หลังจากผ่านพ้นค่ำคืนที่สวยงามของลิเวอร์พูลแต่หม่นหมองสำหรับแมนยูไปแล้วนั้น มีประเด็นอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในแดงเดือดลิเวอร์พูล กับ แมนยูนี้ มาชำแหละกันครับประเด็นที่ 1: สกอร์ขาดลอยที่เป็นสถิติใหม่ของแดงเดือดสกอร์ที่ขาดลอยของลิเวอร์พูลในเกมนี้ที่ทำได้นั้น ถือว่าเป็นสถิติการชนะสูงที่สุดในรอบหลายร้อยปีถ้านับแค่เกมแดงเดือด หลังจากที่ล่าสุดที่ยิงสกอร์ได้สูงแบบนี้ เกิดขึ้นในปี 1895 ตั้งแต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังใช้ชื่อทีมว่า นิวตัน ฮีท ที่ตอนนั้นลิเวอร์พูลชนะไปได้ถึง 6-1 แถมยังเป็นสถิติที่แมนยูไม่น่าจดจำในยุคพรีเมียร์ลีก เมื่อเกมนี้คือเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้มากที่สุดในฐานะทีมเยือน ส่วนถ้านับในพรีเมียร์ลีกที่แมนยูไนเต็ดพ่ายแพ้มากที่สุดจะมีเพียงแค่ 2 ครั้งที่พวกเขาแพ้มากที่สุดด้วยสกอร์เท่ากัน 6-1 โดยเป็นการพ่ายแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในปี 2011 และสเปอร์ส ในปี 2020ประเด็นที่ 2: แอนฟิลด์ไม่เคยง่ายสำหรับผู้มาเยือนหากไม่นับเกมที่แพ้ลีดส์ ยูไนเต็ดและเรอัล มาดริดคาแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูลก็ถือว่าเป็นทีมที่แพ้ยากในบ้านของตัวเอง โดยพวกเขาก็สามารถสร้างพลังงานบวกให้กับแฟนบอลในสนามได้อย่างมาก โดยเฉพาะในนัดแดงเดือดที่สร้างพลังงานบวกได้เยอะเกินมาตรฐานสุดๆ ตอบแทนให้กับความไว้วางใจของแฟนบอลที่มีต่อพวกเขา ความศรัทธาของเหล่าแฟนบอลที่มีต่อนักเตะทุกคนในสนามและกุนซืออย่างเจอร์เกน คล็อปป์ ที่ช่วงแรกๆนั้นมักจะถูกค่อนขอดและถากถางบ้างว่าเริ่มหมดความหมายกับลิเวอร์พูลแล้ว แต่สุดท้ายความอดทนของเขาและความพยายามในการปรับปรุง แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได นี่คือมนต์เสน่ห์ของแอนฟิลด์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยความรัก ความหวัง ความศรัทธาของเหล่าแฟนคลับ นักเตะและสตาฟโค้ชของทีมประเด็นที่ 3: แดนหน้ายุคใหม่ของลิเวอร์พูลหลังจากยุคสุดยอดแนวรุก มาเน่ ซาลาห์ ฟิร์มิโน่ นับตั้งแต่มาเน่ย้ายทีม ฟิร์มิโน่ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงตัวจริง แต่สุดท้ายในยุคนี้ ลิเวอร์พูลอาจได้ 3 แนวรุกชุดใหม่แล้วล่ะ ดาร์วิน นูเญซ โคดี้ กัคโป และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยตอนนี้นั้นพวกเขายิงประตูรวมกันไปได้แล้วทั้งหมด 23 ประตู ส่วนทางฟิร์มิโน่ ที่แม้จะไม่ค่อยได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องก็ยิงไปได้ถึง 8 ประตู ก็ไม่น้อยเช่นกัน ถือว่าแนวรุกชุดนี้กำลังฟอร์มเข้าฝักแล้ว ความน่ากลัวของแนวรุกยุคใหม่ชุดนี้ในโค้งสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ก็น่าสนใจว่าพวกเขาจะสร้างความน่ากลัวและความเปลี่ยนแปลงให้กับทีมได้มากน้อยแค่ไหนประเด็นที่ 4: ซาลาห์กับสถิติยิงประตูในพรีเมียร์ลีกสูงสุดตลอดกาลโมฮาเหม็ด ซาลาห์ทำลายสถิติอีกแล้ว หลังจากเกมแดงเดือดยิงเพิ่มได้ 2 ประตู ทำให้ปัจจุบันนี้ เขาทำลายสถิติของร็อบบี้ ฟาวเลอร์ กลายเป็นผู้เล่นของลิเวอร์พูลที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกสูงสุดตลอดกาลของทีมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยิงไปได้ทั้งหมด 129 ประตู แล้ว และหากยังอยู่กับทีมไปนานๆก็มีสิทธิ์เพิ่มสกอร์ไปอีกเรื่อยๆประเด็นที่ 5: แดงเดือดครั้งสุดท้ายของฟิร์มิโน่หลังจากที่มีข่าวว่าโรแบร์โต ฟิร์มิโน่นั้นจะขอย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ นัดนี้ก็ถือว่ากลายเป็นเกมแดงเดือดครั้งสุดท้ายของเขา แม้เขาจะไม่ได้ลงเป็นตัวจริงในนัดนี้ แต่เขาก็ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวสำรองแทนที่ โคดี้ กัคโป และเขาก็สามารถแอสซิสต์ให้กับซาลาห์ยิงได้ รวมไปถึงลูกปิดท้ายในเกมนี้ที่เขายิงได้ ทำให้เกมนี้คือเกมที่เขาน่าจะประทับใจไม่มีวันลืม ในชีวิตการค้าแข้งกับลิเวอร์พูลยาวนานถึง 8 ปี ซึ่งในตอนนี้สถิติของเขากับทีม หลังจากลงสนามไปแล้วทั้งหมด 354 นัดรวมทุกรายการ ยิงไปทั้งหมด 108 ประตูกับอีก 79 แอสซิสต์ และเกมการแข่งยังเหลืออีกหลายนัดให้เขาสร้างสถิติที่น่าจดจำต่อไปประเด็นที่ 6: ความพินาศของปีศาจแดงในแดงเดือด แม้ช่วงครึ่งแรกพวกเขาจะพยายามทำดีมาแค่ไหน แต่ครึ่งหลังคือหนังคนละม้วน หลังจากที่พวกเขาเสียประตูในครึ่งแรกไป แล้วครึ่งหลังก็โดนถล่มเละเทะจนเดินกลับโอลด์ แทรฟฟอร์ดไม่ถูก ในนัดนี้ ถือว่าเป็นเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้น ย่ำแย่ไปในแทบทุกจุด ทุกคน ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยันกองหน้า และแผนการเล่น เมื่อนัดนี้ เอริค เทน ฮาก เลือกที่จะเปลี่ยนนักเตะถึง 2 คนในเกมนี้ โดยแบ็คขวา เลือกใช้ ดิโอโก้ ดาโล่ แทนที่อารอน วาน บิซซาก้า เฟรด แทน มาร์เซล ซาบิตเซอร์ แถมเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของนักเตะ ทั้งการโยกบรูโน่ แฟร์นันเดส ไปเล่นเป็นปีกขวา เวาต์ เวกฮอร์ตส์ เล่นเป็นหน้าต่ำ มาร์คัส แรชฟอร์ดไปเล่นหน้าเป้า ซึ่งกลายเป็นว่าการเปลี่ยนแปลงแบบกระทันหันในเกมนี้แทนที่จะยึดรูปแบบเดิมๆที่ผ่านมาที่โชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอด เป็นเละเทะไม่มีชิ้นดี ผิดพลาดกันแทบทุกตำแหน่ง ไม่เหลือเค้าลางของฟอร์มทีมแชมป์คาราบาวคัพเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งเรื่องของภาษากายนักเตะหลายๆคน สภาพจิตใจ รวมไปถึงพลังใจที่หดหายกันแทบทุกคน แม้แต่เอริค เทน ฮากที่ดูแอ็คชั่นในหลายๆเกม เกมนี้กลับดูเฉยๆและแก้เกมไม่ได้เลยแม้แต่จังหวะเดียว ซึ่งเกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่อัปยศที่สุดสำหรับสโมสรและแฟนบอลอย่างมาก หวังว่าหลังจากนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและปลุกเร้าพลังใจนักเตะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไวๆแล้วกัน เพราะหากจิตใจพังทลายไปหลังจากนี้ อาจทำให้การลุ้นแชมป์ 3 แชมป์ที่กำลังมีลุ้นนั้น ยิ่งถอยห่างเข้าไปอีกบทความกีฬาอื่นๆจาก TinTinGGWPhttps://intrend.trueid.net/post/350696https://intrend.trueid.net/post/350205https://intrend.trueid.net/post/349734ขอขอบคุณภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 2 จาก Twitter Manchester Unitedภาพที่ 3 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 4 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 5 จาก Twitter Liverpool FCภาพที่ 6 จาก Twitter Manchester Unitedภาพปกประกอบบทความ จาก Twitter Liverpool FCCommunity ฟุตบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์