เซราะกราว 10 คน ทุบโอ่งแตก, มังกรไฟ เผาสวาทแคท - ผลลีกคัพ

ผลฟุตบอล โตโยต้า ลีกคัพ 2014 รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ซึ่งลงทำการแข่งขัน 2 คู่ เมื่อช่วงหัวค่ำวานนี้ ซึ่ง ไฮไลท์จะไปอยู่ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดราชบุรี เมื่อ “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าแชมป์รายการนี้ 3 ปีซ้อน ซึ่งนัดแรก เป็น แข้งเซราะกราว เอาชนะมาได้ก่อน 1:0 

กว่าจะได้ประตูก็ต้องเข้าสู่ช่วงท้ายของ 45 นาทีแรก ก็เป็นทีมเยือนที่ทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากลูกเซ็ตพีซ ของ ธีราทร บุญมาทัน เปิดด้วยซ้ายเข้ามา แล้วก็เป็น อันเดรส ตูนเญส ปราการหลังหน้ากากเหล็ก ที่โดดโหม่งเข้าประตูไป หมดครึ่งแรก ทีมเยือนนำ 1:0 รวม 2 นัด เป็นทีมจากอีสานใต้ หนีห่างไปเป็น 2:0 และจบภายใน 90 นาที อย่างแน่นอนแล้ว 

ครึ่งหลัง เจ้าบ้านก็พยายามเปิดเกมเพื่อทำประตูตีตื้น แต่ไม่สามารถเจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของพลพรรคเซราะกราวได้ จนมาถึงนาทีที่ 72 ก็เป็นทีมเยือนที่ขยับหนีห่างไปอีก จากลูกเตะมุมของ สุเชาว์ นุชนุ่ม และก็เป็น คาร์เมโล กอนซาเลซ ที่โฉบเข้ามาโหม่งแสกหน้านายทวารของราชบุรี เข้าไป ทำให้นำห่างเป็น 2:0 รวม 2 นัด บุรีรัมย์ นำ 3:0 โอกาสเข้าชิงเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันมีสูงขึ้นทันที 

หลังจากที่เสียไป 2 ประตู ราชบุรีก็ก้มหน้าก้มตาบุกต่อไป และก็มาสำเร็จจนได้ จากการได้ลูกที่จุดโทษ เมื่อ ใหญ่ นิลวงศ์ ปีกร่างเล็กพริกขี้หนู ถูก สุรีย์ สุขะ รวบในกรอบเขตโทษ และก็เป็น แฮเบอร์ตี เฟร์นันเดส ที่ยิงเข้าไปอย่างนิ่มๆ ทำให้ตีตื้นมาเป็น 1:2 รวม 2 นัด ราชบุรี ตามอยู่ 1:3 ช่วงท้ายเกม ทางทีมเยือนต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เมื่อ คาร์เมโล กอนซาเลซ ถูกใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง ไล่ออกจากสนาม ฐานเตะขวดน้ำใส่ผู้ตัดสินที่ 4 จนเกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อเจ้าตัวระเบิดอารมณ์เตะบอลใส่เชิ้ตดำในสนาม จนต้องดึงตัวออกจากสนามอย่างโดยด่วน แต่ก็ไม่เกิดเหตุบานปลายใดๆ จบเกม เป็น บุรีรัมย์ ที่บุกมาเอาชนะ ราชบุรี ได้ 2:1 รวมผล 2 นัด บุรีรัมย์ชนะไป 3:1 เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้ เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน 

ส่วนอีกคู่หนึ่ง ที่ สนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ จ.นครราชสีมา ทางด้าน “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทีมดังแห่งลีก ดิวิชัน 1 ต้อนรับการมาเยือนของ “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ซึ่งในนัดแรก เป็น แข้งมังกรไฟ เอาชนะมาได้ก่อน 1:0 โดยเริ่มเกมมาได้ 20 นาที เป็นเจ้าบ้าน ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากลูกยิงปั่นย้อยๆ ของ มาเล็ก ยาวาหาบ ทำให้สกอร์รวม เสมอกันที่ 1:1 

หลังจากนั้น เหมือนเจ้าบ้านเริ่มได้ใจ เปิดเกมรุกใส่ และก็มาขยับหนีห่างเป็น 2:0 จากความผิดพลาดของแนวรับของ เทโร และก็เป็น ศราวุธ จันทพันธ์ ยิงสวนเข้าไป ทำให้สกอร์รวม โคราช ขึ้นนำ เทโร 2:1 เกมที่ท่าจะเป็นเจ้าบ้านที่น่าเล่นสบายๆ แล้ว แต่เจ้าบ้านต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ อิวาน บอสโกวิช เสียเหลี่ยมผู้เล่นทีมเยือน โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดง ไล่ออกจากสนาม หลังจากนั้น กลับเป็น เทโร ที่ได้ประตูสำคัญ จากการตามชาร์จซ้ำเข้าไปของ นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม ทำให้ตีตื้นมาเป็น 1:2 ผลสกอร์รวม เสมอกันที่ 2:2 ซึ่งจบภายใน 90 นาทีแน่นอน เนื่องจากเป็น อะเวย์โกลของพลพรรคมังกรไฟ หลังจบครึ่งแรก 

เริ่มเกมกันต่อในครึ่งหลัง นาทีที่ 62 เป็นทีมเยือนที่ตามตีเสมอได้สำเร็จ จากการกระชากเข้าไปยิงเดี่ยวๆ ของ กิลเบิร์ต คูมสัน ปีกผิวสีของ แข้งมังกรไฟ ทำให้เสมอกันที่ 2:2 รวมผลแล้วกลับมาเป็น เทโร ที่ขึ้นมานำ 3:2 โอกาสเข้าชิงบอลถ้วยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ใกล้บรรลุผลแล้ว หลังจากนั้นดูเหมือน แข้งเมืองย่าโม เหมือนท้อไปทันตาเห็น เมื่อทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำเป็น 3:2 จากลูกหักเข้ามากลางประตูของ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค และก็เป็น ออตมัน เจลิญาฮิน ผู้เล่นชาวแอลจีเรีย กดเข้าไปไม่เหลือ ทำให้ผลสกอร์รวมทิ้งห่างเป็น 4:2 

ช่วงเกือบ 10 นาทีสุดท้าย ทางทีมเยือน ก็ได้ประตูตอกฝาโลงอย่างเด็ดขาด จากลูกโหม่งย้อนศรของ ราโดเมียร์ ดาโลวิช กองหน้าชาวมอนเตเนโกร ทำให้สกอร์ไหลเป็น 4:2 ผลรวมขยับหนีเป็น 5:2 ในช่วงท้ายเกมสถานการณ์ของเจ้าบ้านเลวร้ายเข้าไปอีก เมื่อต้องเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน เมื่อ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ระเบิดอารมณ์ใส่ จาตุรงค์ พิมพ์คูณ อย่างน่าเกลียด ทำให้โดนใบแดง ไล่ออกจากสนามไปโดยตรง จบเกม เป็น บีอีซี เทโรศาสน บุกมาเอาชนะ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ไปได้ 4:2 รวมผล 2 นัด เทโร ชนะไปขาดลอย 5:2 เข้าชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นครั้งแรก และเป็นการเข้าชิงบอลถ้วยเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ซึ่งจะเข้าไปชิงชนะเลิศกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต่อไป

ผลคู่อื่นๆ ที่ลงสนามในวันนี้

โตโยต้า ไทย พรีเมียร์ลีก 2014 นัดตกค้าง

ชัยนาท ฮอร์นบิล ชนะ ปตท.ระยอง 2:0

ผลฟุตบอลรายการพิเศษ แอลเอฟพี เวิร์ล ชาเลนจ์

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เสมอ อัลเมเรีย 1:1   

เครดิตภาพ – Buriram United & BEC Tero Sasana FC 
เรียบเรียงโดย – Mo Malaysia 
31-07-2557
10.00 น.