เนื่องจากในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่สิ่งต่างๆ มากมาย ทำให้โลกก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว กีฬาพื้นบ้านบางอย่างหาเล่นและหาชมได้ยากขึ้นในปัจจุบัน และหนึ่งในนั้นก็คือ “หมากขุม” ซึ่งเมื่อพูดถึง หมากขุม หลายคนอาจจะยังไม่ทราบและไม่เคยเห็นว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วเล่นกันแบบไหน ภาพโดย TheUjulala จาก Pixabay หมากขุมนั้นไม่มีประวัติที่มาแน่ชัดว่าใครเป็นผู้คิดค้น หรือมีจุดกำเนิดมาจากจังหวัดอะไร แต่หมากขุมเป็นเหมือนของเล่นที่มาก่อนที่เกมคอมพิวเตอร์จะเกิดขึ้นเสียอีก ซึ่งของเล่นนี้ภาคใต้จะเรียกกันว่า “หมากขุม” “หมากหลุม” และ “หลุมเมือง” ซึ่งในชื่อนั้นจะอธิบายถึงลักษณะหรืออุปกรณ์ที่ใช้เล่น ก็คือมีทั้งหมากและหลุม อุปกรณ์ในการเล่นหมากหลุมนั้น มีด้วยกันหลักๆ คือ 2 อย่าง ภาพโดย InspiredImages จาก Pixabay - วัสดุที่ใช้ในการใส่ลงไปในหลุม ที่เรียกว่า “ลูกหมาก” เช่น เม็ดมะขาม ลูกหวาด ลูกแก้ว ลูกหิน เม็ดยางพารา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุที่สามารถหาได้ตามธรรมชาติ ลูกหวาดหรือลูกสวาทจะมีลักษณะเป็นเม็ดสีเทาอมเขียว ขนาดเท่ากับหัวแม่มือ ซึ่งเป็นผลจากไม้เถาชนิดหนึ่ง - อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นหลุม ซึ่งนำมาต่อให้ติดกันเป็นแถว หรืออาจจะใช้ภาชนะที่เป็นหลุม ซึ่งภาพที่ผู้เขียนนำมาเสนอนั้นจะเป็นไม้ที่มีการแกะให้เป็นหลุมภายในเนื้อไม้ วิธีในการเล่นนั้น จะแบ่งเล่นด้วยกันเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งจะมีฝ่ายละ 7 หลุมในการเล่น ซึ่งมีวิธีเล่นดังนี้ 1. เติมลูกหมากใส่ลงไปในหลุมฝ่ายละ 5 หลุม หลุมละ 5 ลูก แต่ถ้ามีหลุม 7 หลุมก็ให้ใส่ฝ่ายละ 7 หลุม หลุมละ 7 ลูก เพิ่งจะมีหลุมที่ว่างอยู่ 1 หลุมไว้สำหรับเก็บลูกหมาก ซึ่งเรียกกันว่า “หลุมหัวเมือง” ของทั้งสองฝ่าย (กติกาการเล่นจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามปกรณ์ที่สามารถหาได้ ซึ่งหลุมส่วนใหญ่จะแบ่งออกให้เป็นเลขคี่) 2. ซึ่งเริ่มแรกผู้เล่นจะต้องหาคนชนะในการเดินรอบแรก ซึ่งหยิบลูกหมากในหลุมทั้งหมด ในหลุมใดก็ได้ในฝ่ายของตนเอง แล้วใส่ไปในกลุ่มถัดไปเวียนไปทางด้านซ้ายมือ และจะต้องใส่ในหลุมหัวเมืองของตนเองด้วย ก็คือถ้ามีรวมทั้งหมด 7 หลุม และหลุมของตนเองอีกหนึ่งหลุม ก็จะนับเป็นทั้งหมด 8 หลุม การเดินจำเป็นจะต้องมีการใส่ลูกหมากลงในฝ่ายตรงข้ามเรียงไปตามลำดับ หลุมละ 1 ลูก ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อลูกหมากตัวสุดท้ายหมดที่หลุมไหน ก็ทำการหยิบลูกหมากที่อยู่ในหลุมถัดไปทั้งหมดขึ้นมา แล้วใช้ลูกหมากที่หยิบขึ้นมานั้น ในการเดินหลุมต่อไป ซึ่งจะวนไปเรื่อยๆ หลุมละ 1 ลูกจนกว่าลูกหมากจะไปจบที่ “หลุมว่าง” แล้วไม่มีลูกหมากให้หยิบต่อไปอีกแล้ว ก็ถือว่าตายและจะต้องหยุดเดิน เพื่อเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามได้เริ่มเดินจนกว่าเขาจะตาย ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ 3. การจบเกม เกิดขึ้นเมื่อลูกหมากที่ใช้ใส่ลงไปในหลุมสิ้นสุดที่หลุมใดแล้ว อีกด้านนึงไม่มีลูกหมากให้สำหรับเดินต่อ แต่ถ้าการตายเกิดขึ้นในฝ่ายของผู้ที่เดิน และหลุมที่ใส่หมากลูกสุดท้ายในฝ่ายของตรงกันข้ามมีหมากอยู่ในหลุมนั้น สามารถเอาหมากในหลุมนั้นใส่ในหลุมหัวเมืองของตนเอง ซึ่งการทำสลับไปสลับมาเช่นนี้จะทำไปจนกว่าไม่มีหมากเหลือในหลุมทั้ง 7 หลุมของฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะไม่มีหมากไว้ใช้สำหรับเดินแล้วในแต่ละหลุม ก็คือจะเหลือหมากแค่เพียงในหลุมหัวเมืองเท่านั้น ซึ่งก็คือจะเหลืออยู่เพียงแค่ 2 หลุมฝ่ายเรา 1 หลุมและฝ่ายตรงข้ามอีก 1 หลุม 4. ผู้ชนะนั้นจะต้องนับจากหมากในหลุมหัวเมืองที่มีมากที่สุดในหลุม เมื่อได้ผู้ชนะแล้วจึงจะสามารถเริ่มเกมใหม่ได้ Photo by Tobias Tullius on Unsplash กีฬาพื้นบ้านชนิดนี้ เป็นกีฬาที่นับวันจะสูญหายไป อาจจะเนื่องด้วยลูกหมากหรือวัสดุอื่นที่ค่อยๆ หายไปถึงแม้จะมีการใช้วัสดุอื่นแทนที่ใช้ลูกแก้ว ซึ่งสามารถหาได้ง่ายกว่าและทนทานมากกว่า ซึ่งการละเล่นชนิดนี้เป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ทุกช่วงเวลา และสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย เป็นเกมที่เล่นเพื่อฝึกสมาธิในการใส่หมากในแต่ละหลุม เพราะในการที่จะเล่นเกมนี้วนไปซ้ำๆ อาจจะทำให้เกิดการใส่หมากผิดหลุมได้ ซึ่งเป็นตัวช่วยอย่างดีในการฝึกสมาธิ อีกทั้งยังเป็นการสานความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝ่าย แม้นว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าและมีโทรศัพท์เข้ามาแทนที่กีฬาพื้นบ้าน แต่กีฬาหมากหลุมนั้นก็ยังเป็นกีฬาในดวงใจของใครหลายๆ คน *** อุปกรณ์ที่ใช้มีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ซึ่งกฏและกติกาการเล่นหมากหลุมจะคล้ายเดิม อาจจะมีการปรับเปลี่ยนที่จำนวนหลุมลดลงหรือเพิ่มขึ้น หรือ การเพิ่มหรือลดจำนวนของหมากในแต่ละหลุม เพื่อให้การเล่นสะดวกและสนุกได้ทุกสถานที่ ออกแบบภาพหน้าปกโดยใช้ https://www.canva.com/