หงส์แดง ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่ 11 ของตัวเอง ด้วยการบุกไปเยือนทีมน้องใหม่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เกมนี้ลิเวอร์พูลมีปัญหาผู้เล่นตัวหลักบาดเจ็บเพิ่มเติมทั้ง ติอาโก้ อัลคันทาร่า และดาร์วิน นูเญซ ไม่มีชื่ออยู่ในทีมวันนี้ ทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องปรับเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงจากเกมที่แล้วถึง 5 ตำแหน่ง เคอร์ติส โจนส์, ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ เป็น 3 ดาวรุ่งที่ได้ลงพร้อมกันในแดนกลาง รวมถึงพี่ใหญ่ เจมส์ มิลเนอร์ ก็ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็คขวาด้วยเช่นกัน แม้ว่าเกมนี้ลิเวอร์พูล จะไม่ได้ส่งนักเตะชุดใหญ่ลงสนามอย่างครบครัน แต่เมื่อเทียบคุณภาพนักเตะกันแล้ว ก็ยังดูเหนือกว่าทีมเจ้าบ้านค่อนข้างมาก ดังนั้นเมื่อผลการแข่งขันออกมากลายเป็น ลิเวอร์พูล บุกมาแพ้ 1-0 จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมาก วันนี้ NPK Footballstyle จะมาวิเคราะห์หลังเกมถึง 5 เรื่องราวสุดแย่ นำลิเวอร์พูลไปสู่ความพ่ายแพ้ที่น่าผิดหวัง1.คุมเกมได้ แต่ไม่อันตรายลิเวอร์พูล เกมนี้แม้ว่าจะเป็นทีมเยือน แต่ด้วยคุณภาพนักเตะที่เหนือกว่าเจ้าบ้านมาก จึงเป็นฝ่ายที่คุมเกมได้เหนือกว่า ส่วนเจ้าบ้านก็ถอยลงไปตั้งรับกันหมด ทำให้แทบไม่มีช่องว่างจะเจาะเข้าไปทำประตู นักเตะลิเวอร์พูลทำได้เพียงครองบอลจ่ายกันไปมา โดยบอลส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณกลางสนาม พยายามขึ้นบอลจากแดนหลัง แต่ไม่สามารถจ่ายบอลเข้าพื้นที่อันตรายได้ ลองเปิดเข้าไปลุ้นหลายครั้งแต่ก็ไม่แม่นยำ สุดท้ายก็จ่ายพลาดเสียบอลกันไปเอง ทำให้นักเตะฟอเรสต์ มีจังหวะได้เล่นเกมสวนกลับมาหลายครั้ง แต่ด้วยคุณภาพแนวรุกที่ไม่ดี จึงไม่ได้สร้างความอันตรายให้กองหลังลิเวอร์พูลมากนัก ทำให้เกมนี้แม้ว่าลิเวอร์พูลจะคุมเกมไว้ได้เกือบหมด แต่จังหวะการลุ้นทำประตู กลับเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่ได้ยิงมากกว่าซะอีก2. นักเตะไม่มีความมุ่งมั่นเกมนี้เมื่อเทียบกับ 2 เกมที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่านักเตะลิเวอร์พูลเล่นกันแบบสบายมากเกินไป ขาดความมุ่งมั่นและตั้งใจ แม้จะเป็นฝ่ายได้ครองบอลมากกว่า แต่รูปเกมโดยรวมกับแย่มาก จ่ายบอลขาดๆเกินๆ เสียบอลง่าย แทบไม่มีการวิ่งบีบพื้นที่คู่แข่งเลย หลายจังหวะที่นักเตะดูไม่มีความกระตือรือร้น ปล่อยให้คู่แข่งแย่งบอลและเลี้ยงผ่านไปง่ายๆ นักเตะส่วนใหญ่ยืนคุมพื้นที่ของตัวเองมากเกินไป ขยับเข้ามาช่วยกันไม่มากพอ ทำให้เกมขาดความต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าหลังจากถูกยิงประตูขึ้นนำ ถึงดูจะตื่นตัวกันมากขึ้น ทำเกมเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายก็ไม่ทันเวลาอยู่ดี3. ประมาทคู่แข่งมากเกินไปความประมาทคือหนทางสู่ความตาย กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาทันที เกมนี้เห็นได้ชัดว่านักเตะลิเวอร์พูลส่วนใหญ่ ออกอาการประมาทคู่แข่ง คิดว่าตัวเองเหนือกว่ามาก พยายามเก็บบอลไว้กับตัว และเลือกเล่นในจังหวะที่ยากกว่าปกติ ทั้งที่บางครั้งสามารถจ่ายบอลกันได้ง่ายๆ แต่กลายเป็นจะโชว์เหนือ แล้วก็พลาดท่าตกม้าตายเองกันหลายครั้ง สุดท้ายในจังหวะที่เสียประตู โจ โกเมซ ก็ประมาทนักเตะฟอเรสต์มากเกินไป เก็บบอลไว้กับตัวนานจนเกือบโดนฉกไปจากเท้า ต้องยอมตัดฟาวล์ได้รับใบเหลือง และจากลูกฟรีคิกจังหวะนี้ก็นำไปสู่การเสียประตูของลิเวอร์พูลนั่นเอง4. ขาด ติอาโก้ อัลคันทาร่า เหมือนขาดใจติอาโก้ อัลคันทาร่า ไม่สามารถผ่านความฟิตอดลงช่วยทีมอย่างกะทันหัน ทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง เคอร์ติส โจนส์ ดาวรุ่งของทีมที่เพิ่งหายบาดเจ็บ ลงมาเล่นเป็นคนคุมจังหวะในแดนกลางของทีมแทน ช่วงเริ่มเกมอาจจะยังไม่เห็นความแตกต่างมากนัก แต่พอเล่นไปเรื่อยๆจะเห็นได้ว่า เกมแดนกลางของลิเวอร์พูลดูติดๆขัดๆ การจ่ายบอลขาดความแม่นยำ บอลส่วนใหญ่ถูกจ่ายออกริมเส้นด้านข้าง บอลจ่ายทะลุช่องจากตรงกลางแทบไม่มีให้เห็น จังหวะของเกมก็ดูแปลกตาไป จังหวะควรเร่งกับดึงช้า จังหวะที่ควรดึงเกมเก็บบอลไว้ก็ดันเร่งเกมจนจ่ายบอลเสีย การขาด ติอาโก้ อัลคันทาร่า ทำให้ไม่มีผู้นำในแดนกลาง ไม่มีคนคอยคุมจังหวะและจ่ายบอลสวยๆ ส่วนเคอร์ติสโจนส์ ก็ทำหน้าที่แทนได้ไม่ดี พยายามจะดึงเกมครองบอล แต่กลายเป็นออกบอลช้า เสียบอลง่าย และจ่ายบอลแล้วเพื่อเล่นยาก แล้วยังไม่สามารถช่วยทีมสร้างสรรค์เกมรุกได้เลย 5. จุดอ่อนเดิมแพ้ภัยตัวเองเกมนี้ลิเวอร์พูลกลับมาเผยจุดอ่อนเดิมให้เห็นอีกครั้ง เมื่อเจอกับทีมที่คู่แข่งคุณภาพเป็นรอง และลงไปเล่นเกมรับกันต่ำ นักเตะลิเวอร์พูลก็จะเป็นฝ่ายครองเกมบุกเข้าใส่ แต่เมื่อเกมรุกไม่มีความเด็ดขาดเจาะเข้าไปทำลายแนวรับของคู่แข่งไม่ได้ กองหลังลิเวอร์พูลก็เริ่มดันสูงมาจนถึงกลางสนาม เพื่อล่อให้คู่แข่งเปิดเกมรุกเข้ามาสู้ แต่ความผิดพลาดส่วนบุคคล และการเสียบอลกลางสนามก็กลายเป็นหายนะ นักเตะฟอเรสต์ ตัดบอลแล้วเล่นจังหวะโต้กับสวยๆได้หลายครั้ง ถ้าหากคุณภาพนักเตะของเจ้าบ้านดีกว่านี้ ลิเวอร์พูลก็อาจจะเสียประตูไปตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วก็ได้ แต่เมื่อถูกเตือนแล้วยังไม่จำสุดท้ายก็เลยเสียประตูจนได้ เป็นการแพ้ภัยตัวเองด้วยจุดอ่อนเดิมๆ ที่คู่แข่งทำแล้วมักจะได้ผลจบเกมที่ 11 ของฤดูกาล ลิเวอร์พูลยังคงอยู่อันดับ 7 ของตาราง มีอยู่ 16 คะแนน ตามหลังพื้นที่โควต้า UCL 5 คะแนน โอกาสลุ้นแชมป์ในปีนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นการคว้าอันดับ 4 เพื่อไปเตะฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปียนลีก จึงน่าจะเป็นเป้าหมายที่ยังพอมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด เกมต่อไปในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลจะเปิดบ้านพบ ลีดส์ยูไนเต็ด กลางดึกคืนวันเสาร์เวลา 01:45 น. ส่วนผลจะเป็นยังไงบ้างนั้นต้องมารอติดตามชมพร้อมกันถ้าหากเพื่อนๆชอบในการวิเคราะห์ของเรา หรืออยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติม รบกวนฝากกดติดตามบทความอื่นๆของเราได้ทั้ง 2 ช่องทางด้านล่างนี้เลย ขอบคุณครับTrueid : NPK Footballstyleเพจ Facebook : NPK Footballstyleเครดิตภาพภาพปก Liverpoolภาพ1 Liverpoolภาพ2 Liverpoolภาพ3 Liverpoolภาพ4 Liverpoolภาพ5 Liverpoolส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !