อาร์บี ซัลซ์บวร์ก พบ เรอัลมาดริด ฟังจากชื่อชั้นทั้งสองทีมนี้ ดูจะเป็นอีกคู่ที่เรียกเสียงฮือฮาให้แก่รอบแบ่งกลุ่มในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกหนนี้ได้ดี หลังจากที่หลายคู่ที่ผ่านมาไม่รู้ใครเป็นใคร ทีมไหนมาจากลีกไหนแฟนบอลที่เน้นดูบอลยุโรปเป็นหลัก คงมีแต่ความงวยงงกันเป็นแถบ อาร์บี ซัลซ์บวร์ก พบ เรอัลมาดริด ขนซุปตาร์มาเป็นเข่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าฝั่ง มาดริด ยังไงก็ดูดีกว่าหลายช่วงตัว พวกเขาคือทีมเต็งที่น่าจะไปถึงแชมป์ได้สบาย ๆ ทว่าจุดเซอร์ไพรต์น่าจะเป็นฝั่ง อาร์บี ซัลซ์บวร์ก มากกว่า เพราะการพ่ายแพ้ถึง 0 - 3 หนนี้หนักหนาจนถึงขั้นกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มไปเลย โดน Al Hilal ทีมจากซาอุแซงในแม็ทซ์สุดท้าย ทั้งเสียหายทั้งเสียหน้า ว่าแล้วเรามาดูกันดีกว่าครับว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ เรอัลมาดริด ต้อน อาร์บี ซัลซ์บวร์ก ซะจนขาดลอยขนาดนั้น ย้ำว่าอันนี้ผมคิดของผมเองนะครับ คุณผู้อ่านท่านใดเห็นต่างหรือไม่เห็นด้วยก็คอมเมนท์ได้เต็มที่ 1. แท็กติกใหม่ของ Xabi Alonso ที่เฉียบคม เขาใช้ระบบ 3-5-2 แทนแผนเดิม 4‑3‑3 เพื่อเน้นความสมดุลทั้งรับและรุก หลังจากนั้นก็ใช้การโหลดผู้เล่นในแดนกลางให้มากกว่าคู่แข่ง ทำให้คอนโทรลบอลแดนกลางไว้ได้หมด โดยเฉพาะผู้เล่น 3 ประสานอย่าง Bellingham , Valverde , Arda Güler ที่เล่นร่วมกันได้ดีมาก ส่วนในพาร์ทของเกมบุก Xabi Alonso ก็ได้ใช้วิงแบ็คอย่าง Alexander-Arnold และ Fran García เติมเกมด้านกว้าง สร้างโอกาสได้ต่อเนื่อง จนสรุปสุดท้ายทีม Salzburg ก็ไม่สามารถรับมือกับการขึ้นเกมแบบแผ่ปีกของ เรอัลมาดริด ได้เลย 2. ความปรอทแตกของแนวรุก โดยเฉพาะ Vinícius Jr. Vinícius Jr. โชว์คลาสระดับโลก ยิง 1 ประตู แอสซิสต์อีก 1 ลูก ความประทับใจของผมคือลูกแอสซิสต์มากกว่าลูกยิง การจ่ายแบบดีดลูกส้น ส่งแบบไม่มองด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่วิ่งโขยกเข้ามาหาบอลด้วยความเร็วระดับนั้น ไม่เรียกว่าคลาสจะเรียกว่าอะไร แค่ใจกว้างไม่พอแต่ทักษะต้องเป๊ะน้ำหนักต้องได้ Federico Valverde ที่ตามเข้ามายิงแทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเตรียมไว้ให้ทุกอย่างแล้ว การเคลื่อนที่ของ Vinícius Jr. ทำให้แนวรับ Salzburg ปั่นป่วนตลอดเกม ทั้งลูกแข็งแรงและความเร็วที่เหนือกว่ามาก หนึ่งต่อหนึ่งหยุดไม่อยู่ก็คือจบ เป็นเหตุให้พ่ายแพ้เละเทะไปตามระเบียบ Gonzalo García กับ Valverde ก็ปิดบัญชีอย่างเด็ดขาดในโอกาสสำคัญ อย่างที่บอกครับว่าวันนี้ เรอัลมาดริด ได้ลูกเฉียบคม ตัวจบสกอร์ใช้โอกาสไม่เปลือง เพราะเมื่อไปดูจากสถิติการเข้าทำของทั้งสองทีมก็ไม่ได้ห่างกันมาก มาดริด 10 ครั้ง ในขณะที่ ซัลซ์บวร์ก อยู่ที่ 7 ครั้ง คลาสของผู้เล่นบวกกับความคมคือจุดตัดสินเกม 3. Salzburg จบสกอร์ไม่ได้ ทั้งที่มีโอกาส ยิงทั้งหมด 7 ครั้ง เข้ากรอบ 3 ลูก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูแม้แต่ลูกเดียว แล้วถ้าคุณผู้อ่านลองไปย้อนดูไฮไลท์การทำประตูก็จะพบว่าแต่ละลูกที่ยิงนั้นทั้งไกลทั้งไร้ความรุนแรง ต่อให้ตรงกรอบได้นายประตูระดับท็อปโลกอย่าง Thibaut Courtois ก็แค่สะดุ้ง ไม่สุดเหยียดจริงกินพี่แกไม่ได้หรอกครับ ไม่มีความเฉียบคม แต่หัวข้อนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับคู่แข่งอย่าง เรอัลมาดริด ด้วย เพราะแท็กติกการแพ็คตรงกลางให้แน่น ทำให้ยากมากที่จะเกิดช่องว่างหรือทำเกมเจาะเข้าไปยิงจ่อ ๆ เราก็เลยเห็นแต่ลูกยิงไกลจาก ซัลซ์บวร์ก ซะเยอะ ประสิทธิภาพก็เลยลดทอนลงไปด้วย สวนทางกับมาดริดที่เปลี่ยนโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งเป็น 3 ประตูทันที แถมมาโดนยิงในช่วงท้ายครึ่งแรกและครึ่งหลังนาทีที่ 40' , 45+3' และ 84' ซึ่งโลกฟุตบอลต่างรู้ว่าคุณจะโดนยิงในช่วงเวลาแบบนี้ไม่ได้ โอกาสในการแก้เกมจะหมดไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างจึงไม่เข้าทาง ซัลซ์บวร์ก เอาซะเลยในแม็ทซ์นี้ 4. ประสบการณ์ระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ของมาดริด เรอัลมาดริดเป็นทีมที่เคยผ่านศึกใหญ่ระดับโลกมามากมาย ในระดับที่เรียกว่าเตะจนขี้เกียจ เตะจนถ้วยล้นตู้โชว์ในสโมสร ผู้เล่นหลายคนอย่าง Rüdiger, Modrić, Valverde มีประสบการณ์สูง ผ่านทั้งบอลโลกและบอลสโมสร เผิน ๆ พวกเขาอาจจะรู้แม้กระทั่งชื่อสายพันธุ์ของหญ้าที่ปลูกในสนาม หญ้าแบบไหนใส่สตาร์ทปุ่มยาวเท่าไหร่ คงตอบได้เพียงแค่ย่ำเท้าลงสนามในสัมผัสแรก ทุกคนรู้จังหวะเร่ง - จังหวะผ่อน , จังหวะไหนจะเอาไทม์มิ่งไหนจะปล่อยผ่าน ไม่ตื่นสนามใหญ่ คุณอาจจะเห็นนักเตะใหม่อย่าง Trent Alexander-Arnold วิ่งจ็อก ๆ ไม่สนใจโลก แต่ที่จริงคือเขาอ่านเกมไว้แล้ว (ถ้าผมไม่ประชดอ่ะนะครับ) ซัลซ์บวร์ก แม้ใจสู้แต่ยังดู “ห่างชั้นกว่า” ทั้งเชิงแท็กติกและความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น สรุปสุดท้าย ก็เป็นอันว่าท้ายที่สุดก็เป็น เรอัลมาดริด ที่เก็บ 7 แต้มจาก 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ทำให้คว้าแชมป์กลุ่ม H ไป และเข้ารอบน็อคเอาท์ไปเจอกับคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อสมศักดิ์ศรีของชีวิตพวกเขาอย่าง Juventus ที่ Hard Rock Stadium ในเมือง Miami เกมหน้าน่าจะเป็นเกมที่เมามันส์ขึ้น ผมคิดว่าหัวข้อในการวิเคราะห์แบบข้างบนน่าจะใช้ไม่ได้เลย เผิน ๆ อาจจะออกเสมอและยื้อไปยิงจุดโทษ ซึ่งถึงตอนนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อลองแวะไปดูตารางกลุ่ม G Juventus จบอันดับ 2 แต่พวกเขายิงได้ถึง 11 ลูก และเสียเพียงลูกเดียว (ถ้าไม่นับว่าโดนแมนซิตี้ถลุงไป 5 ดอกในนัดสุดท้าย) พวกเขายิงเยอะเกมรับเหนียวแน่น ความมันส์น่าจะมาในมิติของเกมรับ ใครชอบดูบอลบู๊อาจจะถึงขั้นหลับสลบไสล แต่สายดูเอาแท็คติกดูแบบเน้นผลการแข่งน่าจะชอบ ซึ่งผมอาจจะเดาผิดก็ได้ เอาเป็นว่าวันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2025 เวลา ตี 3 ในบ้านเรา เดี๋ยวก็ได้รู้กันครับ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก จาก FB : Real Madrid C.F. รูปที่ 1 จาก FB : Real Madrid C.F รูปที่ 2 จาก FB : Real Madrid C.F รูปที่ 3 จาก FB : Real Madrid C.F รูปที่ 4 จาก FB : Real Madrid C.F ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !