คริสตัลพาเลซคว้าแชมป์เมเจอร์ ครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร กว่า120ปีมาแล้วที่สโมสรฟุตบอลจากลอนดอนใต้ทีมนี้ได้อยู่ในสารบบลูกหนังอังกฤษ พวกเขาไม่เคยสัมผัสแชมป์รายการเมเจอร์รายการใดเลยทั้งในอังกฤษและบอลยุโรป แชมป์ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยได้มีเพียงแชมป์ดิวิชั่น2เดิม 2สมัยและแชมป์ดิวิชั่น3เดิมอีก1สมัยเท่านั้น ส่วนในรายการFA Cup พวกเขาทำได้ดีที่สุดคือรองเเชมป์2สมัยคือในฤดูกาล1989-90 และ 2015-16 ที่อกหักพ่ายปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั้ง2ครั้ง จนกระทั้งในปีนี้ที่พวกเขาทะลุผ่านมาจนถึงรอบชิงอีกครั้งและคู่แข่งก็เป็นทีมจากแมนเชสเตอร์ แต่เป็นฝั่งสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อดีตแชมป์รายการนี้7สมัย ที่เข้าชิงเป็นฤดูกาลที่3ติดต่อกัน บวกกับที่ไม่ได้แชมป์รายการใดเลยในฤดูกาลนี้ พวกเขาจึงหวังกู้หน้าเพื่อไม่ให้ฤดูกาลนี้มันล้มเหลวจนเกินไป มนต์ขลังแห่งเวมบลีย์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังมีฟุตบอลลีกให้กังวลอยู่เนื่องจากอยู่อันดับ6ของตาราง และต้องลุ้นตั๋วไปuclในฤดูกาลหน้ากันจนนัดสุดท้ายเลยทีเดียว ขณะที่พาเลซแทบไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วเพราะอันดับในลีกอยู่ที่12ไม่ได้ลุ้นอะไรเเล้วทั้งตั๋วบอลยุโรปและหนีตกชั้น พวกเขาจึงพุ่งสมาธิมาที่เกมนี้ได้แบบเต็มร้อย ปัญหาผู้เล่นสำคัญๆบาดเจ็บหรือติดโทษแบนของทั้ง2ทีมนั้น มีแค่ โรดรี้ ห้องเครื่องบัลลังดอร์ ของซิตี้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอาการบาดเจ็บปิดเทอมยาวไปตั้งแต่ต้นฤดูกาล นอกนั้นไม่มีปัญหาทั้ง เเบร์นาร์โด้ ซิลวา,เควิน เดอ บรอยน์ และฮาแลนด์ ต่างพร้อมลงล่าตาข่าย ทางด้าน คริสตัล พาเลซ ตัวผู้เล่นไม่มีปัญหานำทัพมาโดย เอเบเรซี เอ เซ่, มาร์ค เกฮีเป็นกัปตันและฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้ายืนค้ำในแดนหน้า สำหรับผลงการพบกันในลีกฤดูกาลนี้ของทั้ง2ทีมแบ่งเป็นเสมอ1นัดและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะไปด้วยสกอร์มโหฬาร5-2ในนัดล่าสุดที่เจอกัน รูปเกม เริ่มเกมก็เป็นทางด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่คริสตัน พาเลสตามคลาด วันนี้เรือใบสีฟ้าภายใต้การคุมหางเสือของ Pep Guardiola จัดทัพแบบไม่ใส่กลางตัวรับลงสนามเลยซักคน จากรายชื่อที่ออกมามิวฟิลด์คู่กลางพวกเขาคือเเบร์นาร์โด้ ซิลวากับเควิน เดอ บรอยน์อย่างที่รู้ว่าระบบการเล่นของซิตี้ไม่จำเป็นต้องมีกลางตัวรับก็ได้ถ้าต้องเจอคู่แข่งที่มาเน้นแผนรถบัสแบบคริสตัล พาเลซ บวกกับระบบการเล่นที่จะให้ฟูลแบ็คอินเวิร์ทเข้ามาช่วยตรงกลางดังนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องใส่กลางตัวตัดเกมลงไปให้เสียโควต้าเปล่าๆ แต่ เป๊ป คิดผิดเมื่อประตูขึ้นนำและเป็นประตูชัยของพาเลซ มาจากการที่เป๊ปไม่ใส่กลางรับนี้แหละ โดยประตูนี้เริ่มจากการเเตะสาดยาวขึ้นหน้าของ คริส ริชาร์ด สต๊อปเปอร์ฝั่งขวาของพาเลซ บอลลอยโด่งมากลางสนามและเป็นมาเตต้า หัวหอกร่างยักษ์ชาวฝรั่งเศส ที่ยืนหันหลังให้ปากประคู่แข่งเป็นคนเก็บบอลได้ก่อนจะแปะบอลคืนไปให้ ไดจิ คามาดา จังหวะนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าคนที่ยืนตรงกลางระหว่างมาเตต้ากับคามาดา เป็นใครซักคนที่เล่นตัวรับอาชีพผมเชื่อว่าเขาอาจชลอไม่ให้พาเลซได้เล่นเกมรุกต่อแน่ แต่คนที่ยืนอยู่ระหว่างสองคนนี้คือมิดฟิวด์คู่กลางที่เป๊ปส่งลงมาทั้งเดอ บรอยน์และเเบร์นาร์โด้ที่ไม่ได้โดดเด่นอยู่แล้วในการเล่นเกมรับ พอมาเตต้าคืนบอลให้มาเคดา มาเคดาก็แปะบอลขึ้นหน้าให้มาเตต้าง่ายๆ ก่อนที่เขาจะส่งไปให้วิงแบ็คจอมบุกอย่าง มูนญอซ ที่วิ่งเติมมาทางขวา ก่อนปาดไปหน้าปากประตู และเป็นจอมทัพหมายเลยสิบของพวกเขา เอเบเรซี เอเซ่ วิ่งมาแปลด้วยขวาหนีมือ ผู้รักษาประตูเข้าไป ตั้งแต่ น.16 นี้เป็นโอกาสแรกของพวกเขาเท่านั้นก่อนที่มันจะกลายเป็นประชัยในท้ายที่สุด หลังจากเสียประตูซิตี้ ก็พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่พาเลซอย่างหนัก เพื่อหวังประตูตีเสมอให้ได้โดยเร็วก่อนที่เวลาจะกลายเป็นศัตรูของพวกเขา แต่ก็ต้องชมแนวรับของพาเลสที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมถึงแม้จะพลาดถ้าเสียจุดโทษในน.35เดิมทีเพชณฆาตเบอร์หนึ่งของซิตี้ควรจะเป็น ฮาแลนด์ แต่ด้วยความไม่มั่นใจหรืออะไรก็ตาม เขาเลือกโยนภาระหนักอึ่งนี้ให้กับโอร์มา มาร์มูส แล้วก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อดันยิงไปติดเซฟ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่เดาทางถูก ถ้าลูกนี้เข้าไปซิตี้จะเล่นง่ายขึ้นเยอะเลย ทางด้านของพาเลซเมื่อไม่เสียประตูพวกเขาก็ยิ่งมั่นใจขึ้นและมีเกมสวนเป็นระยะๆ ถึงแม้เกมนี้ซิตี้จะครองบอลได้กว่า80% แต่ก็ยังทำประตูกันไม่ได้ สุดท้ายจบเกมพาเลซเอาชนะไปได้1-0 คว้าแชมป์เมเจอร์แรกของพวกเขาได้อย่างยิ่งใหญ่ คนเสกชัยชนะ ดีน เฮนเดอร์สัน นายประตูทีมชาติอังกฤษวัย28ปีผู้นี้คือส่วนสำคัญจริงในชัยชนะของคริสตัล พาเลซ นอกจากจะเซฟลูกจุดโทษได้แล้วเขายังช่วยเซฟลูกยิงเน้นๆของทางฝั่งแมนซิตี้ ไว้ได้หลายต่อครั้ง ถึงแม้ทางFA จะมอบรางวัลMVPให้กับ ดาเนียล มูนญอซ วิงแบ็คขวาไดนาโมที่มีผลงาน1แอสซิสต์ในเกมนี้ แต่ เฮนเดอร์สันก็สมควรได้เกียรตินั้นเช่นกัน หากไม่มีข้อครหาในจังหวะที่เอามือไปปัดบอลนอกกรอบเขตโทษ รางวัลMVPจะเป็นของเขาอย่างแน่นอน เกมลีกยังสำคัญต่อแมน ซิตี้ สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้พวกเขายังต้องต่อสู้อีกเฮือกนึงเพื่อคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนลีก ในฤดูกาลหน้าให้ได้ ถึงแม้ทางพรีเมียร์ลีกจะได้โควต้าถึง5ทีมแต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้เลยสำหรับพวกเขา หากพลาดเกมที่เหลือซักเกมเดียวทีมกลุ่มบนทั้งหลายก็พร้อมถีบพวกเขาให้ตกจากกลุ่มหัวตาราง และนั้นหมายถึงฤดูกาล2024-25จะเป็นฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดของพวกเขาเลยก็เป็นได้ ขณะที่คริสตัล พาเลซ ถึงแม้ผลงานในลีกจะไม่ได้ลุ้นอะไรแล้วแต่การได้แชมป์FA Cup ครั้งนี้ยังการันตีโควต้าไปเล่นฟุตบอลยูโรปา ลีก ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาอีกด้วย ขอบคุณภาพหน้าปกจาก Facebook :ภาพปก The Emirates FA Cup ภาพที่1 The Emirates FA Cup ภาพที่2 Crystal Palace Football Club ภาพที่3 Crystal Palace Football Club ภาพที่4 Crystal Palace Football Club ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !