สำหรับคนหรือคู่รักทั่วไปวันที่ 14 กุมภาพันธ์อาจจะเป็นวันพิเศษในวันแห่งความรัก แต่สำหรับคอบอลแล้วนี่สัญญาณที่บอกว่ายูฟา แชมเปียนส์ลีก รอบน็อคเอาต์นั้นได้กลับมาเตะกันแล้ว วนลูปแบบนี้เป็นประจำทุกปีครับ เช่นเดียวกันกับในปีนี้ที่นัดแรกของ UCL รอบน็อคเอาต์นั้นกลับมาเตะกันในช่วงวันวาเลนไทน์ 13-14 กุมภาพันธ์ โดยวันอังคารที่ 13 เป็นการเจอกันของเอฟซี โคเปนเฮเกนและแมนเชสเตอร์ ซิตี ส่วนอีกคู่จะเป็นแอร์เบ ไลป์ซิกพบกับเรอัล มาดริด ส่วนคืนวันวาเลนไทน์จะเป็นการเจอกันของปารีส แซงต์ แชร์กแมงและเรอัล โซเซียดาด อีกคู่ก็จะเป็นลาซิโอพบกับบาเยิร์น มิวนิค โดยก็ได้จบลงไปแล้วพร้อมกับชัยชนะของแมนซิตี้, มาดริด, เปเอสเชและลาซิโอและสำหรับบทความนี้ก็จะเป็นการต้อนรับการกลับมาเตะของถ้วยหูโตด้วยการพาไปดู 4 ประเด็นที่น่าติดตามในรอบน็อคเอาต์นี้ โดยจะเป็นประเด็นที่ทาง Opta Analyst ได้รวบรวมไว้ จะมีหัวข้อหรือประเด็นในเรื่องใดบ้าง ไปดูกันเลยครับ50 ประตูใน UCL ของฮาแลนด์เด็กนรกแตกคนนี้คือคนที่ผมเคยบอกไปว่าเขาคือ "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย" ที่จะพาแมนเชสเตอร์ ซิตีคว้าแชมป์ UCL ได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรในบทความที่มีชื่อว่า "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย" ที่จะพาแมนซิตี้คว้า UCL มีชื่อว่า "เออร์ลิง ฮาแลนด์" สามารถกลับไปอ่านกันได้นะครับหัวข้อนี้คือหนึ่งในประเด็นที่ Opta Analyst นั้นชวนให้ติดตามกัน เพราะต้องยอมรับฮาแลนด์นั้นเหมือนเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์ในโลกฟุตบอลนับตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เขาได้ลงเล่นในยูซีแอลกับเรดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก พอย้ายไปอยู่กับดอร์ทมุนด์ก็ยังร้อนแรงต่อเนื่องจนได้ย้ายมาอยู่กับเรือใบสีฟ้าและพาทีมคว้าแชมป์สมัยแรกของรายการนี้ได้สำเร็จ ฮาแลนด์ยิ่งระเบิดเถิดเทิงจริงๆ ทั้งในลีกและในเวทียุโรป โดยตอนนี้ฮาแลนด์ถลุงประตูคู่แข่งในยูซีแอลไปแล้ว 40 ประตูจากการลงเล่น 36 เกม เท่ากับว่าเขาขาดอีกเพียง 10 ประตูก็จะครบ 50 ประตูในยูซีแอลซึ่งมีนักเตะเพียง 8 คนในประวัติศาสตร์เท่านั้นที่ยิงแตะหลัก 50 ประตูในรายการนี้และฮาแลนด์นั้นยิงประตูได้มากกว่าตำนานของรายการนี้หลายคนอีกด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นเฟเรนซ์ ปุสกัส, แกร์ด มุลเลอร์, เวย์น รูนีย์หรือแม้กระทั่งซามูเอล เอโต โดยเป็นสถิติตลอดการลงเล่นรายการนี้นะครับ ไม่ได้นับเพียงช่วงอายุที่เท่ากันณ ตอนนี้ฮาแลนด์มีโอกาสสูงมากๆ ที่จะทำลายสถิติการยิงประตูของเหล่ายอดนักเตะระหว่างทางที่จะยิงถึง 50 ประตู ทั้งตำนานของทีมเรือใบอย่างกุน อเกวโรที่ 41 ประตู, อเลสซานโดร เดล ปิเอโรที่ 42 ประตูและเนย์มาร์ที่ 43 ประตูซึ่งมีสิทธิทำลายได้ตั้งแต่ฤดูกาลนี้เลยด้วยซ้ำ และฮาแลนด์ก็ยังตามหลังหนึ่งในคนที่จะก้าวขึ้นมาร่วมสร้างความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลยุคใหม่ต่อจากลิโอเนล เมสซีและคริสเตียโน โรนัลโดอย่างคีเลียน เอ็มบัปเปเพียง 4 ประตูเท่านั้นหากเราตีว่าแมนซิตีนั้นสามารถทะลุเข้าไปป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ในฤดูกาลนี้ก็เท่ากับว่าฮาแลนด์มีโอกาสลงเล่นอีก 6 เกม หากไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวน (เกมแรกของรอบ 16 ทีมเล่นไปแล้วแต่ยิงไม่ได้) หากเราตีขั้นต่ำว่าฮาแลนด์ยิงเกมละ 2 ประตู เขาก็จะจบฤดูกาลนี้ด้วยการยิงประตูในยูซีแอลครบและเกิน 50 ประตูซึ่งโอกาสไม่ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้เลยนะครับ ฮาแลนด์พร้อมยิงได้เสมอยิ่งเมื่อมีเควิน เดอ บรอยน์กลับมาด้วยแล้ว มีโอกาสเป็นไปได้มากๆ แต่หากวัดตามค่าเฉลี่ยที่เขาจะยิงได้ทุกๆ 84 นาทีก็ตีซะว่าเกมละประตู อย่างน้อยฤดูกาลนี้ 46 ประตูจะเป็นยอดรวมประตูเมื่อจบฤดูกาลซึ่งก็ยังทำลายสถิติของเหล่าตำนานหลายคนอยู่ดี ทั้งโมฮาเหม็ด ซาลาห์และดิดิเยร์ ดร็อกบาที่ 44 ประตู และจะเทียบเท่าฟิลิปโป อินซากีที่ 46 ประตู (ในเคสนี้ เงื่อนไขคือแมนซิตี้เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ)รอบน็อคเอาต์ปีนี้ยังน่าดูหรือไม่ ?ถ้าว่าตามกันคอนเซปต์ของรายการนี้ก็คือ "Europe’s crème de la crème" หรือแปลเป็นภาษาไทยก็คือ "ที่สุดของที่สุดในยุโรป" เท่ากับว่าคนที่จะเป็นแชมป์รายการนี้ได้ต้องเป็นทีมที่เก่งที่สุดในยุโรปหรือแม้กระทั่งในโลกเลยด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นทีมใหญ่จาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป แถมทีมที่เข้าร่วมก็มักจะเป็นขาประจำอยู่แล้ว แต่ในฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้นไม่มีคู่ใหญ่หรือบิ๊กแมตช์ให้ดูเลย ทีมใหญ่ไม่ได้จับมาเจอกันเลยแม้แต่คู่เดียว คู่ใหญ่สุดคงเป็นการเจอกันของนาโปลี แชมป์กัลโช ซีเรียอาเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่จะพบกับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนาและด้วยทีมที่ทะลุเข้ามาถึงรอบน็อคเอาต์ได้ในปีนี้ หลายๆ ทีมก็ไม่ได้ทำผลงานโดดเด่นเท่าไหร่ในลีกของตัวเอง เช่น แอร์เบ ไลป์ซิก, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, แอตเลติโก มาดริดและนาโปลี มีเพียง 4 ทีมเท่านั้นในรอบนี้ที่เป็นจ่าฝูงของลีกตัวเอง ประกอบไปด้วย เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, พีเอสวี ไอน์โฮเฟนและอินเตอร์ มิลาน รวมไปถึงการกลับมาเล่นรายการนี้ในรอบหลายปีของอาร์เซนอล, ลาซิโอและเรอัล โซเซียดาด ทำให้พวกเขาอาจจะต้องปรับตัวกับความเข้มข้นของรายการนี้ เพราะอย่างอาร์เซนอลก็ห่างหายไปนานมากๆแต่ขึ้นชื่อว่ายูฟา แชมเปียนส์ลีกแล้วในเมื่อคุณสามารถเข้าถึงรอบน็อคเอาต์ได้แล้วก็ย่อมบ่งบอกได้ว่าพวกคุณเตรียมตัวมาอย่างดีเยี่ยม ยอดเยี่ยม พร้อมกับความเข้มข้นที่จะเจอแล้วเหมือนกันต่อให้คุณหายไปนานแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นผมเชื่อว่ารอบน็อคเอาต์ของยูซีแอลปีนี้ก็ยังน่าดูเหมือนเดิม แถมจะมีการพลิกล็อคอีกด้วย เพราะแค่เกมแรกลาซิโอก็เชือดบาเยิร์น มิวนิกไปได้แล้ว ฉะนั้นเชื่อเถอะครับว่ายังไงปีนี้ก็น่าดูเหมือนเดิมสำหรับรอบน็อคเอาต์ของยูฟา แชมเปียนส์ลีกนักเตะอังกฤษจะเป็นดาวซัลโว ?ขาประจำแถมมักจะทำผลงานได้ดีของรายการนี้ นอกจากจะเป็น 2 ทีมจากสเปน (เรอัล มาดริดและบาร์เซโลนา) และอีก 1 ทีมจากเยอรมัน (บาเยิร์น) ก็ยังจะมีเหล่าทีมจากพรีเมียร์ลีกที่มักจะได้เข้ารอบลึกๆ ทุกปี เช่นเดียวกับปีนี้ที่ถึงแม้ว่า "สาลิกาดง" นิวคาสเซิลและ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะร่วงตกรอบไปแล้ว แต่ก็ยังเหลือตัวแทนอีก 2 ทีม ได้แก่ อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วเกร็ดความรู้ที่ทาง Opta Analyst นำมาเป็นหัวข้อนี้น่าสนใจมาก ก็คือดาวซัลโวเมื่อจบฤดูกาลนั้นเป็น "คนอังกฤษ" ซึ่งในประวัติศาสตร์ (นับตั้งแต่ชื่อยูโรเปียน คัพ) นั้นมีนักเตะสัญชาติอังกฤษเพียง 3 คนเท่านั้นที่จบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวของยูซีแอล (ทั้งเป็นแบบเดี่ยวและแบบร่วม) ได้แก่ เดนนิส วิโอลเลตที่ยิงให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9 ประตูในฤดูกาล 1956/1957, มิค โจนส์กับ 8 ประตูที่ยิงให้ลีดส์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1969/1970 และเทอร์รี แม็คเดอร์ม็อตต์ 6 ประตูกับลิเวอร์พูลในฤดูกาล 1980/1981 (ร่วมกับแกรม ซูเนสและคาร์ล-ไฮนซ์ รูมเมนิกเก)และเป็นเวลากว่า 43 ปีแล้วที่นักเตะอังกฤษไม่ได้เป็นดาวซัลโวในรายการนี้ แต่ในฤดูกาลนี้อาจจะมีสิทธิที่การรอคอยนั้นสิ้นสุดลงเพราะในตอนนี้มีนักเตะสัญชาติอังกฤษ 2 คนที่มีสิทธิที่ลุ้นจบฤดูกาลด้วยการเป็นดาวซัลโวยูซีแอล ได้แก่ แฮร์รี เคนและจู๊ด เบลลิงแฮมซึ่งทั้งคู่นั้นก็ถือว่าเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมตัวเองในฤดูกาลนี้ โดยทั้งสองคนนั้นยิงประตูในยูซีแอลไปแล้วคนละ 4 ประตู มีโอกาสที่จะบวกขึ้นไปอีก เพราะต้องยอมรับว่าทั้งมาดริดและบาเยิร์นนั้นคือตัวเต็งที่สามารถคว้าแชมป์ได้ในทุกๆ ปี (ถึงแม้ว่าเกมแรกบาเยิร์นจะเพิ่งแพ้ลาซิโอก็ตาม)แต่คู่แข่งของทั้งสองคนนั้นก็ถือว่าเป็นด่านหินพอสมควรถึงแม้ว่าจะตามหลังกลุ่มผู้นำดาวซัลโวอยู่เพียงประตูเดียวก็ตาม แต่เหล่าผู้นำนั้นก็มีสิทธิยิงเพิ่มได้เช่นกัน โดยเฉพาะเออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ของแมนซิตี้ที่เพิ่งกลับมายิงประตูได้อีกครั้งและไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่นอน รวมไปถึงคู่หูจากแอตเลติโก มาดริดอย่างอัลบาโร โมราตาและอ็องตวน กรีซมันน์ ความจริงมีราสมุส ฮอยลุนด์ที่เป็นดาวซัลโว UCL ในตอนนี้อีกคน แต่ด้วยการที่แมนยูตกรอบไปแล้วก็ทำให้เขาหมดสิทธิบวกสกอร์เพิ่มแล้วก็ต้องมารอดูครับว่า 43 ปีที่รอคอยในการกลับมาเป็นดาวซัลโวประจำฤดูกาลของนักเตะอังกฤษจะสิ้นสุดในฤดูกาลได้เลยหรือไม่ทีม Underdogs มีสิทธิไหมครับ ?ตลอดระยะเวลา 31 ปีที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น "ยูฟา แชมเปียนส์ลีก" ต้องยอมรับว่าทีมที่จะก้าวมาเป็นแชมป์ได้ล้วนแล้วแต่เป็นทีมใหญ่และชื่อชั้นสูงมากๆ แต่ใช่ว่า "ทีมรองบ่อน" หรือ "บอลรอง" หรือศัพท์ภาษาอังกฤษเรียกว่า "Underdog" จะไม่เคยสร้างเรื่องราวเซอร์ไพรส์ในการคว้าแชมป์รายการนี้ได้เลย ตัวอย่างที่มีให้เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือในฤดูกาล 2003/2004 ที่เอฟซี ปอร์โตหักปากกาเซียนทุกสำนักทะลุเข้าชิงและคว้าแชมป์ถ้วยหูโตนี้ไปได้แบบช็อกโลกภายใต้การคุมทีมของ "เดอะ สเปเชียล วัน" โชเซ มูรินโญหรืออย่างในฤดูกาล 2021/2022 ที่ "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัลที่ในตอนนั้นคุมทีมโดยอูไน เอเมอรีจัดการคว่ำทั้งยูเวนตุสและบาเยิร์น มิวนิกลงไปได้ในรอบ 16 และ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนที่จะมาจอด โดนดับความร้อนแรงที่รอบรองฯ จากลิเวอร์พูล หรืออีกฤดูกาลที่มีเซอร์ไพรส์หนักมากอย่างในฤดูกาล 2018/2019 ที่อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัมในยุคของเอริก เทน ฮากนั้นสามารถทะลุเข้าไปถึงรอบรองฯ ด้วยเหล่าเด็กปั้นของสโมสรก่อนที่จะอดเข้าชิงจากเกมสุดดรามาที่แพ้ต่อท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการตบเรอัล มาดริดคาซานติเอโก เบร์นาบิว 1-4 ซึ่งในฤดูกาลทีมที่ถูก Opta Analyst มองว่าอาจจะเป็นทีมอันเดอร์ด็อกที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้มีอยู่ 3 ทีมด้วยกัน ได้แก่ พีเอสวี ไอน์โฮเฟน, โบรุสเซีย ดอร์ทนุนด์และเรอัล โซเซียดาด โดยในลีกฮอลแลนด์ทีมที่เป็นจ่าฝูงก็คือพีเอสวี ส่วนในยูซีแอลพวกเขาก็มีเกมสร้างเสียงฮือฮาได้เช่นกัน เพราะพวกเขาเคยตามหลังเซบียา 2-0 แต่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ 2-3 ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นเล่นเป็นทีมเยือนในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมกับส่งเซบียาตกรอบรายการนี้ด้วยการจบอันดับ 4 ไม่ได้ไปแม้กระทั่งยูโรปา ลีก และในฤดูกาลนี้พวกเขาแพ้เพียง 2 เกมเท่านั้น (รวมทุกรายการ)ส่วนดอร์ทมุนด์นั้นก็เข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มของ "Group of Death" ที่มีทั้งเปเอสเช, นิวคาสเซิลและเอซี มิลาน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยิงประตูได้น้อยเพียง 7 ประตูก็ตาม แต่ก็แลกมาด้วยเกมรับที่แข็งแกร่งเช่นกัน เพราะเสือเหลืองนั้นเป็นทีมอันดับ 2 ร่วมที่เสียประตูน้อยที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มเป็นรองเพียงเรอัล โซเซียดาด (เสีย 2 ประตู) โดยมีอาร์เซนอลอีกทีมที่เสียประตูเท่ากับพวกเขาที่ 4 ประตูส่วนเรอัล โซเซียดาด ถึงแม้ผลงานในลา ลีกาอาจจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ เพราะรั้งอันดับที่ 7 ของตารางโดยมีคะแนนห่างจากอันดับที่ 4 ที่ได้ตั๋ว UCL ถึง 11 แต้ม แต่ผลงานในยูซีแอลนั้นกลับตรงข้ามเลย เพราะพวกเขาเข้ารอบด้วยการจบเป็นแชมป์กลุ่มของกลุ่ม D มี 12 แต้มและไม่แพ้ใคร จูงมืออินเตอร์ มิลานเข้ารอบด้วยสถิติที่เหมือนกัน และเป็นการผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ของรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เกมแรกของรอบ 16 ทีม พวกเขาบุกไปแพ้เปเอสเช 2-0 แต่รูปเกมโดยรวมแล้วถือว่าสู้ได้ดีเลย มีโอกาสหลายๆ ครั้งที่จะขึ้นนำด้วยซ้ำเพียงแต่พวกเขาจบไม่คมเองต้องมารอดูกันครับว่าในฤดูกาลนี้จะมีทีมไหนที่จะสามารถสร้างเทพนิยายหรือทำ "เซอร์ไพรส์" ได้เหมือนหลายๆ ทีมในอดีตหรือไม่บทความที่เกี่ยวข้อง"จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย" ที่จะพาแมนซิตี้คว้า UCL มีชื่อว่า "เออร์ลิง ฮาแลนด์"กลุ่มไหนง่ายสุด? ใครจะเป็นแชมป์?...วิเคราะห์หลังแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก10 ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ UCLผีปลิว UCL, เสียแมคไกวร์!!! 5 ประเด็นหลังบาเยิร์นดีดแมนยูตกรอบ UCLขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากOpta AnalystOfficial Facebook ของยูฟา แชมเปียนส์ลีกภาพปก 1, ภาพปก 2, ภาพปก 3, ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3 และภาพประกอบ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !