บอกให้รู้ไว้!! ย้อนตำนาน2ครั้ง ทัพนักเตะสยาม เหยียบผืนหญ้า เวทีโอลิมปิก

                       นักเตะทีมชาติไทย ชุดโอลิมปิก ปี 2499 ที่เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย

ก่อนหน้าจะระเบิดแข้งสำหรับทัวร์นาเมนต์ “ปรีโอลิมปิก” ที่จะใช้ทัวร์นาเมนต์อย่าง ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งทวีปเอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการคัดสามทีมสุดท้ายเป็นตัวแทนทวีปเอเชียไปแข่งขันกีฬาฟุตบอล ในมหกรรมกีฬาเพื่อมวลมนุษยชาติ “โอลิมปิก 2016” ที่ประเทศบราซิล

ซึ่งทีมชาติไทยชุดนี้ จะลงทำการแข่งขันใน กลุ่ม จี ระหว่างวันที่ 27-31 มีนาคม ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีคิวพบกับ กัมพูชา ในวันที่ 27, ฟิลิปปินส์ ในวันที่ 29 และปิดท้ายดวลกับเกาหลีเหนือในวันที่ 31 มีนาคม โดยทุกเกมจะเริ่มแข่งเวลา 19.00 น.

ทั้งนี้ น้อยคนนักที่จะทราบว่า ทีมชาติไทยในอดีตนั้น เคยผ่านเข้าร่วมแข่งขันกีฬาฟุตบอลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว 2 สมัยด้วยกัน ซึ่งทาง Sport.truelife.com จะขอมาย้อนอดีตอันสุดยอดของเหล่านักเตะทีมชาติสยามในสมัยนั้นให้เป็นความรู้กัน

ครั้งแรกที่ทีมชาติไทยได้ปรากฏบนเวทีโอลิมปิก ต้องย้อนไปเมื่อ 59 ปีที่แล้ว ในปี พ.ศ. 2499 ซึ่งขณะนั้นมี พล.ต. เผชิญ นิมิบุตร ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมของฟุตบอลไทย ซึ่งได้มีการค้นหาผู้เล่นจากหลายสโมสร เพื่อจัดตั้งทีมชาติ เข้าร่วมแข่งขันกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก ครั้งที่ 16 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

และนั่นคือครั้งแรกที่ทีมฟุตบอล ทีมชาติไทย ได้มีโอกาสเข้าร่วมใน กีฬาโอลิมปิกการแข่งขันในครั้งนั้น เป็นการแข่งขันแบบแพ้คัดออก โดยทีมไทยจับฉลากได้แข่งกับ ทีมชาติสหราชอาณาจักร ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2499 ซึ่งผลปรากฏว่า ทีมชาติไทยพ่ายไปอย่างยับเยิน 0-9 ซึ่งเป็นสถิติแพ้สูงสุดของทีมชาติไทยจวบจนปัจจุบันนี้ ภายหลังจากการแข่งขันเสร็จสิ้น หนังสือพิมพ์สยามนิกร ฉบับวันที่ 28 พฤศจิกายน ได้พาดหัวข่าวหน้ากีฬาว่า “ทีมชาติอังกฤษเฆี่ยนทีมชาติไทย 9-0”

ทั้งนี้ เมื่อจบการแข่งขัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงได้ส่ง พล.ต.ดร.สำเริง ไชยยงค์ นักฟุตบอลในชุดโอลิมปิกนั้น ไปศึกษาพื้นฐานการเล่นฟุตบอลจากประเทศเยอรมนี เพื่อให้กลับมาสอนการเล่นฟุตบอลให้แก่ทีมชาติไทยอีกด้วย

จากนั้น ทีมชาติไทยก็มีโอกาสได้ตะลุยในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ อีกครั้ง ในปี 2511 ซึ่งเป็นโอลิมปิกครั้งที่ 19 ที่เมืองเม็กซิโก ซิตี้ ประเทศเม็กซิโก โดยคราวนี้เป็นการแข่งแบบแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ซึ่งทีมชาติไทย อยู่กลุ่มเดียวกับ บัลแกเรีย, กัวเตมาลา และ เช็กโกสโลวาเกีย

ซึ่งผลการแข่งขันในสามเกมนั้น ปรากฏว่า ทีมชาติไทยพ่ายรวดสามเกม โดยนัดแรกแพ้ให้กับ บัลแกเรีย 0-7 ต่อมานัดที่สอง แพ้ให้กับ กัวเตมาลา 1-4 ซึ่งเกมนี้ได้เกิดประวัติศาสตร์ขึ้นสองอย่าง นั่นคือ ประตูแรกในกีฬาโอลิมปิกของทีมชาติไทย มาจาก อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค ในนาทีที่ 44 ของเกม ก่อนที่จะเกิดประวัติศาสตร์อีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการที่ ชัชชัย พหลแพทย์ โดนใบแดงในช่วงครึ่งหลัง และนั่นคือใบแดงแรกเช่นกันในการแข่งขันกีฬาฟุตบอล โอลิมปิกเกมส์ ของทีมชาติไทย ก่อนที่ทีมชาติไทย จะลงเล่นนัดสุดท้าย พ่าย เช็กโกสโลวาเกีย ย่อยยับ 0-8 และตกรอบไปในที่สุด…..

นี่คือประวัติคร่าวๆ ของทีมชาติไทย ในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลใน มหกรรมกีฬา “โอลิมปิก เกมส์” ที่เคยผ่านสมรภูมิลูกหนังแบบมหกรรมกีฬาห้าห่วงมาแล้วสองครั้ง ซึ่งหากน้องๆ ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ภายใต้การคุมทีมของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่กำลังจะลงแข่งขันในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ สามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายในการคัดเลือกชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศกาตาร์ ปี 2016 ได้

เราก็อาจจะได้เห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กับการได้เห็นนักฟุตบอลเลือดสยาม ลงแข่งโอลิมปิก รอบสุดท้ายที่ประเทศบราซิล ดินแดนแห่งโคตรฟุตบอล ก็เป็นได้……

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย
และ http://www.siamfootball.com/

26-03-2558
17.17 น.