เข้าสู่ช่วงเที่ยงวันเสาร์ของที่อังกฤษ ก็ถึงคราวทีมหงส์แดงตะแคงฟ้าได้ฤกษ์ลงสนามในนัดเปิดฤดูกาล เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาอัปมงคลของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าหากยังจำกันได้เมื่อฤดูกาลก่อนทีมหงส์แดงต้องเตะฟุตบอลในเวลานี้บ่อยมาก บ่อยซะจนเจอร์เก้น คล็อปป์ผู้วางมือต้องออกมาเฉ่งสถานีโทรทัศน์ กับเจ้าหน้าที่คนจัดโปรแกรมที่ไม่เมตตาต่อลูกทีมของเขาเลย จวบจนถึงปัจจุบันเหตุการณ์เดิมก็ยังคงอยู่ แต่เพิ่มเติมคือหนนี้ลิเวอร์พูลบุกมาเยือนอิปสวิสทาวด์ด้วยโค้ชคนใหม่ และคาราวานนักเตะที่หน้าเดิมแบบยกแผง ไม่มีนักเตะใหม่แม้แต่คนเดียว ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามีคนเจ็บขึ้นมาหรือเกิดอะไรที่ฉุกละหุกขึ้น เหล่าผู้บริหารทั้งหลายจะรับมือกับแรงกดดันจากแฟนบอลไหวไหม? ส่วนรายละเอียดของแม็ทซ์เกิดอะไรขึ้นบ้าง เรามาย้อนความหลังดูกันเลยครับ 1. อิปสวิสทาวน์คลั่งเป็นม้าสมแล้วกับที่โลโก้สโมสรของพวกเขาเป็นรูปม้า เพราะทันทีที่เป่านกหวีดปรี๊ดแรก ผู้เล่นอิปสวิสก็กระโจนเข้าหาแนวรับลิเวอร์พูลทันที การเพลสซิ่งสูงและโหดมาก นี่มันบอลอังกฤษพลังม้าหรือพวกเขาเขมือบแอมเฟดตามีนเข้าไปก็ไม่รู้ ภาพที่ผมเห็นคือแอนด์ดรู โรเบิร์ตสันแทบเอาตัวไม่รอดเมื่อโดนรุมที่มุมธง เทรนด์ อาโนลด์ จากอีกฝั่งก็ไม่ต่างกัน โดนบีบโดนขย้ำจนปล่อยบอลเสียหลายครั้ง และหวิดจะโดนฉกบอลเข้าไปยิงประตูอยู่หลายรอบ พลพรรคหงส์แดงตั้งเกมแทบไม่ได้ 2. บรรยากาศในสนามสุดบ้าคลั่ง พร้อมกับซุปตาร์ Ed sheeranมุมกล้องที่กดต่ำกว่าปกติ บวกกับเสียงเชียร์จากแฟนเจ้าบ้านเป็นอะไรที่ชวนผวามาก ด้วยความที่อิปสวิสตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกไปถึง 20 ปี ย่อมเป็นธรรมดาที่แพสชั่นของแฟนบอลจะสูงส่ง นั่นส่งผมให้ลิเวอร์พูลในครึ่งแรกเล่นไม่ออกโดยสิ้นเชิง หลุยส์ ดิแอส ลากบอลไม่ผ่าน โม ซาล่าห์ จากอีกฝั่งก็ติด ๆ ขัด ๆ ไปไม่เป็น เรียกได้ว่าจุดแข็งของลิเวอร์พูลถูกกลบไว้หมด มิหนำซ้ำการปรากฎตัวของ Ed sheeran เจ้าของบทเพลงดังบนอัฒจรรย์ก็เรียกเสียงฮือฮา ด้วยความที่แกเป็นหุ้นส่วนของทีมอิปสวิส บวกกับเป็นเจ้าของสปอร์นเซอร์คาดหน้าอก ผมว่าแกคงจะฮัมเพลงฮิตของแกอยู่ในใจ หลังเห็นทีมรักเล่นได้ดีขนาดนี้ อิปสวิสเปลี่ยนให้ลิเวอร์พูลไม่น่ากลัวอีกต่อไป ทีมหงส์แดงที่ไม่มีเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ พวกเขารับมือได้โดยไม่เหนื่อยด้วยซ้ำ หลักฐานคือการยืน standing ovation ทั้งสนาม พลันปรบมืออย่างกึกก้องให้แก่นักบอลทีมตัวเองในช่วงพักครึ่ง 3. จุดเปลี่ยนคือครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลกลับมาได้โดยส่วนตัวผมมองว่าสาเหตุที่ช่วงครึ่งหลังลิเวอร์พูลกลับมาเล่นดี ก็เพราะการยกระดับการทะลุทะลวงของเทรนด์ อาโนลด์ จากครึ่งแรกที่เขาแทบจะไม่ได้ทำเกมริมเส้นเลย เราจะเห็นก็แต่แบ็คซ้ายอย่างแอนด์ดรู โรเบิร์ตสัน ที่สอดขึ้นไปแล้วก็เปิดบอลเข้าเขตโทษ (แต่ก็ไม่แม่น) ตัดภาพมาครึ่งหลังกลายเป็นเทรนด์ที่บุกตะลุยอย่างเมาส์มัน มีการทำคอมโบกับโซบอสไลน์ มีการเปิด early cross วัดใจแบบได้เสีย และประตูขึ้นนำ 1 - 0 ก็มาจากเจ้าตัวที่ใช้วิชชั่นแทงบอลแนวลึกไปให้โม ซาล่าห์ ก่อนจะเป็นซาล่าห์ที่ปาดบอลให้โชวต้าแปบอลเข้าไปแบบโล่งๆ พอเทรนด์ได้เล่นในวิธีที่ตัวเองถนัดทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้น 4. ลูก 2 - 0 มาเกมจบแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ยิ่งลูก 2 - 0 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยครับคุณผู้อ่าน ผมว่าถ้าใครเป็นเด็กหงส์น่าจะเคยเห็นบอลลักษณะนี้มาเป็นพัน ๆ รอบ นั่นก็คือการสวิตบอลยาวข้ามฟากโพ้นทะเลจากแดนหลังของฟานไดจ์ ไปให้กับโม ซาล่าห์ ที่ยืนรออยู่แดนบนฝั่งซ้าย ซาล่าห์จับบอลลงหลังจากนั้นก็ทำการเลี้ยงจี้ล่อหลอก ส่งได้ก็ส่งยิงได้ก็ยิง แล้วจังหวะนี้ก็เป็นการทำชิ่งแล้วบอลกระเด้งเป็นใจเด้งมาเข้าทาง ทำให้ดาวยิงทีมชาติอียิปต์กระทุ้งประตูในนัดเปิดสนามได้เป็นฤดูกาลที่ 9 ติดต่อกัน มันคือบอลแบบเจอร์เก้น คล็อปป์ อย่างแท้จริง จะเห็นว่า ณ ตอนนี้ที่อาร์เน่ สล็อตโค้ชคนใหม่เข้ามา สไตล์ของทีมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก DNA เก่า ๆ ของพวกนักเตะยังคงอยู่ และถ้านั่นนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ต้องการ แฟนบอลก็น่าจะพึงพอใจ สรุปสุดท้าย พอครึ่งหลังมาถึงก็เป็นลิเวอร์พูลที่ครองทุกอย่างไว้ได้หมด หลังโดนลูกสองอิปสวิสที่เคยคึกก็หงอยลงไปซะดื้อ ๆ พวกเขากลายเป็นสับสนตำแหน่ง และเล่นตามจังหวะการเล่นของลิเวอร์พูลไม่ทัน โดนแทงทีหลังหลุดกระจุยกระจาย น่าเสียดายที่วันนี้หลุยส์ ดิแอส อาจจะออกอาการตื่นตัวมากเกินไป โอกาสในการจบสกอร์ของเจ้าตัวก็เลยหนักไปทางเกินมากกว่าขาด มันก็เลยไม่เกิดประตูลูกที่สามลูกที่สี่ขึ้น โดยรวมแล้วการเปิดตัวนัดแรกแล้วพาทีมบุกมาคว้าชัยในเกมเยือนได้ก็นับว่าดีมาก ความกดดันของอาร์เน่ สล็อตน่าจะลดระดับลงไปเยอะ เขาไม่กอดลูกทีมตอนเปลี่ยนตัว เขาไม่เดินลงไปในสนามเพื่อจับมือกับนักเตะตอนสิ้นเสียงนกหวีด แม้แต่แฟนบอลที่ทำป้ายไวนิลมาเชียร์เขาก็ไม่สนใจ อาร์เน่ สล็อต เดินเข้าอุโมงค์ไปอย่างเงียบขรึม สไตล์ใครสไตล์มัน เขาไม่ใช่เจอร์เก้น คล็อปป์ และแฟนบอลอย่างผมก็จะรอดูเขาต่อไปครับ เครดิตรูปภาพภาพหน้าปก 1 จาก FB : Liverpool FCภาพหน้าปก 2 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 1 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 2 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 3 จาก FB : Liverpool FCรูปที่ 4 จาก FB : Liverpool FCCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์