เมื่อสื่อของอังกฤษรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่าเชลซีนั้นพร้อมจะปล่อยตัวเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ออกจกทีมนั้น ผู้เขียนลองนั่งคิดและวิเคราะห์ว่าเหตุใดทำไมเชลซีถึงไม่ต้องการใช้งานเจ้าตัวอีกต่อไป ซึ่งจะว่ากันตามจริงแล้วนั้นนักเตะอย่างเอ็นโกโล่ ก็องเต้ นั้นมีแต่ทีมที่ต้องการในตัวเขาแล้วเป็นเพราะอะไรถึงมีข่าวในลักษณะนี้ออกมา วันนี้เราเลยจะมาวิเคราะห์เจาะลึก 3 ประเด็นเมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ได้เป็นที่ต้องการของ เชลซี ว่าเป็นเพราะอะไรครับ 1. บิลลี่ กิลมอร์ ดาวรุ่งพุ่งขึ้นมา บิลลี่ กิลมัวร์ นักเตะเยาวชนของทีม เพิ่งจะมีอายุเพียง 18 ปี เจ้าตัวได้รับการจับตามองมานานแล้วว่าจะสามารถขึ้นชุดใหญ่ได้ไม่ยากด้วยลีลาการเล่นที่มีส่วนผสมกันระหว่างรุกและรับที่ลงตัวสามารถเป็นตัวตัดเกมและพาบอลขึ้นไปข้างหน้าได้ด้วยเช่นกัน นัดแจ้งเกิดของเจ้าตัวก็คือ เกมเอฟเอ คัพ ที่พบกับลิเวอร์พูลนั่นเองซึ่งเกมนั้นเชลซีชนะด้วยสกอร์ 2-0 และบิลลี่ กิลมอรืก็สามารถคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ได้ในเกมนั้น ซึ่งด้วยความสามารถของเจ้าหนูวัย 18 ปี รายนี้น่าจะทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด มั่นใจได้ว่าเขาจะขึ้นมาแทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซึ่งมีวัย 29 ปีได้อย่างแน่นอน 2. อายุ 29 ปี แล้ว เมื่อนักเตะที่ต้องใช้พละกำลังในการเล่นอย่างเอ็นโกโล่ ก็องเต้ มีอายุ 29 ปี ถือว่าอยู่ในช่วงของขาลงแล้ว และสิ่งที่น่าจะทำให้เห็นว่า เจ้าตัวน่าจะมีสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเก่าแล้วนั้นก็คืออาการบาดเจ็บในฤดูกาลนี้ ซึ่งทำให้เจ้าตัวแทบจะไม่ได้ลงสนามให้กับเชลซีเลย นี้อาจจะเป็นการส่งสัญญาณว่าร่างกายของเขาน่าจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว 3. แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องการใช้ จอร์จินโญ่ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ เมื่อเชลซีเล่นระบบที่ต้องมีมิดฟิลด์ตัวรับเพียงคนเดียว แฟรงค์ แลมพาร์ดจึงชอบใช้จอร์จินโญ่ในการรับบทบาทนี้มากกว่าก็องเต้ แต่กลับให้เจ้าตัวยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่สูงขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งที่เจ้าตัวทำผลงานได้ดีที่สุด ซึ่งเหตุผลนี้จึงน่าจะทำให้เชลซีคิดที่จะขายเขาออกจากทีมก็เป็นได้ สำหรับ เรื่อง เจาะลึก 3 ประเด็น เมื่อ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไม่ได้เป็นที่ต้องการของ เชลซี ผู้เขียนคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเรื่องจริงด้วยเหตุและผลทางฟุตบอลจึงพอจะสรุปได้ว่า เชลซีน่าจะต้องการขายเอ็นโกโล่ ก็องเต้ ออกจากทีมอย่างแน่นอน แต่เชื่อเหลือเกินครับว่า ฝีเท้าอย่างเขามีแต่ทีมที่ต้องการเขาทั้งนั้นครับผม ขอบคุณภาพจาก sport.trueid : ภาพที่ 1/ ภาพที่ 2/ ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 ขอบคุณภาพปกจาก : sport.trueid