มาถึงคราวคู่เอกประจำสัปดาห์นี้กันแล้วครับ หลังจากกวาดตาหาคู่มันส์ๆสูสีกันใน Fa Cup รอบ 3 นี้แทบไม่ได้ แล้วก็ถือว่าเป็นการพบกันแบบถูกเวลาด้วย เพราะฝั่งเจ้าบ้านอย่างอาร์เซน่อลก็เพิ่งแพ้แบบติดๆกันมา ตัวผู้เล่นแดนหน้าจำเป็นจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อเพิ่มมิติเกมรุก ส่วนฝั่งทีมเยือนอย่างลิเวอร์พูลก็ขาดผู้เล่นคนสำคัญอย่าง โม ซาล่าห์ กับ วาตารุ เอ็นโด ที่ต้องถูกเกณฑ์ไปรบช่วยชาติ มิหนำซ้ำแผงหลังก็ต้องมาขาดผู้นำอย่างฟาน ไดจ์ค จากอาการป่วยไปอีก จัดทีมได้ไม่เต็มสูบกันทั้งคู่ ส่วนรูปเกมจะออกมาหมู่หรือจ่า มาครับ! เรามาคุยหลังเกมกัน! 1. การยืนหน้าเป้าของไคน์ ฮาเวิร์ตอย่างที่บอกครับว่ามิเกล อาร์เตต้าน่าจะเปลี่ยนทีมเพราะเหตุผลของการจบสกอร์ อาร์เซน่อลใช้ไคน์ ฮาเวิร์ตขึ้นไปเล่นสูงเหมือนสมัยอยู่เชลซี ด้านขวายังคงเป็นชาก้าคนเดิม ส่วนด้านซ้ายแทนที่จะเป็นมาร์ตินเนลีย์ก็เปลี่ยเป็นเนลสัน ที่ก็สร้างความวูบวาบลากเลื้อยได้น่ากลัว และตรงกลางก็เป็นการกลับมาอีกครั้งของมิดฟิลด์อิตาลีอย่างจอร์จินโญ่ รูปเกมในช่วงแรกต้องบอกเลยว่า อาร์เซน่อลเล่นได้เป็นธรรมชาติของตัวเองมากกว่า พวกเขาเล่นเกมรุกบุกแหลกเข้าเพลสซิ่งดุดัน จนฝั่งลิเวอร์พูลแทบจะใช้รูขุมขนระบายลมหายใจ เรียกได้ว่าบุกหนักไม่ให้พักให้ผ่อน โจ โกเมสพลาด , แม็คอลิสเตอร์พลาด , เทรนด์ก็พลาด แต่ทว่ากลับกลายเป็นไคน์ ฮาร์เวิร์ตที่มีโอกาสหลายครั้งแต่ก็ยังลงทัณฑ์ไม่สำเร็จซะที 2. หงส์คิดถูกที่วันนี้เลือกใช้อลิสซง เบรคเกอร์ เฝ้าเสาเพราะโดยปกติแล้วในบอลถ้วยทีมใหญ่ๆมักจะให้โอกาสโกลมือสอง ทว่าในซีซั่นนี้แฟนบอลต่างเห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเควิน เคลเลอร์เฮอร์ หรือ "ลูกหมี" ยังไม่มีความนิ่งพอ ความหนึบเหนียวของเขานั้นช่างน้อยนิด ถ้าได้โอกาสเล่นตัวจริงในแมทซ์นี้ผมคิดว่าลิเวอร์พูลคงถูกระเบิดสกอร์น้ำบานไปตั้งแต่ครึ่งแรก จริงอยู่ว่าอลิสซงในแมทซ์นี้ก็ไม่ได้มีช็อตเซฟปาฏิหาริย์อะไร แต่อย่างน้อยการมีเขาเป็นคนคัดท้าย คอยตะโกนด่ากองหลังนู่นนี่แทนฟาน ไดจ์น ก็สร้างความเบาใจให้แฟนหงส์ได้หลายเปราะ 3. เจอร์เก้น คล็อปป์ โชว์การแก้เกมครึ่งหลังต้องออกตัวก่อนเลยครับว่าเท่าที่ดูมา บอลแมทซ์นี้เป็นวิธีการเล่นที่ไม่ใช่ทีมหงส์แดงเอาซะเลย พวกเขาเลือกใช้กลยุทธ์รับแล้วโต้ซึ่งเป็นกลวิธีที่ทีมเล็กมักจะใช้กับทีมใหญ่ แต่ในเมื่อแมทซ์นี้เป็นบอลถ้วย ความสวยงามคงไม่ใช่ประเด็น เอาเป็นว่าขอให้ส่งบอลสัมผัสก้นตาข่ายและเก็บชัยได้เป็นพอ บอสใหญ่แห่งเมืองเบียร์ก็เลยหมุนตำแหน่งนักเตะใหม่ เอาดาวิน นูนเญชที่ทำอะไรไม่ได้ในตำแหน่งหน้าเป้ามาเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย เอาหลุยส์ ดิแอชย้ายไปลากเลื้อยฝั่งขวา (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเขาเล่นตำแหน่งนี้) กั๊กโปถูกดันสูงขึ้นไปเล่นเป็นหน้าเป้า และยัดเอาฮาวีย์ เอลเลียต มาเล่นไล่บอลตรงกลางแทน จะเห็นว่าฟอร์เมชั่นการยืนไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่แค่คนที่เล่นนั้นเปลี่ยนไป นักเตะยังคงเข้าใจรูปแบบแต่เป็นฝั่งอาร์เซน่อลต่างหากที่สับสนวิธีการเล่นของผู้เล่นทีมเยือน เมื่อผิดกลิ่นผิดตัวกว่าจะหาวิธีรับมือได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ และนั่นก็ทำให้รูปเกมในครึ่งหลังของลิเวอร์พูลดูกระเตื้องขึ้นบ้าง มีโอกาสได้ทำเกมรุกไม่ได้ถูกกดอยู่ฝั่งเดียว 4. นาทีที่ 75 เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนดาวรุ่งลงมาสองคนอันนี้ล่ะครับที่ผมประหลาดใจ ทันทีที่ได้เห็นเจ้าหนูแบลดลี่ เบอร์ 84 กับ ไอ้หนุ่มคล้ากเบอร์ 42 ผมก็คิดในใจเลยว่าหรือคล็อปป์จะยอมแล้ว เขาคิดจะเก็บตัวเอลเลียตกับเคอร์ติส โจนส์ ไว้เล่นกับฟูลแล่มในลีกคัพวันพุธรึเปล่า เพราะทางฝั่งอาร์เซน่อลเองก็เริ่มกลับมาขึงได้หลังการลงมาของมาร์ตินเนลลีย์ ที่รายนั้นก็ลากบอลพาเทรนด์ อาร์โนลด์ ทัวร์หัวทิ่มหัวตำเสียผู้เสียคน แบรดลี่ลงมาประกบมาร์ตินเนลลีย์ ในขณะที่คล้ากก็กลายเป็นตัวพละกำลังตรงกลาง ผมดูไม่ออกจริงๆครับว่าตอนนั้นเกมของลิเวอร์พูลดีขึ้นไหม มันเหมือนง่อนแง่นจะโดนมิโดนแหล่ แต่ก็มาได้จังหวะเล่นลูกเซ็ตพลีสที่ก็เป็นเทรนด์ที่ปั่นบอลโค้งเข้าไปในเขตโทษ บอลเจ้ากรรมไซร้ไปลงหัวจาค็อป คิวัวแบ็คซ้ายอาร์เซนอล ก่อนจะกระเด้งเข้าประตูตัวเองไปแบบหน้าตาเฉย 5.ลิเวอร์พูลขึ้นนำทุกอย่างก็จบทีนี้ล่ะครับที่ผมเห็นลิเวอร์พูลเล่นบอลได้ดีกว่าอย่างชัดเจน อาจจะเป็นเพราะอาร์เซน่อลต้องการรุกเอาประตูคืนด้วย บอลนัดเดียวแพ้ตกรอบเสน่ห์มันอยู่ตรงนี้ ได้ก็ดีไม่ได้ก็เจ๊งผ้าป่าคว่ำไปเลย แต่ยิ่งเร่งก็ยิ่งเสียยิ่งกองเชียร์เจ้าบ้านเชียร์เสียงดังพวกเขายิ่งกดดัน พลพรรคหงส์แดงที่นิ่งกว่า และเริ่มครองทุกอย่างได้จากประตูที่นำอยู่ ก็เลยเล่นเกมโต้กลับจนยิงประตูปิดกล่องได้อีกลูกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่งไอ้ปืนโตให้มีสภาพไม่ต่างจากกระบอกข้าวหลามเละๆ เด๊ดอนาถเต็มเอมมิเรตสเตเดียม สรุปสุดท้าย ทัพวิหคสีแดงก็ได้เป็นทีมที่ได้ไปต่อ พวกเขาเอาชีวิตรอดจากดงห่ากระสุนปืนมาได้แบบหวุดหวิด แถมยังพลิกกลยุทธ์ตลบหลังทัพสีหนาถปืนไฟได้อย่างมีชั้นเชิง เล่นไม่ดีก็ไม่เป็นไร บอลถ้วยไม่จำเป็นต้องเล่นสวยงาม ภารกิจทีมลิเวอร์พูลยังมีอีกเยอะ บริบทในการจัดทัพก็มีจำกัด ผมเลยคิดว่าความสนุกของเด็กหงส์หลังจากนี้คงไม่ใช่รูปเกมที่เร้าใจ หากแต่เป็นการได้ดูกลเม็ดเคล็ดลับการเอาชัยจากคล็อปป์ ที่ก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกันครับ เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool FC ภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FC รูปที่ 5 จาก FB : Liverpool FC ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !