ข่าวสำหรับการย้ายออกจากทีมของสองหัวหอกหงส์แดง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาร์ลา ดูใกล้จะเป็นความจริงเข้าไปเรื่อย ๆ เพราะทั้งตัวนักเตะและสโมสรยังหาจุดกลางระหว่างกันไม่ได้สักที อีกทั้งในช่วงตลาดซื้อขายก็มีข่าวออกมาแทบจะรายวันเกี่ยวกับตัวตายตัวแทนของนักเตะสองรายนี้ ไม่ว่าจะเป็น จาร์รอด โบเวน , ดาร์วิน นูเญซ , มาร์ติน เทอร์เรีย และ ฟาบิโอ วิเอร่า โดยเหล่านักเตะที่เอ่ยถึงมาทั้งหมดนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่าข่าวรายวัน ทำให้อดนึกย้อนกลับไปยุคที่ลิเวอร์พูล ไม่มีนักเตะระดับเวิลล์คลาสแบบนี้ในทีมไม่ได้เหมือนกัน เพราะถ้าวันหนึ่งไม่มีซึ่งสองนักเตะที่กวาดความสำเร็จมาสู่แอนฟิลด์แล้วจะเป็นอย่างไร?? ย้อนกลับไปหลังจากคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2019 ลิเวอร์พูลโบกมืออำลาผู้เล่นสามคนที่มีส่วนร่วมในการฟื้นคืนชีพของสโมสรภายใต้เงื้อมมือของชายที่ชื่อ เจอร์เกน คล๊อปป์ โดยในตอนนั้นชายผู้นี้ได้ยกย่องนักเตะสามรายนี้ว่าคือนักเตะที่มีคุณภาพระดับโลกด้วยโดยมี แดเนียล สเตอร์ริดจ์ อัลแบร์โต้ โมเรโนและ ไซม่อน มินโญเลต์ ในฤดูกาลต่อมาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี และก็เช่นเดียวกับการได้แชมป์UCL เพราะหลังจากได้แชมป์พรีเมียร์ลีก สโมสรแห่งนี้ก็ต้องอำลานักเตะสายเลือดหงส์แดงอีกครั้งนั่นก็คือ อดัม ลัลลานา และ เดยัน ลอฟเรนในปีต่อมานักเตะอีกรายที่อำลาทีมก็คือ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม แม้ว่าทั้งสโมสรและ เจอร์เกน คล๊อปป์ พยามหาหนทางรั้งหัวใจแดนกลางรายนี้ไว้ก็ไม่เป็นผล ส่วนหนึ่งมาจากข้อเรียกร้องเรื่องค่าเหนื่อยที่สโมสรนั้นยากที่จะยอมได้ สุดท้ายก็ต้องจำใจปล่อยแข้งรายนี้ออกจากทีมไป ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ย้ายทีมครั้งนั้น เจอร์เกน คล๊อปป์ ได้กล่าวว่า “เราได้สร้างลิเวอร์พูลนี้ด้วยขา ปอด สมอง และหัวใจที่สวยงามและยิ่งใหญ่” ซึ่งการจากลาระหว่างนักเตะกับผู้จัดการทีมเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการทีมที่ทุ่มเทอารมณ์ให้กับผู้เล่นของเขาแบบชายคนนี้เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับชายคนนี้ที่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ต้องเสียนักเตะแสนรักออกจากทีมไม่ว่าจะเป็น นูริ ซาฮิน, ลูคัส บาร์ริออส และ ชินจิ คากาวะ รวมถึง มาริโอ เกิทเซ่ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ให้กับคู่รักคู้แค้น บาร์เยิร์น มิวนิค เป็นสิ่งที่ยากลำบากไม่ใช่แค่ควาเมสียใจแต่มันเหมือนกับการที่นักรบอาวุธประจำกายที่ใช่อย่างถนัดมือในสนามรบ แม้ว่าบางครั้งอาจจะได้อาวุธใหม่ที่ดีกว่า แต่กว่าจะรู้วิธีใช้มันก็เสียเวลาและโอกาสที่จะชนะสงครามไปได้เช่นกัน ซึ่งในตอนนี้เมื่อเหลียวมองมายังลิเวอร์พูลที่กำลังจะเสียสองนักเตะที่ปลุกปั้นมากับมือ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาร์ลา เมื่อเสียอาวุธหนักไปสงครามที่จะเริ่มในอีกสองเดือนข้างหน้าจะยังมีหนทางที่จะชนะได้หรือไม่สำหรับพญาหงส์ในฤดูกาลหน้า?เจอร์เกน คล๊อปป์ ได้มอบสัญญาใหม่ให้กับลิเวอร์พลูไปจนถึงปี 2026 เจ้าตัวเองก็รู้ว่าขั้นตอนต่อไปของวิวัฒนาการสโมสรแห่งนี้จะเกี่ยวข้องกับการจากของนักเตะคู่ขวัญอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น โจ โกเมซ, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนหรือ ดิว็อค โอริกี ที่การออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้น่าจะร้อยเปอร์เซ็นรวมไปถึง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาร์ลา ที่ก็จะเป็นนักเตะรายต่อ ๆไปที่จะต้องอำลาจากนี้ไป ยิ่งเฉพาะรายแรกหลังจากแพ้เรอัล มาดริด นัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกถึงคราวประกาศว่านี่คือฤดูกาลสุดท้ายของเขากับสโมสรแห่งนี้ แน่นอนว่าด้วยฟอร์มการเล่นขนาดนี้มีหรือที่ฉลามจะไม่วิ่งเขาหากลิ่นคาวเลือด หนึ่งในนั้นก็คือ บาเยิร์นมิวนิค มาลองย้อนคิด ๆ ดูแล้วทำไมเสือใต้ชอบตามซิวนักเตะที่ชายคนนี้ปลุกปั้นนักหนา?? ชายที่ชื่อ เจอร์เกน คล๊อปป์ ต่างก็ได้รับการยอมรับว่าคือชายที่ชุบชีวิตสโมสรแห่งนี้ขึ้นมาสู่ความรุ่งโรจน์กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรปอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่เขาเป็นคนที่พา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยิ่งใหญ่ในช่วงต้นทศวรรษ 2010 แต่อย่างที่รู้กันต่อให้ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเม็ดเงินอยู่ดี ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ชายที่ชื่อ เจอร์เกน คล๊อปป์ ไม่สามารถเอาชนะได้แท้แต่ครั้งเดียวในโลกของฟุตบอลแห่งนี้ ในบรรดาสโมสรผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ลิเวอร์พูล ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 7 ด้านรายได้สูงสุด ในบรรดาห้าลีกใหญ่ของยุโรป ซึ่งก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสโมสรแห่งนี้จึงมีค่าแรงให้กับนักเตะได้ไม่เท่ากับนักเตะบางรายที่แม้ว่าสโมสรจะไม่ประสบความสำเร็จต แต่ค่าเหนื่อยกับพงมหาศาล อาทิเช่น คริสเตียโน โรนัลโด้ ,ดาบิด เดเคอา , ราฟาเอล วาราน, เควิน เดอร์บรอร์ย , แจ๊ค กริริช และ โรเมลู ลูกากา ความท้าท้ายและบทพิสูจน์ของชายคนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ หากจะมองลึกไปกว่านั้นการที่ได้นักเตะอย่าง หลุยส์ ดิอาซ มาเสริมทีมในช่วงเดือนมกราคมอาจจะเป็นสิ่งที่ชายคนนี้ได้วางหมากเอาไว้ตั้งแต่แรก เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มี ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาร์ลา ก็ยังมี หลุยส์ ดิอาซ , ดิเอโก โชวต้า และ ฟาบิโอ คาร์วาลโญ่ ในแผงเกมรุกในมือนี่ยังไม่รวมถึงเหล่านักเตะแนวรุกที่ จูเลียน วอร์ด ผู้สานต่อเรื่องการดีลนักเตะต่อจาก ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด แน่นอนว่านักรบอย่างชายคนนี้ย่อมที่จะต้องการอาวุธประจำกายอันใหม่เพื่อใช้ในสนามฤดูกาลหน้า แม้ว่าอาวุธบางอย่างจะมาจากแหล่งที่ไม่มีใครรู้ แต่เขาก็ขัดเกลาจนกลายเป็นอาวุธชั้นยอด เหมือนกับที่เคยทำมาตั้งแต่เสือเหลืองจนถึงหงส์แดงในปัจจุบัน มองในอีกมุมหนึ่งการไม่มีทั้ง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาร์ลา อาจจะเป็นการดีต่อสโมสรในเรื่องของการเด็ดขาดกับนักเตะรายอื่น ๆ ไม่ได้จะมุ่งหวังแต่เพียงตัวเลขอย่างเดียว แต่ให้ทุ่มเทเพื่อสโมสรเหมือนอย่างที่ชายคนนี้ได้ยึดถือมาตลอดกับการเป็นผู้จัดการทีมของเขา เจอร์เกน คล็อปป์ เคยฟื้นคืนชีพให้สโมสรแห่งนี้กลับมาเป็นที่เกรงขามอีกครั้งมาแล้วโดยเริ่มจากหลายสิ่งที่ติดลบ แล้วครั้งนี้จะไปต่างอะไรกับครั้งก่อนที่จะเริ่มนับหนึ่งจากศูนย์ อย่าลืมว่านี่คือชายคนที่ไม่มีความกลัวในจิตใจ ไม่มีความผิดหวังในแววตา ไม่มีคำว่าแพ้จนกว่านกหวีดสิ้นเสียง อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าบทพิสูจน์เล่มใหม่จะได้จรดปากกาเริ่มเขียนเรื่องราวอันรุ่งโรจน์อีกครั้งกับชายที่ชื่อ เจอร์เกน คล๊อปป์ข่าวที่เกี่ยวข้องเปิดชื่อ 16 แข้งความสำเร็จ "ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด" นักต่อรองแห่งยุคของ "ลิเวอร์พูล" ผู้นำผลกำไรให้ FSGส่องโปรไฟล์ "มาร์ติน เทอร์เรีย" หัวหอกเนื้อหอม ตัวละครใหม่ของ "ลิเวอร์พูล"ทำความรู้จัก "ออเรเลียง ซูอาเมนี" มิดฟิลด์สายเลือดส่องโปรไฟล์ "ฟาบิโอ วิเอร่า (Fabio Vieira)" มิดฟิลด์ตัวรุก กับ ลิเวอร์พูลทำความรู้จัก "เบน โด็ก (Ben Doak)" ดาวรุ่งมากพรสวรรค์คนใหม่ของ ลิเวอร์พูลเครดิตภาพปก Twitter: @LFC :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 เครดิตภาพประกอบ Twitter: @LFC :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 4 , ภาพที่ 5 , ภาพที่ 6 , ภาพที่ 7 , Twitter: @BlackYellow :: ภาพที่ 3 Communityคอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตกส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !