รีเซต
เขาคือใคร!! รู้จัก มาร์ค โรบิ้นส์ กุนซือโคเวนทรี ผู้เคยเซฟเก้าอี้ เฟอร์กี้

เขาคือใคร!! รู้จัก มาร์ค โรบิ้นส์ กุนซือโคเวนทรี ผู้เคยเซฟเก้าอี้ เฟอร์กี้

เขาคือใคร!! รู้จัก มาร์ค โรบิ้นส์ กุนซือโคเวนทรี ผู้เคยเซฟเก้าอี้ เฟอร์กี้
GOAL
19 มีนาคม 2567 ( 09:00 )
102

ทำความรู้จัก มาร์ค โรบิ้นส์ กุนซือโคเวนทรี จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผู้ที่พาทีมล้มยักษ์ จนทะยานเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ อย่างเหลือเชื่อ 

ทุกสโมสรฟุตบอลต่างมีช่วงเวลาแห่งจุดเปลี่ยนของตัวเอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่หรือมีส่วนสำคัญในการล่มสลาย

สำหรับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แน่นอนว่าต้องเป็นประตูในนาทีที่ 94 ของ เซร์คิโอ อเกวโร ในเกมกับควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ส่วนเชลซีก็เป็นช่วงที่ โรมัน อับราโมวิชตัดสินใจซื้อสโมสรในปี 2003 ด้านเรอัล มาดริดเป็นการเซ็นสัญญากับ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน หรือในยุคใหม่ก็คือประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ เซร์คิโอ รามอส เกมพบกับแอตเลติโก มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 2014

ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จมากที่สุดภายใต้การนำทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่มีช่วงหนึ่งที่ผู้จัดการทีมชาวสกอตแลนด์จวนจะถูกไล่ออก และชายผู้ที่กอบกู้อาชีพของเขาคือผู้เล่นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักชื่อนามว่า "มาร์ค โรบิ้นส์"

ทำไม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงเจอปัญหา?

เฟอร์กูสัน มาถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ดและได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากในปี 1986 หลังจากพาอเบอร์ดีนคว้าแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ชิพ 3 สมัย, สกอตติช คัพ 4 สมัย และยูโรเปี้ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1983 ด้วยการเอาชนะเรอัล มาดริด ในรอบชิงชนะเลิศ

แต่เขาไม่สามารถพาปีศาจแดงประสบความสำเร็จได้ในทันที โดยจบอันดับที่ 11 ในฤดูกาลแรก, อันดับ 2 ในฤดูกาลที่สอง และอันดับที่ 11 อีกครั้งในฤดูกาลที่สาม โดยไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย

ส่วนฤดูกาล 1989-90 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 4 ของเฟอร์กี้ ดูเหมือนหายนะ จะเกิดขึ้นกับยูไนเต็ด เมื่อพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-5 ในเดือนกันยายน และเมื่อถึงเดือนมกราคมก็ลงเล่นในลีกไปแล้ว 6 นัดโดยไม่ชนะเลย พวกเขาตกอยู่ในอันตรายที่จะต้องไปดิ้นรนหนีตกชั้น และแฟน ๆ ต่างก็หันมาต่อต้านผู้จัดการทีมกันแล้ว

และหลังจากเกมแพ้คริสตัล พาเลซคาบ้าน 1-2 แฟนบอลคนหนึ่งได้ชูป้ายข้อความอันโด่งดังที่เขียนว่า "3 ปีแห่งข้อแก้ตัวและความเส็งเคร็ง ไปซะเฟอร์กี้"

 

 

จากนั้นในถ้วยเอฟเอ คัพ ปีศาจแดงต้องโคจรมาเจอกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ โดยเชื่อกันว่าหากต้องพ่ายแพ้ตกรอบในเกมนี้ จะทำให้พวกเขามือเปล่าไร้แชมป์เป็นปีที่ 4 และแน่นอนว่าเฟอร์กูสันจะต้องตกงาน

“ทุกวันก่อนเกมนั้น เราจะได้หยิบหนังสือพิมพ์และอ่านเจอว่าผู้จัดการทีมกำลังจะโดนไล่ออก” วิฟ แอนเดอร์สัน อดีตแบ็คขวาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ผ่านทาง Manchester Evening News เมื่อปี 2015.

ในเวลานั้น การต้องบุกเยือนฟอเรสต์เป็นเกมที่น่าหวาดหวั่นสำหรับยูไนเต็ด เนื่องจากทัพเจ้าป่ายังคงคุมทีมโดยผู้จัดการทีมระดับตำนานอย่าง ไบรอัน คลัฟ ที่เพิ่งจบอันดับสามในลีกและเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพในฤดูกาลก่อนหน้า อีกทิ้งปีศาจแดงยังหมดสิทธิ์ใช้งานแกนหลักอย่าง ไบรอัน ร็อบสัน กัปตันทีมจอมแกร่ง รวมถึง ลี ชาร์ป และ พอล อินซ์

ใครคือ มาร์ค โรบิ้นส์?

มาร์ค โรบิ้นส์ คือชายที่มักได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่ 'ช่วยชีวิต' เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเกมที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นตัวกำหนดอนาคตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เขาเกิดและเติบโตในเมืองแมนเชสเตอร์ ก่อนจะได้เข้าทีมเยาวชนของปีศาจแดงในปี 1984 และถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1988

แม้ว่าจะไม่ใช่นักเตะตัวหลักของทีม แต่เขาได้โอกาสลงสนามไปจับคู่ในแดนหน้าร่วมกับ มาร์ค ฮิวจ์ส ในเกมเอฟเอ คัพ สุดสำคัญที่ต้องบุกเยือนฟอเรสต์

โรบิ้นส์ ในวัย 20 ปี ณ เวลานั้น เป็นผู้ยิงประตูชัยพาทีมเฉือนชนะ 1-0 ในเกมนี้ ด้วยการโหม่งลูกเปิดจากการดีดไซด์ก้อยของ มาร์ค ฮิวจ์ส โดยหลังจบเกมเขาอธิบายถึงประตูนี้ไว้ว่า “มันเป็นสัญชาตญาณ ผมไม่ได้คิดจะพยายามทำประตูแบบไหน ผมก็แค่โหม่งมันไป มันเป็นลูกเปิดที่ยอดเยี่ยมของ มาร์ค ฮิวจ์ส ผมพลาดไม่ได้จริง ๆ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ผมทำประตูได้"

แต่ในตอนนั้น เขาเองก็ไม่รู้ตัวแน่นอนว่า ประตูนี้จะมีความสำคัญมากเพียงใด

เกิดอะไรขึ้นกับ เฟอร์กี้ หลังจากนั้น?

หลังจากเกมนั้น ยูไนเต็ดก็ฝ่าด่านผ่านเข้าไปถึงจนถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ โดยเสมอกับคริสตัล พาเลซ 3-3 ในนัดแรก จากนั้นก็สามารถเอาชนะได้ในนัดรีเพลย์ 1-0 จากประตูชัยของ ลี มาร์ติน จนกลายเป็นถ้วยรางวัลแรกที่สโมสรคว้ามาได้ในเวลา 5 ปี และเป็นจุดประกายยุคอันรุ่งโรจน์ภายใต้การนำทีมของ เฟอร์กูสัน

คัพ วินเนอร์ส คัพ ถูกเพิ่มเข้าไปในตู้เก็บถ้วยรางวัลในปีถัดมา จากนั้นก็เป็นถ้วยลีก คัพ ในปี 1992 และปลดล็อคคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปี ในปี 1993 ซึ่งเป็นการสถาปนาพรีเมียร์ลีกครั้งแรกพอดีด้วย และเมื่อ เฟอร์กูสัน วางมือในปี 2013 เขาพาสโมสรคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ถึง 25 รายการ โดยเป็นแชมป์ลีกถึง 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย

ความสำเร็จของ เฟอร์กูสัน ทำให้เกิดแฟนบอลหน้าใหม่มากมายมหาศาลมาสู่ยูไนเต็ดทั้งในอังกฤษและทั่วโลก จนพวกเขากลายเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เส้นทาง มาร์ค โรบิ้นส์ หลังจากนั้น?

โรบิ้นส์ ยังสามารถยิงได้อีก 2 ประตูในเอฟเอคัพปีนั้น ในเกมรอบห้าที่บุกชนะนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-2 รวมถึงเกมรอบรองชนะเลิศนัดรีเพลย์ที่คว้าชัยเหนือโอลด์แฮม แอธเลติก 2-1

แต่อิทธิพลของเขาที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็จางหายไปไม่นานหลังจากนั้น โดยได้ลงเป็นตัวสำรองในรอบชิงชนะเลิศนัดแรก แต่กลับไม่ได้ลงสนามในนัดรีเพลย์

จากนั้น โรบิ้นส์ ย้ายไปนอริช ซิตี้ ในอีกสองปีต่อมา และทำให้ไม่ได้มีส่วนร่วมในยุคทองของ เฟอร์กูสัน อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีอาชีพการงานที่น่านับถือ โดยได้เล่นให้กับนอริชและเลสเตอร์ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีก รวมถึงเคยไปค้าแข้งในต่างแดนที่เดนมาร์ก, สเปน และกรีซ ก่อนจะแขวนสตั๊ดในปี 2005 ที่เบอร์ตัน อัลเบี้ยน

หลังจากแขวนสตั๊ด โรบิ้นส์ ก็ผันตัวมาทำงานโค้ช โดยเป็นกุนซือของโคเวนทรี ซิตี้ มาตั้งแต่ปี 2017 และเกือบจะพาทีมเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลก่อน ทว่าดันไปแพ้ลูตัน ทาวน์ ในเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบชิงชนะเลิศ

มาร์ค โรบิ้นส์ เซฟเก้าอี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จริงหรือไม่?

อดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง วิฟ แอนเดอร์สัน คิดเช่นนั้นอย่างแน่นอน เขาเชื่อว่าประตูของ โรบิ้นส์ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีความมั่นใจใหม่ ซึ่งกระตุ้นให้พวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ

"ผมจำความรู้สึกโล่งใจหลังจากนั้นได้เลย และความรู้สึกที่อาจจะเป็นปีของเราแล้ว ก็เริ่มต้นขึ้นด้วย” แอนเดอร์สัน กล่าว

“มีความรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นมาใหม่หลังจากชัยชนะครั้งนั้น มันกระตุ้นอะไรบางอย่างและเกิดจุดเปลี่ยนขึ้นกับเรา”

อย่างไรก็ตาม มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ไบรอัน แม็คแคลร์ อดีตเพื่อนร่วมทีมอีกคนที่บอกถึงเรื่องนี้เมื่อปี 2020 ไว้ว่า “ผมไม่เชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง จริง ๆ นะ”

ขณะที่ มาร์ติน เอ็ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสรในขณะนั้น และ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการบริหารของสโมสร ต่างก็เคยแสดงจุดยืนในตอนนั้นมาตลอดว่า เฟอร์กูสัน ไม่ได้อยู่ในความอันตรายที่จะตกงาน แม้ว่าแรงกดดันจากภายนอกจะปฏิเสธไม่ได้ก็ตาม

“เราชนะเกมนี้ และหลังจากนั้นเขาก็คว้าแชมป์ได้ 30 รายการ แต่เขาเคยขอบคุณผมบ้างไหม ก็ไม่นะ” โรบิ้นส์ เคยกล่าวแบบติดตลกไว้เมื่อปี 2009 ช่วงที่เขาเป็นกุนซือของบาร์นส์ลีย์ และได้เจอกับยูไนเต็ด ในถ้วยลีก คัพ

ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องราวของเฟอร์กูสันในปี 1990 เป็นผลมาจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนั้น อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ก็ได้กำหนดไว้แล้วว่า โรบิ้นส์ คือผู้จุดประกายที่ทำให้มันเกิดขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2023/24 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่!
เคล็ดลับการรับชมพรีเมียร์ลีกให้มันส์จุใจในทุกช่องทาง คลิกเลย!

ยอดนิยมในตอนนี้