จากการพ่ายแพ้ต่อ "ลิเวอร์พูล" เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้วยสกอร์ 1-0 ถือเป็นการปราชัยต่อคู่แข่งครั้งแรกในรอบ 21 เกม และครั้งแรกของฤดูกาลนี้ด้วย ทำให้ ณ ตอนนี้ต้องตามหลังจ่าฝูงอย่าง "อาร์เซนอล" ถึง 4 แต้ม แต่ยังเหลือการแข่งขันในลีกอีก 3 นัด ก่อนจะพักเบรคให้กับฟุตบอลโลกการพ่ายแพ้นัดเมื่อคืนถ้าดูผิวเผินก็คงมองไปในทางเดียวกันว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ เพราะแค่เรามองไปที่ปัญหาของคู่แข่งอย่าง "ลิเวอร์พูล" ที่มีมากมายเต็มไปหมด ก็สามารถการันตีชัยชนะของ "แมนฯ ซิตี้" ได้แล้ว และผสมเหตุอื่นๆ เข้าไปอีก เช่น ฟอร์มของทีม , การจ่ายบอลของ "เดอ บรอยน์" หรือ ร่างทองของ "ฮาแลนด์" ยิ่งทำให้สื่อแทบทุกสำนักกล้าฟันธงในชัยชนะของทัพเรือใบสีฟ้าทั้งหมดเป๊ป VS คล็อปป์อีกหนึ่งครั้งกับสังเวียนระหว่างสองกุนซือที่ดีที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน แล้วก็เป็น "คล็อปป์" ที่ยังคงเหนือกว่า และเป็นกุนซือที่เอาชนะ "เปป กวาร์ดิโอลา" ได้มากที่สุด แต่ก็ต้องชื่นชมจริงๆ เมื่อแท็กติคของกุนซือชาวเยอรมัน สัมฤทธิ์ผลอีกครั้ง เอาเกมรุกของ "แมนฯ ซิตี้" อยู่หมัด ชนิดว่าไปแทบไม่เป็น แถมยังปั่นป่วนเกมรับได้อันตรายเช่นกันนักเตะโชว์ฟอร์มไม่ออกเกมนัดเมื่อคืนทำให้นึกถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ ศึก UCL กับ "เชลซี" แต่นัดนั้นเป็นความอินดี้ของ "เปป กวาร์ดิโอลา" เอง ที่ไม่เปลี่ยนวิธีการเล่นจากที่เล่นแบบเดิมๆ มาตลอด ทำให้พลาดแชมป์ยุโรปใบแรกของประวัติศาสตร์สโมสรไป แต่กลับกัน นัดนี้พวกเขาเล่นเหมือนเดิม น่ากลัวในทุกตำแหน่งเหมือนเดิม แต่ต้องชมคู่แข่งมากกว่า ที่อ่านแท็กติคได้ขาดทั้งหมด และอาจจะนำไปสู่ต้นแบบให้ทีมอื่นๆ ได้ทำตามเมื่อต้องเจอบอลของเขาหยุดสถิติยิงต่อเนื่องของ "ฮาแลนด์"จังหวะจะแจ้งของดาวยิงชาวอนร์เวย์ น่าจะมีให้เห็นอย่างน้อยสองครั้ง ครั้งแรกคือจังหวะโหม่งข้ามคาน และอีกครั้งคือจังหวะที่ได้ง้สงเท้ายิงนอกกรอบเขตโทษ แต่ก็ไม่ดีพอจะเป็นประตู เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้ "โจ โกเมซ" กองหลังของลิเวอร์พูล ที่ยึดร่างทองมาไว้ที่ตัวเองแทน ส่วน "เดอ บรอยน์" ก็แทบจะหาจังหวะเข้าทำไม่ได้เลย แต่ก็ยังเป็นคนที่อันตรายอยู่ แม้สถานการณ์จะเป็นแบบเมื่อคืนก็ตามความผิดพลาดของ "กันเซโล่"ถ้าไม่นับจังหวะเสียประตู แบ็คชาวโปรตุกีส มีจังหวะผิดพลาดบ่อยครั้ง เสียบอลเยอะ จ่ายบอลเสียอีก ดูจะเป็นวันที่ไม่ใช่ตัวของเขาเลย และหลังเกมเราจะเห็นว่าเขาเป็นคนทำสัญญานขอโทษเพื่อนๆ และแฟนบอล ประมาณว่า การพ่ายแพ้วันนี้เป็นความผิดของเขาเองซึ่งทั้งหมดก็ดูเหมือนผลการแข่นขันทั่วๆไป ชนะก็มีแพ้ได้ แต่การแพ้ของ "แมนฯ ซิตี้" มันต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว 11 ตัวที่แข่งแกร่ง วันนี้เราเห็นแล้วว่าทุกตำแหน่งนั้นมีจุดอ่อนอยู่ ถ้าทุกทีมต่อจากนี้เอาเกมรุกของ "แมนฯ ซิตี้" อยู่ อาจจะเป็นหายนะการลุ้นแชมป์ของพวกเขาก็ได้ และเมื่อไปดูคุ่แข่งปีนี้อย่าง "อาร์เซนอล" ก็น่าเป็นห่วงเหลือเกิน ทั้งฟอร์มการเล่น แพสชั่นในการลงสนาม แม้แท็กติคบางครั้งก็สู้คู่แข่งไม่ได้ แต่การกระหายชัยชนะของบรรดาดาวรุ่งของทีม ก็กำลังได้ใจ และพร้อมจะฉีกคะแนนให้ห่วงจาก "แมนฯ ซิตี้" ไปทุกเมื่อขอบคุณรูปภาพที่ 1 : facebook/mancityขอบคุณรูปภาพที่ 2 : facebook/PremierLeagueขอบคุณรูปภาพที่ 3 : facebook/mancityขอบคุณรูปภาพที่ 4 : facebook/ThailandLiverpoolFCขอบคุณรูปภาพที่ 5 : facebook/ThailandLiverpoolFCขอบคุณรูปภาพปก : facebook/mancityCommunity คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์