นัดแรกแพ้ไบร์ทตัน 2-1 , นัดที่ 2 โดนเบรนด์ฟอร์ดถล่มยับเยิน 4-0 แฟนปีศาจแดงทั้งหลายยังคงจำกันได้กับแมตช์อัปยศช่วงเปิดฤดูกาล จากทีมที่เล่นพรีซีซั่นทำผลงานได้ไม่เลว แต่เมื่อถึงเวลาเจอของจริงกลับเละเทะไม่เป็นท่า หลายฝ่ายต่างบอกว่า เอาอีกแล้ว แมนยูเซ็นใครมาเป็นผู้จัดการทีม เห็นทีแบบนี้ไม่มีทางที่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะลืมตาอ้าปากได้อีกต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลคือคำดูถูก ทั้งตัวนักเตะเองที่เล่นไม่เอาอ่าว รวมไปถึงผู้จัดการทีมอย่าง เอริค เทน ฮาก ที่ทำทีมแพ้ยับในนัดเปิดฤดูกาลราล์ฟ รังนิก อดีตผู้จัดการทีมขัดตาทัพของปีศาจแดงเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น ยังห่างชั้นกับทีมอย่างลิเวอร์พูลอยู่ 6 ปี ซึ่งในตอนนั้นแฟนบอลทั้งโลกต่างก็เห็นพ้องไปกับคำกล่าวนั้นอย่างเป็นเอกฉันท์ แฟนบอลปีศาจแดงก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่พวกเขาต้องเผชิญกับผลงานทีมรักที่ย่ำแย่ แฟนบอลทีมคู่แข่งเย้ยหยันว่า เอริค เทน ฮาก นั้นเป็นผู้จัดการทีเก่งจริง แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้จัดการทีมระดับโลกที่จะเข้ามากอบกู้ปีศาจแดงได้แต่นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาราว 7 เดือน ที่เอริค เทน ฮาก ขันอาสาเข้ามาคุมทัพปีศาจแดง จากทีมที่เคยโดนคู่แข่งถล่มยับ 4 ประตู วันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่มีลุ้นถึง 4 แชมป์ ในฤดูกาลเดียว อันดับในพรีเมียร์ลีก จากที่เคยรั้งบ๊วยในตาราง ตอนนี้อยู่ที่ 3 ของตารางการแข่งขันในชนิดที่ว่าหากย้อนไปช่วงต้นฤดูกาล คงไม่มีใครกล้าฟันธงว่า เทน ฮาก จะพาแมนยูมาได้ถึงขนาดนี้วิเคราะห์จุดสำคัญที่ทำให้ปีศาจแดงเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วความเฮี๊ยบของ เอริค เทน ฮากเอริค เทน ฮาก ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้จัดการทีมที่มีความเฮี๊ยบมาตั้งแต่ยังคุมทีมอาแจ๊กซ์ หลังเกมที่แพ้ต่อเบรนด์ฟอร์ดแบบหมดรูป และโดนยิงไป 4 เม็ด ตกไปอยู่อันดับสุดท้ายของตารางพรีเมียร์ลีก แหล่งข่าวต่างระบุตรงกันว่า เอริค เทน ฮาก นั้นแสดงความโมโหต่อฟอร์มการเล่นของลูกทีมเป็นอย่างมาก ในวันรุ่งขึ้นที่โดยปกติแล้วนักเตะจะต้องได้พักหลังจากลงแข่งมา แต่ เทน ฮาก สั่งให้ลูกทีมมาซ้อมทันที และสั่งลงโทษให้วิ่งรอบสนามเป็นระยะทางรวม 14 กิโลเมตร อันเป็นระยะทางที่ผู้เล่นแมนยูมีค่าเฉลี่ยวิ่งน้อยกว่าทางเบรนท์ฟอร์ดในนัดที่ผ่านมา และ เทน ฮาก วัย 52 ปี ในตอนนั้น ก็ร่วมวิ่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกับลูกทีมด้วยการโดนลงโทษด้วยการวิ่งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บรรดานักเตะยอมรับในหัวจิตหัวใจของผู้จัดการทีมคนใหม่ เขาไม่ได้ทำเพียงแค่ยืนสั่งและดูบทลงโทษที่เขาสั่ง แต่เขารับบทลงโทษนั้นร่วมกันการปรับแทคติคเพื่อให้เข้ากับทีมในการช่วงที่ เทน ฮาก เข้ามาคุมทีมใหม่ๆ เขาได้นำระบบการเล่นที่เขาต้องการมาใช้กับผู้เล่นแมนยู โดยที่เขาลืมไปว่า แมนยูนั้นเล่นบอลแบบสะเปะสะปะ ตัวใครตัวมันมานาน นานจนเกินกว่าที่จะสามารถปรับเปลี่ยนได้ในเร็ววัน เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงไม่ดันทุรัง เทน ฮาก ได้ทำการปรับเปลี่ยนแทคติคเพื่อให้เข้ากับทีม และสิ่งที่เขาทำก็ส่งผลในนัดต่อมาทันที คือการเปิดโอล์ด แทรฟฟอร์ด ยัดเยียดความปราชัยให้กับคู่แค้นตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ 2-1 โดยที่ก่อนเริ่มเกม ทุกคนต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ปีศาจแดงไม่มีทางที่จะเอาชนะหงส์แดงได้ และน่าจะโดนถล่มไม่ต่างจากนัดที่แล้ว ยกเว้นคนเดียวที่ไม่คิดแบบนั้น นั่นคือ เอริค เทน ฮาก แม้ว่าตลอดทั้งเกม เป็นฝ่ายหงส์แดงที่ครองบอลบุกกระหน่ำ โดยสามารถครองบอลได้ถึง 71 เปอร์เซ็น ปล่อยให้แมนยูได้ครองบอลเพียง 29 เปอร์เซ็น แต่ในเปอร์เซ็นอันน้อยนิดของปีศาจแดงก็สามารถฉกฉวยโอกาสในการทำเกมบุกจนได้ 2 ประตู และคว้าชัยชนะนัดแรกไปได้ ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนักหลังจากนั้นปีศาจแดงก็ชนะติดต่อกันถึง 3 นัด ก่อนที่จะมาแพ้ให้กับยอดทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในแบบที่สู้ไม่ได้ถึง 6-3 แม้จะยิงประตูได้ แต่ก็เป็นเพราะทางเรือใบสีฟ้าผ่อนเกมลง ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้ผู้คนก็กลับมาบอกว่า แมนยูคงจะไม่ต่างจากฤดูกาลที่ผ่านมาเท่าไหร่นักการมาของคีย์แมนคนสำคัญแมนยูนั้นได้ตัวนักเตะใหม่มา 3 คน เริ่มต้นด้วย ลิซานโด มาร์ติเนซ ในตำแหน่งปราการหลัง , แอนโทนี่ ในตำแหน่งปีก แต่ดูเหมือนว่าช่วงแรกๆทั้งสองคนเล่นได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะในรายของ มาร์ติเนซ ที่มักก่อความผิดพลาดจนถูกเปลี่ยนตัวออกหลายครั้ง และบางนัดก็ไม่มีชื่อลงสนาม แต่จุดเปลี่ยนทำสำคัญที่สุดคือการได้ตัว คาเซมิโร่ มาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวมหาศาล ที่ทำให้ผู้คนค่อนขอดว่าเป็นการซื้อตัวแบบเร่งรีบ เพราะพลาดการเจรจาคว้าตัว แฟรงกี้ เดอ ยอง มาจาก บาร์เซโลน่า จึงต้องเบนเข็มมาที่คาเซมิโร่อย่างช่วยไม่ได้ ซึ่งในตอนนั้นคาเซมิโร่มีอายุ 30 ปีแล้ว และถูกมองว่ากำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่กลับกลายเป็นว่าคาเซมิโร่คนนี้คือคีย์แมนคนสำคัญที่ช่วยยกระดับแดนกลางปีศาจแดงอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของแอนโทนี่ก็มีฟอร์มที่ดีขึ้น ส่วนมาร์ติเนซนั้นไม่ต้องบรรยายให้มากความ เพราะตอนนี้เขาคือกองหลังคนสำคัญของทีมไปแล้วจากฟอร์มการเล่นอันดุดัน และการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยมเอริค เทน ฮาก เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อที่เคยถามเขาเรื่องที่เขาจะเข้ามาเป็นคู่แข่งของ เปป กวาร์ดิโอลา กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ใช่ไหม เขาตอบว่า "ทุกยุคสมัยล้วนมีจุดสิ้นสุดของมัน" คำพูดของเขาถูกนำไปดัดแปลงให้ดูน่าหมั่นไส้ นั่นทำให้เขาถูกหัวเราะขบขันว่าไม่เจียมตัวเอริค เทน ฮาก ทำงานของเขาอย่างปราณีต เข้มข้นในทุกขั้นตอน เขาไม่ละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆ เขาเฟ้นหาทีมงานที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ทุกความสำเร็จ เทน ฮาก ไม่เคยรับความดีความชอบไว้แต่เพียงผู้เดียว เขามักจะกล่าวชื่นชมทีมงานอยู่เสมอ ความละเอียดรอบคอบ ความทุ่มเทกับงาน การให้ความสำคัญต่อเพื่อร่วมงาน สิ่งเหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่ช่วยทำให้ทีมปีศาจป่วย ฟื้นคืนชีพได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 7 เดือน ระยะเวลาที่ไม่เคยมีใครคิดว่าเขาจะทำได้เร็วขนาดนี้ "และนับต่อจากนี้ไป โอล์ด แทรฟฟอร์ด จะกลายเป็นป้อมปราการที่ใครก็ยากที่จะเอาชนะ" นี่คือสิ่งที่ เอริค เทน ฮาก ได้ลั่นวาจาเอาไว้ และเขาทำมันได้จริงปีศาจแดงในยุคของ เอริค เทน ฮาก กำลังก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง ผู้เล่นทุกคนที่เคยชินกับความพ่ายแพ้ ต่างก็กลับมาสู้ตายถวายชีวิตทุกครั้งที่ลงสนาม ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้ยินเสียงนกหวีดจบเกม พวกเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ นี่คือสิ่งที่เราได้เห็นทุกครั้ง จังหวะสะใจของกองหลังที่เอาอกชนกันพร้อมตะโกนอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่สามารถหยุดเกมรุกคู่แข่งได้ มันสร้างความฮึกเหิมไปทั่วทุกอณู การวิ่งสู้อย่างสุนัขล่าเนื้อแม้จะโดนยิงนำก็ไม่เคยยอมแพ้ สิ่งเหล่านี้มันปลุกวิญญาณความเป็นปีศาจแดงที่หลับใหลไปอย่างยาวนานให้ตื่นแล้วจริงๆ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า ปีศาจแดงตนนี้ ภายใต้การบัญชาการขอ เอริค เทน ฮาก จะก้าวไปได้ไกลแค่ไหนในฤดูกาลนี้เครดิตรูป Manchester Unitedปก / ปก 2 / ปก 3 / รูป 1 / รูป 2 / รูป 3 / รูป 4 / รูป 5 / รูป 6 Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร