ผลการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย มีประเด็นน่าสนใจในกลุ่ม B นักเตะแดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย พ่ายคาบ้านให้กับญี่ปุ่น 0-2 ส่งผลให้ทัพนักเตะซามูไรการันตีคว้าตั๋วไปเล่น “ฟุตบอลโลก 2022” รอบไฟนอลที่กาตาร์เป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของออสเตรเลียแม้หลือโปรแกรมเจอกับซาอุดีอาระเบีย แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าต้องจบเพียงอันดับ 3 ต้องดิ้นรนเพลย์ออฟกับอันดับ 3 กลุ่ม A เพื่อหาผู้ชนะไปแข่งกับอันดับ 5 ของทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งถือว่า “ผิดแผน” ผิดเป้าหมายอย่างแรงสำหรับฟุตบอลมาตรฐานสูงทีมหนึ่งอย่างออสเตรเลียในอดีต “ทีมชาติออสเตรเลีย” เคยอยู่โซนโอเชียเนีย ซึ่งได้โควตาฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเพียงครึ่งทีมเท่านั้น ไปเพลย์ออฟกับอเมริกาใต้บ้าง คอนคาเคฟบ้าง แต่พวกเค้าก็ได้แชมป์โอเชียเนียแบบไม่ยากเย็น เป็นขาประจำ “เพลย์ออฟ” แบบเชื่อขนมกินว่ายังไงก็ได้ลุ้นเข้ารอบเวิลด์คัพทุกสมัย มีความพยายามวิ่งเต้น ผลักดันให้โอเชียเนียได้สิทธิ์ 1 ทีมอัตโนมัติมาโดยตลอด แต่ด้วยสมาชิกที่น้อยมากในขณะนั้นเพียง 13 ประเทศ และมีเพียงออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์เท่านั้นพอจะมีฝีมือเรื่องฟุตบอล ว่ากันตามตรงนิวซีแลนด์เนี่ยทีมชาติไทยยังเอาชนะได้สบายคุณภาพโซนนี้จึงไม่มีน้ำหนักพอให้ฟีฟ่าพิจารณาเพิ่มสิทธิ์ได้เต็มทีม ส่งผลให้ออสเตรเลียยังคงต้องเพลย์ออฟกับทวีปอื่นต่อไป หากครั้งไหนดวงไม่ดีไปเจอทีมแข็งก็อดไปฟุตบอลโลกได้เหมือนกัน เช่นในปี 2002 แพ้อุรุกวัยที่มีสตาร์อย่างอัลบาโร เรโคบา , เปาโล มอนเตโร และดาริโอ ซิลวา ก็ต้านไม่ไหว อดไปลุยฟุตบอลโลกชนิดแฟนบอลร่ำไห้ทั้งประเทศเพื่อหนทางสู่ฟุตบอลโลกง่ายขึ้น (ตามที่พวกเค้าคิด) ออสเตรเลียเดินเรื่องขอเข้าร่วม “สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย” หรือเอเอฟซีอย่างจริงจัง พร้อมเหตุผลสวยหรูสร้างความร่วมมือพัฒนาฟุตบอลเอเชีย ต้องการทัวร์นาเมนต์ลับแข้งมากขึ้น แต่ทุกคนทราบดีว่าจุดประสงค์คือ “ตั๋วรอบสุดท้ายอัตโนมัติ” นั่นเอง ในทางปฏิบัติไม่ว่าเป็นเอเชียนเกมส์ , เอเชียนคัพ หรือชิงแชมป์เยาวชน ออสเตรเลียส่งทีมสำรองมาเตะแบบขอไปทีแม้กระทั่งระดับสโมสรยังส่งทีมสำรองมาแข่งแบบไม่ให้ราคา เหมือนกับว่านอกจาก “ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก” ขุนพลออสซี่ไม่อยากสังฆกรรมหนองยุ่งกับเอเชียเท่าไหร่ ชาติอาเซียนยังแทบลืมไปแล้วว่าออสเตรเลียสังกัดเอเอฟเอฟ ยังไม่เคยส่งทีมมาเตะซีเกมส์เลยสักครั้ง เหมือนฟุตบอลเอเชียไม่มีคุณค่าพอให้เค้าต้องเรียกตัวค้าแข้งต่างแดนมาเตะนั่นเองย้อนกลับไปก่อนปี 2006 ทีมชาติออสเตรเลียอุดมไปด้วยผู้เล่นคุณภาพทั้งมาร์ก ชวาร์เซอร์ , ทิม เคฮิลล์ , มาร์ค วิดูก้า และแฮรี่ คีเวลล์ ด้วยขุมกำลังระดับนี้ (ตามความเชื่อเค้า) จะเอาชนะผู้เล่นเอเชียได้อย่างไม่ยากเย็น แต่อะไรที่เหมือนง่าย “มันก็ไม่ง่าย” แม้ทำสำเร็จในปี 2010 และ 2014 หลังจากนั้นลีกเอเชียแข็งแกร่งขึ้น ฟุตบอลเอเชียพัฒนาผิดหูผิดตา ส่งผลให้รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018 หล่นไปอันดับ 3 แต่โชคยังดีเพลย์ออฟเจอโซนคอนคาเคฟอย่างฮอนดูรัส เอาตัวรอดเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ก็ยังต้องเล่นเพลย์ออฟไม่ต่างอะไรกับอยู่โอเชียเนียเลยต่อเนื่องถึงรอบคัดเลือก 2022 ออสเตรเลียแพ้ญี่ปุ่นทั้งไปทั้งกลับ รวมถึงเสมอโอมาน , เสมอจีน , เสมอซาอุฯ ต้องไปตัดกับ UAE อันดับ 3 กลุ่มเอ ยังไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างไร จากการันตีได้เพลย์ออฟ 99 เปอร์เซ็นต์ มาวันนี้กลับลุ้นเลือดตาแทบกระเด็น แค่ผ่านเอเชียหลุดไปเพลย์ออฟยังนับว่างานยาก ไม่แน่ว่าหากย้อนเวลาได้อาจขอเลือกไปถลุงตองกา ถล่มหมู่เกาะซามัว ไล่ยำตาฮิติยังดูง่ายกว่าเยอะ ไม่ควรต้องมาดิ้นรนอะไรอย่างนี้เลยถือเป็น “บทเรียน” จากการประเมินศักยภาพฟุตบอลเอเชียต่ำเกินไป ติดตามกันว่าท้ายสุดแล้วพวกเค้าจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จหรือไม่ หรือออสเตรเลียจะทำให้พวกเรารู้สึกถึงความเป็น “เอเชีย” ได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่หรือเปล่า เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ..ภาพประกอบโดย Socceroos (สหพันธ์ฟุตบอลออสเตรเลีย) : ภาพปก / Socceroos : ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !