มีรายงานว่ากลุ่มทุน ineos (อินีออส) ของ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ได้แสดงความสนใจชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะเดินหน้าเทคโอเวอร์คว้า แมนยู หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจากตระกูลเกรเซอร์ซึ่งมีการยืนยันจากโฆษกของพวกเขาออกมาว่า เจ้านายของกลุ่ม ineos (อินีออส) อย่าง เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ จะเข้าสู่กระบวนการเจรจากับผู้บริหาร ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อหวังซื้อสโมสร โดยมีรายงานระบุต่อว่า พวกเขายินดีที่จะขายสโมสรในราคา 5,000 ล้านปอนด์ แต่ว่ายังไม่มีการยืนยัน ว่าจะมีการยื่นข้อเสนอแรกเข้ามาเท่าไหร่จะใช่ราคาที่ ตะกูลเกลเซอร์ ต้องการหรือไม่ แต่วินาทีนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีการประกาศเกิดขึ้นแล้ว ส่งผลให้ เซอร์จิม กลายเป็นเต็งหนึ่งไปแล้ว ต้องเรียกได้ว่าสำหรับแฟนผีที่ทนทุกข์กับ ตระกูลเลเซอร์ มานานคงอยากรู้จักกับ 1 ใน ตัวเต็ง ว่าที่เจ้าของทีมคนใหม่ว่าเขาคือใครเราลองไปรู้จักกับ เซอร์จิม ว่าเขาเป็นใครมาจากไหนกันอย่างแรกที่หลายคนสงสัย เซอร์จิม รวยจริงไหม ธุรกิจหลักของ เซอร์จิม คือการเป็นผู้ก่อตั้งแล้วก็ CEO ของ ineos (อินีออส) บริษัทด้านเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ซึ่งปัจจุบัน เซอร์จิม ถือหุ้น 2 ใน 3 ของ ineos (อินีออส) โดยคาดการณ์ว่าเขามีทรัพย์สิน ไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านปอนด์ ต้องบอกว่ารวยที่สุดในเกาะอังกฤษเลย ในขณะที่ ตระกูลเลเซอร์ เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีทรัพย์สินราวๆ 3,500 ล้านปอนด์ ถ้าเทียบกันกับบรรดาเจ้าของทีมพรีเมียร์ลีก บอกเลยครับว่า เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มีทรัพย์สินเป็นรองแค่ โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เจ้าของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แล้วก็ ชีคมานซูร์ เจ้าของแมนเชสเตอร์ซิตี้ เท่านั้น นอกจากนี้ ประสบการณ์ เรื่องธุรกิจเกี่ยวกับด้านกีฬา เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนะครับเพราะตอนนี้ เขายังเป็นเจ้าของทีม นีช ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศษ และ สโมสร โลซาน สปอร์ตทีมใน ลีก สวิตเซอร์แลนด์ อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ เซอร์จิม เคยออกโรงวิจารณ์ปีศาจแดงอย่างออกรถออกชาติว่าเบื้องหลังการทำงานการซื้อขายของ แมนยู ห่วยแตกโดยเขาระบุเอาไว้ในปี 2019 “ว่ายูไนเต็ดใช้เงินโง่ซึ่งคุณจะเห็นได้เลยว่า การที่พวกเขาไปซื้อ 'เฟรด' มาในราคา 52 ล้านปอนด์มันดูไม่ฉลาดสักเท่าไหร่” และสิ่งที่แฟนผีอยากให้เขาเป็นเจ้าของทีมอีกอย่างคงเป็นเพราะ เซอร์จิม เป็นแฟนตัวยงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาคือหนึ่งในแฟนบอลที่เคยเข้าไปเชียร์ ปีศาจแดง ในเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก กับ บาเยิร์นมิวนิค ในปี 1999 อีกด้วย และสุดท้ายว่าก็ว่านะครับสมติว่าคุณมีโอกาสได้เป็นเจ้าของทีมที่คุณรักคุณจะไม่ใส่ใจกับมันเลยหรอ แน่นอนคุณอาจจะไม่มองว่ามันเป็นเพียงแค่ธุรกิจเพราะว่าคุณรักมันคุณรู้จักมันแล้วคุณอยากเห็นมันประสบความสำเร็จคุณอาจจะไม่ได้มองแค่ว่าคุณเข้าเป็นเจ้าของทีมแล้วก็หาแต่ผลประโยชน์อย่างเดียวโดยไม่สนอะไรเลย แต่สำหรับ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ มันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเขามีพื้นฐานจากการเป็นแฟนบอลมาก่อน เขาอาจจะไม่ได้รวยระดับเศรษฐีบ่อน้ำมันแต่การมีเจ้าของทีมเป็นแฟนบอลของทีมเอง มันไม่ใช่สิ่งที่เราจะหาได้ง่ายๆและในความคิดส่วนตัวของผมนะครับผมคิดว่า การเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสรเป็น กลุ่มทุน ineos (อินีออส) ของ เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ นี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีครับ ถ้าเกิดเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงลองมองภาพที่ว่า แมนยูจะมีเจ้าของทีมที่เป็นคนชาวอังกฤษและเป็นแฟนตัวยงตั้งแต่เกิด และเขายังมีอีกสองสโมสรที่เราสามารถดึงนักเตะที่น่าสนใจเข้ามาสู่ทีมได้โดยไม่ยากและไม่โดนโกงราคาค่าตัวนักเตะแบบไม่สมเหตุสมผลเหมือนที่ผ่านๆมา เขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในเกาะอังกฤษและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง แมนยู ไปในทางที่ดีขึ้น แค่นี้ในฐานะแฟนบอลผมว่าก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่อยากให้เขามาเป็นเจ้าของทีมอย่าแน่นอน เราคงต้องมาลุ้นกันล่ะครับว่า เซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ จะสามารถซื้อแมนยูได้หรือไม่ และ ตระกูล เกลเซอร์ จะยอมขายในราคาเท่าไหร่ (ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า 5,000 ล้านปอนด์ไม่น่าจะพอ) และบทสรุปสุดท้ายใครจะได้เป็นเจ้าของคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องติดตามกันไปยาวๆล่ะครับเรื่องนี้บทความโดย FAINALLY เครดิตภาพ หน้าปก 1 จาก Facebook/Manchester Unitedหน้าปก 2 จาก Facebook/OGC Niceภาพที่ 1 จาก Facebook/Manchester Unitedภาพที่ 2 จาก Facebook/OGC Niceภาพที่ 3 จาก Facebook/OGC Niceภาพที่ 4 จาก Facebook/OGC Niceภาพที่ 5 จาก Facebook/OGC Niceอัปเดตข่าวสาร ติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบไม่พลาดทุกนัดที่ ทรูไอดี คอมมูนิตี้ ห้อง 'ฟุตบอล'