอง แล้วก็จบครึ่งแรกไปแบบช็อคๆ แฟนบอลในเอมิเรตสเตเดียมนี่คือเงียบกริบ โดนยิงตอนไหน? บอลมันเข้าประตูได้ยังไง? พวกเขายังไม่รู้ตัวเลย ช็อตนี้ถือว่าลิเวอร์พูลดวงล้วนๆ และทำให้ครึ่งหลังพวกเขายังพอมีความหวัง 4. อาร์เซน่อลพลาดได้ ทำไมลิเวอร์พูลจะพลาดไม่ได้เกมฝั่งทีมเยือนเริ่มกระเตื้องขึ้นมาหลังเริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเริ่มจะจับจังหวะการเล่นได้บ้าง แต่ก็ยังทำลายกำแพงแนวรับ และแผงกองกลางของอาร์เซน่อลในวันนี้ไม่ได้ สิ่งที่ดูจะเป็นน้ำเป็นเนื้อหน่อยของลิเวอร์พูลเห็นจะเป็นการส่องไกลของแม็ค อลิสเตอร์ แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะเข้ากรอบ จนกระทั่งช็อตเปลี่ยนเกมอีกครั้งมาถึง หลังกัปตันทีมอย่างฟานไดร์จดันไปกะจังหวะบอลโด่งผิด เขาน่าจะเกิดอาการสองจิตสองใจ ว่าจะเตะออกหรือจะเก็บบอลเล่นดี สุดท้ายก็เลือกที่จะปล่อยบอลตกพื้นและบังทางมาร์ตินเนลลี่ย์เอาไว้ พลางปล่อยให้อลิซง เบรคเกอร์ วิ่งออกมาหวดสกัด แต่เดชุะบุญที่ดันสื่อสารกันผิดพลาด นายประตูบราซิลเตะจั่วลมและบอลก็กระเด้งตกอยู่ตรงนั้น ต่อหน้าต่อตามาร์ติน เนลลีย์ แล้วก็เป็นเจ้าตัวที่จบสกอร์ที่ง่ายดายที่สุดในชีวิตลูกหนึ่งเข้าไป ตู้มมมม!!! อาร์เซน่อลขึ้นนำอีกครั้ง 5. ใบแดงโคนาเต้ ทอร์ด ซาร์ยิงลอดขาปิดกล่องใบแดงของโคนาเต้ก็ตามที่เกริ่นไว้ในข้อข้างบนครับ ว่าเขาต้องรับผิดชอบงานเก็บกวาดมากเกินไป ต้องดวลความเร็วกับมาร์ติน เนลลีย์หลายจังหวะ ต้องคอยซ้อนความผิดพลาดของเทรนด์ อาโนลท์ ด้วย ทำให้ต้องตัดฟาล์วโดยไม่จำเป็น แล้วพอเจอช็อตจะๆเข้าตากรรมการเข้าไปก็เรียบร้อย 2 เหลืองแบบสมเหตุสมผล! ไม่มีค้านสายตาใดๆ ควรโดนทุกกรณี! ส่วนประเด็นของตัวสำรองอย่างทอร์ด ซาร์ ก็ต้องบอกเลยว่าลิเวอร์พูลคือของหวานล้างปากของเขา นักเตะคนนี้ยิงลิเวอร์พูลเป็นว่าเล่น เจอทีไรพี่แกยิงทุกที ยิ่งเป็นแมทซ์นี้ที่อาร์เซน่อลไม่มีความกดดันแล้ว สกอร์นำห่าง รูปเกมเหนือกว่า แถมเล่นในบ้านมีเสียงเชียร์หนุนหลัง จังหวะลากเลื้อยใช้ความเร็ว จังหวะง้างเท้าตะบันยิง ทอร์ด ซาร์ ดูมั่นใจไปหมด เพราะสำหรับผมที่เป็นเด็กหงส์ ผมแทบนึกไม่ออกเลยครับว่า อลิซง เบรคเกอร์ โดนยิงรอดขาแบบหยามๆ แบบนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? มันกลายเป็นประตูย้ำหัวตะปูส่งลิเวอร์พูลลงหลุม ความได้เปรียบของทัพหงส์แดงจบสิ้นลงแล้ว พวกเขาไม่ใช่ทีมหัวตารางที่น่าเกรงขามอีกต่อไป สรุปสุดท้าย อย่างที่บอกครับว่าความได้เปรียบของลิเวอร์พูลจบลงแล้ว ทว่าสำหรับผมต่อให้วันนี้ทีมจะแพ้อาร์เซน่อลก็จริง แต่ผมกลับไม่เห็นว่าอาร์เซน่อลจะน่ากลัวแต่อย่างใด เพราะความน่ากลัวที่แท้จริงนั้นคือทีมที่อยู่อันดับ 3 ณ ตอนนี้อย่างแมนซิตี้มากกว่า! ซิตี้ยังมีเกมในมืออยู่อีกสองเกม และถ้าพวกเขาเก็บได้หมด (ซึ่งก็น่าจะหมด) พวกเขาก็จะขึ้นแซงนำบนหัวตารางทันที สถิติมันก็บอกครับ ฝีเท้าก็แสดงกันให้เห็น ลองทีมเรือใบสีฟ้าขึ้นนำ ไม่มีทีมไหนในโลกหยุดพวกเขาได้หรอกครับ! ผมล่ะเสียวจริงๆว่าปีสุดท้ายของเจอร์เก้น คล็อปป์ จะลงเอยด้วยการมือเปล่า จากฝีมือการปล้นแชมป์เฉือนหวิวของเป๊บ กวาดิโอล่าอีกครั้ง! เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool Fc ภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 1 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 2 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 4 จาก FB : Liverpool Fc รูปที่ 5 จาก FB : Liverpool Fc เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี