เกือบไม่ได้ไปต่อแล้วสำหรับเรอัล มาดริด ที่แม้ในเกมแรกจะสามารถเอาชนะแอร์เบ ไลป์ซิกไปได้ 1-0 กุมความได้เปรียบในศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีกนัดแรกมาได้ แต่มานัดที่สองที่เล่นในซานติอาโก เบร์นาเบว พวกเขาเกือบโดนทีเด็ดและความใจสู้ของไลป์ซิกมากระชากผลการแข่งขันไป ผลสุดท้ายจบลงไปด้วยสกอร์ 1-1 รวมผลการแข่งขันสองนัด 2-1 เรอัล มาดริดผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปประเด็นที่เกิดขึ้นในเกมนี้มีอะไรบ้าง มาดูกันประเด็นที่ 1: ฟอร์มการเล่นที่แผ่วเกินไปของเจ้าบ้านแฟนบอลเรอัล มาดริดคงคาดหวังว่าจะได้เห็นความดุดันไม่เกรงใจใครของเหล่านักเตะในทีมว่าจะเล่นกันแบบสนุกสนานไม่สนความดุดันของอีกฝ่าย แต่กลายเป็นว่าคราวนี้แฟนบอลผิดหวังกันไปทั้งสนาม เมื่อตั้งแต่ต้นเกม เจ้าบ้านดันเป็นฝ่ายที่ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา แม้จะมีจังหวะที่เปิดเกมแลกกันอยู่บ้าง มีให้ลุ้นหวาดเสียวบ้าง พอดูไปหลายๆจังหวะแล้ว เหมือนจะเล่นแบบเซฟๆตัวเองซะมากกว่า แล้วก็ปล่อยให้ไลป์ซิกได้มีโอกาสกดดันใส่เยอะเกินไป จนในครึ่งหลังก็ต้องมาเสียประตู และต้องเป็นฝ่ายตั้งรับเพื่อไม่ให้เสียประตูเพิ่มจนไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ บ้างก็ว่าผลจากเกมที่เสมอบาเลนเซีย ทำให้อารมณ์ของนักเตะไม่นิ่งพอ บ้างก็ว่าเพราะความเหยาะแหยะและประมาทของนักเตะ รวมไปถึงผู้จัดการทีม ที่จะพูดถึงในประเด็นต่อไป ซึ่งแนวรุกของเรอัล มาดริดก็เป็นระดับแนวหน้าของโลกฟุตบอลอยู่แล้ว ทีนี้ปัญหาคือ ความต่อเนื่องของฟอร์มนักเตะนี่แหละ ที่ยังคงเป็นปัญหาเสมอสำหรับทีมใหญ่ๆ หากวันดีคืนดีพาเหรดกันฟอร์มตกหมด ก็มีปัญหากับผลการแข่งขัน แต่อย่างน้อย วินิซิอุส จูเนียร์และจู๊ด เบลลิงแฮม ยังคงโชว์ความเป็นนักเตะที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้อยู่เสมอประเด็นที่ 2: การวางแผนที่ประมาทเกินไปของอันเชล็อตติเมื่อฟอร์มการเล่นของทีมดูไม่ดุดันและไม่ดีเหมือนก่อนหน้านี้ คาร์โล อันเชล็อตติเลยบอกตามตรงว่า นัดนี้เราวางแผนมาแบบนี้ แต่ว่าเราเล่นไม่ได้ตามแผน ที่วางไว้ แถมด้วยการเจอลูกฮึดและแรงใจจากทางฝั่งไลป์ซิกอีก ยิ่งทำให้เหมือนมีความรวนและเสียสมาธิไปพักใหญ่ แต่ก็โชคดีที่ทางฝั่งไลป์ซิกก็ยังคงมีปัญหาเรื่องการจบสกอร์ที่ไม่คมเองเมื่อเทียบกับโอกาสการทำประตูที่เยอะในเกมนี้ นี่ไม่ใช่เกมแรกที่อันเชล็อตติติดประมาทและวางแผนการเล่นไม่ดี มันเคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว แต่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ในนัดนี้ก็มีผลจากการที่แนวรับขาดนักเตะตัวหลัก ทั้งดาบิด อลาบา และเอแดร์ มิลิเตา ส่วนทางอันโตนิโอ รูดิเกอร์ก็เป็นเซนเตอร์แบ็คตัวหลักที่ไว้ใจได้มากที่สุด ส่วน นาโช่ เฟอร์นันเดส ยังคงมีข้อผิดพลาดและจุดบกพร่องอยู่ ทำให้ยังไม่ได้รับความไว้วางใจเท่าที่ควร แต่สุดท้ายแล้ว ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็ห้ามประมาทแบบนี้เป็นอันขาดประเด็นที่ 3: ลูกฮึดจากทางไลป์ซิก พาลทำเจ้าบ้านเสียฟอร์มไปพักใหญ่นี่คือหนึ่งในทีมที่มีแนวรุกที่น่ากลัวอีกทีมหนึ่งของบุนเดสลีกา การที่มีนักเตะระดับคุณภาพสูงหลายๆคน ยิ่งตอกย้ำความยอดเยี่ยมของแมวมองไลป์ซิก ฝีมือการตัดสินใจเลือกนักเตะของผู้จัดการทีมอย่าง มาร์โก โรเซ่ ที่คราวนี้จัดหนักจัดเต็มในแนวรุก ทั้งโลอิส โอเพนด้า เบนจามิน เซสโก้ ชาบี ซีโมนส์ และ ดานี่ โอลโม่ ซึ่งหลายๆจังหวะเห็นได้ชัดถึงความเข้าขาของแนวรุกเหล่านี้ และก็อย่างที่เราเห็นกัน พวกเขาก็สามารถบุกไปทะลวงตาข่ายของเรอัล มาดริดได้สำเร็จ กลายเป็นขวัญกำลังใจของทางฝั่งไลป์ซิกมาเต็มเปี่ยม ทำเอาเจ้าบ้านตั้งสมาธิกันแทบไม่ทัน แต่สุดท้ายก็เพราะความไม่เฉียบขาดในจังหวะสุดท้ายนี่แหละ ทำให้พวกเขาต้องจอดเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้ ฤดูกาลหน้าถ้าแนวรุกยังเป็นชุดนี้อยู่หรือมีการพัฒนารูปแบบการเล่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขาอาจจะไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอนขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1,2,3 และภาพปกบทความ จาก Facebook Real Madrid C.F.ภาพที่ 4 และภาพปกบทความ จาก Facebook RB Leipzig เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !