นกนางนวลเปิดรังเฉือดหงส์!! ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 ไบรท์ตัน VS ลิเวอร์พูลจากศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 ในคืนวันอาทิตย์ที่ 29 เวลา 20.30 น. เป็นการพบกันระหว่าง นกนางนวล ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน เปิดสนาม ฟัลเมอร์ เพื่อรับการมาเยือนของแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล โดยล่าสุดที่ทั้งคู่พบกันคือเกมในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา เกมวันนั้น ไบรท์ตัน สามารถเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 3 - 0 ในแบบที่รูปเกมโดยรวมดีกว่าทาง ลิเวอร์พูล เสียอีกรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงไบรท์ตัน ของ โรแบร์โต เด แซร์บี มาในแผน 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูเป็น เจสัน สตีล แบ็คขวา ทาริก แลมป์ทีย์ แบ็คซ้าย เปร์วิส เอสตูปินญาน และใช้ อดัม เว็บสเตอร์ กับ ลูวิส ดังก์ ยืนเป็นคู่เซ็นเตอร์ ในส่วนของแดนกลางเป็น พาสคาล โกรสส์ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แดนบนมี โซลลี่ มาร์ช, แดนนี เวลเบก, คาโอรุ มิโตมะ หน้าเป้าใช้ อีวาน เฟอร์กูสันส่วนทางทีมเยือน ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช้ระบบ 4-3-3 ผู้รักษาประตูเป็นมือหนึ่งอย่าง อาลีซง เบ็คเกอร์ แบ็คขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คซ้าย แอนดรูว์ รอเบิร์ตสัน คู่เซ็นเตอร์เป็น โจ โกเมซ กับ อีบราอีมา โกนาเต ส่วนแดนกลางมี นาบี เกอิต้า, สเตฟาน บายเซติช และ ติอาโก อัลคันทารา แนวรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนฝั่งขวา ฝั่งซ้ายเป็นเจ้าหนู ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และใช้ โกดี คักโป ยืนเป็นหน้าต่ำ เริ่มครึ่งเวลาแรก มาเพียง 4 นาที ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูขึ้นนำก่อนจากจังหวะที่ นาบี เกอิต้า แตะบอลหนีทางผู้เล่น ไบรท์ตัน มาได้ก่อนจะไหลบอลไปทางด้านขวาให้ ซาลาห์ เลี้ยงตัดเข้าในก่อนจะเปิดยัดเข้ามาด้วยซ้าย แต่ อดัม เว็บสเตอร์ ล้มตัวสกัดไว้ก่อน แต่บอลยังไปเข้าทาง ซาลาห์ ให้ได้ลองเปิดซ้ำเข้ามาอีก แต่ ลูวิส ดังก์ ก็เข้ามาสกัดได้บนเส้นประตูแบบหวุดหวิด ก่อนจะเคลียร์บอลออกไปได้ จากนั้นนาทีที่ 15 เป็นฝั่งของ ไบรท์ตัน ได้บุกบ้าง โดย โซลลี่ มาร์ช เลี้ยงพาบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ โหยกหลบหนึ่งจังหวะแล้วผ่านบอลเข้าไปบริเวณปากประตู แล้ว อีวาน เฟอร์กูสัน เก็บบอลได้ ก่อนจะซัดด้วยขวาเหน่งๆ แต่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ยืนคุมเส้นอยู่ สกัดบอลจากบนเส้นไว้ได้เช่นกัน ต่อมาในนาที่ที่ 30 ทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำก่อน จากจังหวะสวนกลับ โดย เกอิต้า แย่งบอลกลับมาได้ แล้วผ่านทะลุช่องให้ ซาลาห์ เลี้ยงพาบอลขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจะไหลให้ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยิงตามน้ำด้วยขวา บอลไปแฉลบ เจสัน สตีล ผู้รักษาประตูของ ไบรท์ตัน เข้าประตูไป ลิเวอร์พูล ออกนำก่อน 1 - 0ถัดมาเพียง 9 นาที เจ้าบ้านได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะเล่นสั้นจากลูกเตะมุม อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ โยนบอลเข้ามาหน้าประตู แล้ว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โหม่งสกัดออกมา จากนั้น ทาริก แลมป์ทีย์ วิ่งมาสับไกยิงบริเวณแถวสอง บอลไปแฉลบ ลูวิส ดังก์ เปลี่ยนทาง ทำให้ อาลีซง ที่ขยับออกมาแล้วเซฟไว้ไม่ทัน โดยเครดิตประตูนี้เป็นของ ลูวิส ดังก์ จบครึ่งแลก ไบรท์ตัน 1 - 1 ลิเวอร์พูลครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 51 ไบรท์ตัน ได้ลูกฟรีคิดในระยะที่ได้ลุ้น ลูวิส ดังก์ วิ่งมาซัดด้วยขวา บอลส่ายหน่อยๆ แต่ลูกเหินข้ามคานออกไปแบบน่าเสียดาย เกมดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งนาทีที่ 71 ลูวิส ดังก์ เปิดบอลให้ มิโตมะ หลุดมาทางซ้าย ก่อนจะดีดไซด์ก้อยเข้ามาให้ โซลลี่ มาร์ช วิ่งมาชาร์จจ่อ แต่ติดเซฟของ อาลีซง แล้วบอลเด้งบอลมาโดนเจ้าตัวหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย จนมาถึงจังหวะไฮไลท์สุดดราม่าของเกมนี้ นาทีที่ 90+2 จากจังหวะบุกของ ไบรท์ตัน บอลโยนจากแดนกลางข้ามมาให้ เอสตูปิญญัน ทางฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดหยอดไปบริเวณเสาสอง มิโตมะ เอาบอลลงได้ ก่อนจะกระดกบอลหนีผู้เล่น ลิเวอร์พูล หนึ่งจังหวะ แล้วดีดบอลด้วยขวาเข้าประตูไปแบบเหนือชั้น ไบรท์ตัน ขึ้นนำ ลิเวอร์พูล ได้ในช่วงทดเวลา 2 - 1 ซึ่งจังหวะนี้มีการใช้ VAR เช็คล้ำหน้า ในจังหวะที่ เอสตูปิญญัน วิ่งสอดมาทางซ้าย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนผลการแข่งขันแต่อย่างใด จบเกม!! ไบรท์ตัน สามารถเปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล เข้าสู่รอบต่อไปของ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จเกมในวันนี้ถือว่าเจ้าบ้านทำได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งจากสภิติการครองบอล 56% และมีโอกาสในการจบสกอร์อยู่ 13 ครั้ง เข้ากรอบไป 6 ครั้ง เปลี่ยนเป็นประตูได้ 2 ลูก และหนึ่งในนั้นคือลูกปิดเกมสุดสวยของ คาโอรุ มิโตมะ ที่นอกจากจะเป็นลูกสำคัญที่ทำให้ทีมได้เข้าสู่รอบต่อไปแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความนิ่ง และความมั่นใจในการเล่นจังหวะต่างๆ อีกด้วย ส่วนในด้านของทีมเยือน ฟอร์มการเล่นในช่วงหลังมานี้ถือว่ากำลังมีปัญหาอยู่พอสมควร จากสถิติเกมนี้ ครองบอลได้ 44% และมีโอกาสยิงประตู 8 ครั้ง เข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ 1 ลูก ถือว่าจังหวะทีเด็ดทีขาดหายไปค่อนข้างเยอะ บางจังหวะก็เสียบอลค่อนข้างง่าย อาจเนื่องมาจากผู้เล่นตัวหลักหลายคนมีอาการบาดเจ็บ บวกกับฟอร์มผู้เล่นในทีมที่อยู่ๆ ก็ดรอปลงไปดื้อๆ เล่นได้ไม่ดีในแบบฤดูกาลก่อนๆ ที่ผ่านมา เครดิตรูปภาพ :ขอบคุณรูป ภาพปก จาก Twitter : Brighton & Hove Albionขอบคุณรูป ภาพที่ 1 จาก Twitter : Brighton & Hove Albionขอบคุณรูป ภาพที่ 2 จาก Twitter : Liverpool FCขอบคุณรูป ภาพที่ 3 จาก Twitter : Liverpool FCขอบคุณรูป ภาพที่ 4 จาก Twitter : Brighton & Hove Albionขอบคุณรูป ภาพที่ 5 จาก Twitter : Brighton & Hove Albionขอบคุณรูป ภาพที่ 6 จาก Twitter : Liverpool FCอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'