กีฬามอเตอร์สปอร์ตฟังดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวและยากที่จะเข้าถึงมัน โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นที่จะสนใจก้าวเข้าสู่แวดวงกีฬาชนิดนี้ มันก็มีส่วนที่จริงบ้างครับกับการเข้าถึงสำหรับบุคคลทั่วไปเพราะมอเตอร์สปอร์ตเป็นกีฬาที่ใช้เงินทุนสูง ต้องใช้เวลาฝึกฝีมือในการไต่เต้าจนถึงระดับท็อป ซึ่งนั่นก็เป็นแค่ความจริงส่วนหนึ่งครับอาจจะใช้ได้กับการแข่งเซอร์กิตรายการใหญ่ แต่สำหรับรายการแข่งแบบเล็กอย่าง Gymkhana คงจะเป็นข้อยกเว้น Gymkhana เป็นการแข่งมอเตอร์สปอร์ตอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจาการแข่งขันรถยนต์ทั่วไป มันอาจจะไม่มี Track สนามปิดยิ่งใหญ่หรือแข่งไล่กวดไล่แซงจนขึ้นอันดับที่ 1 แต่มันเป็นการแข่งขันที่จะฝึกทักษะการเข้าโค้ง การเปลี่ยนเกียร์ การเร่งความเร็ว เพื่อที่จะทำเวลาถึงเส้นชัยให้น้อยที่สุด มันก็คล้าย ๆ กับการแข่งจับเวลาเพียงแต่ว่าในสนามจะมีโค้งหลากหลายรูปแบบให้นักแข่งต้องพบเจอ ที่มารูปภาพ: DanRais จาก Pixabay การแข่งขันของมันก็เป็นการวิ่งจากจุดสตาร์ทไปยังเส้นชัย เส้นทางที่วิ่งก็จะมีกรวย (ไพลอน) ตั้งเป็นจุด ๆ สำหรับหักเลี้ยวโค้ง ซึ่งความท้าทายมันอยู่ตรงนี้แหละครับเพราะกรวยที่ตั้งเป็นทางโค้งจะเป็นโค้งแคบหักศอกเป็นหลักหรือเป็นวงกลมให้รถขับวน 1 รอบ พร้อมกับเส้นทางที่คดเคี้ยวในสนามที่แคบและไม่มีเส้น/สัญลักษณ์บอกทางว่าต้องเลี้ยวทางไหน (จะมีการบอกไลน์เส้นทางการวิ่งก่อนแข่ง-รอบซ้อมเท่านั้น) จึงเป็นเรื่องท้าทายกับนักแข่งอย่างมากที่ต้องจัดการโค้งต่าง ๆ เข้าโค้งให้เร็วที่สุด ควบคุมคันเร่งกับเบรคให้สมดุลแล้วพารถเข้าสู่เส้นชัยให้เร็วที่สุด ด้วยจำนวนโค้งที่เยอะก็ทำให้รถต้องมีแรงบิดมากกว่าแรงม้า ดังนั้นแล้วการจะนำรถบ้านมาแข่งก็สามารถทำได้เพราะรายการแข่ง Gymkhana ไม่เน้นแรงแต่เน้นการควบคุมรถเสียมากกว่า หากขับชนกรวยจะบวกเวลาอีก 2 วินาทีเพิ่มความยากไปอีกระดับด้วย ที่มารูปภาพ: Manfred Richter จาก Pixabay นอกจากนี้สนามแข่งขันก็สามารถจัดตั้งที่ไหนก็ได้เช่น ลานกว้าง , ลานจอดรถ , สนามโกคาร์ท เพียงขอแค่มีความปลอดภัยเป็นสนามปิด มีกรวยสำหรับวางตำแหน่งโค้งก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นงบประมาณการจัดแข่งจึงไม่สูงมาก รวมถึงนักแข่งด้วยที่ไม่จำเป็นต้องโมดิฟายรถให้แรงก็นำรถมาร่วมแข่งได้ ถ้าหากจะมีการปรับแต่งก็คงจะเน้นการปรับแต่งช่วงล่าง-ล้อ-ยาง เป็นหลัก ส่วนเครื่องยนต์อาจปรับจูนเรื่องแรงบิดมากกว่าครับ ความสนุกอีกอย่างของ Gymkhana คือการได้รู้ถึงสมรรถนะรถของเราอย่างแท้จริงว่ามันสามารถรีดประสิทธิภาพได้มากแค่ไหน ยางรถเกาะถนนดีหรือไม่ , เบรคสามารถห้ามล้อได้ระยะไกลเท่าไหร่ , ระบบช่วงล่างเวลาเข้าโค้งกระทันหันจะเป็นอย่างไร , อัตราเร่งของรถทำได้ดีเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันได้ ที่มารูปภาพ: nile จาก Pixabay ส่วนค่าใช้จ่ายของการแข่ง Gymkhana ถ้าเป็นแบบมือสมัครเล่นก็จะประมาณหลักพันบาทเป็นต้นไป แต่ก็ยังดีกว่าการแข่งมอเตอร์สปอร์ตแบบอื่นที่อาจจะไปไกลถึงเลข 6 หลักกันเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วหากต้องการจะเริ่มต้นเข้าสู่แวดวงมอเตอร์สปอร์ต การเข้าแข่ง Gymkhana เป็นอันดับแรกก็เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว นอกจากนี้เราอาจจะได้มิตรภาพเพื่อนนักแข่ง พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันด้วย จึงจะเห็นได้ว่ามันเป็นรายการแข่งขันที่เข้าถึงได้ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรมากก็สามารถเข้าได้แล้ว นอกจากนี้มันยังเป็นการแข่งขันที่สามารถนำทักษะในสนามไปใช้บนท้องถนนจริงได้มากที่สุด แถมยังทำให้รู้จักรถของตนเองด้วยว่ามันมีประสิทธิภาพสูงสุดได้มากแค่ไหน จะได้ประเมินการขับขี่ในชีวิตจริงได้อย่างถูกต้อง ที่มารูปภาพปก: Cock-Robin จาก Pixabay