ก่อนเริ่มบทความผมต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนๆ ปีศาจแดงและสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยนะครับที่สามารถคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ประจำฤดูกาล 2022/2023 ไปครองได้สำเร็จ หลังเผด็จศึกชนะ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิลไป 2-0 ที่ผมแสดงความยินดีก็เพราะเข้าใจในความรู้สึกของการรอความสำเร็จที่รอมายาวนาน เพราะลิเวอร์พูลที่ผมเชียร์ก็เคยรอความสำเร็จมาเหมือนกัน หวังว่านี่จะเป็นการเปิดศักราชความสำเร็จในยุคของเอริก เทน ฮากได้นะครับ (ถึงแม้อยากจะให้ล้มเหลวก็ตาม ตามประสาแฟนบอลคู่อริ555555555555) ส่วนเนื้อหาของบทความนี้ผมจะมาพูดถึง "เดอะ เกษม" หรือพี่บ่าวเกษมวิโรจน์ คาเซมิโร่ กองกลางตัวรับคนสำคัญของแมนยูที่ผมคิดว่านี่คือ "จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ" ที่จะทำให้แมนยูกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งสำหรับคาเซมิโรนั้นย้ายมาร่วมทัพแมนยูในช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นดีลที่เซอร์ไพรส์แฟนบอลสุดๆ เพราะเจ้าตัวพึ่งประสบความสำเร็จคว้าดับเบิลแชมป์กับเรอัล มาดริดมาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แถมค่าตัวก็สูงถึง 60 ล้านปอนด์กับนักเตะที่อายุเข้าหลักเลข 3 แล้ว แต่สุดท้ายพี่บ่าวเกษมก็เลือกที่จะหาความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการย้ายข้ามฝากมาอยู่ที่เกาะอังกฤษและได้เลือกปีศาจแดงเป็นสถานีปลายทางและในช่วงแรกเหมือนว่าคาเซนั้นยังต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบจำนวนนัดแล้วนั้นถือว่าน้อยมากๆ ใช้เวลาเพียงไม่มีเกมก็สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้แล้ว คาเซมิโรเป็นจากกองกลางที่โดนค่อนขอดว่าย้ายมารับตังค์กับแมนยูอย่างเดียว กลายมาเป็นคีย์แมน กองกลางคนสำคัญที่ทีมขาดไม่ได้ คอยปัดกวาดเกมรุกของคู่แข่งได้ตลอดเวลา แถมยังสามารถขึ้นไปทำประตูหรือจ่ายบอลแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมได้อยู่หลายครั้ง และจนถึงตอนนี้คาเซมิโรลงเล่นให้แมนยูไปแล้ว 33 นัด มีส่วนร่วมกับประตูที่แมนยูได้มาถึง 10 ลูกแล้ว แบ่งเป็นยิง 5 แอสซิสต์ 5 กลายเป็นว่านอกจากเกมรับที่สุดยอดแล้ว เกมรุกก็มีส่วนช่วยทีมไม่น้อยเลยการมาของคาเซมิโรนั้นมันยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่รอย คีน อดีตกัปตันของปีศาจแดงเคยพูดไว้ว่า แมนยูไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ด้วยคู่กองกลางอย่างสก็อตต์ แมคโทมิเนย์และเฟร็ดนั้นถูกต้อง เพราะนี่ผ่านไปเพียงครึ่งฤดูกาลแรกที่มาร่วมทัพของคาเซมิโรก็สามารถพาแมนยูได้แชมป์ไปแล้ว 1 รายการ ซึ่งตัดภาพไปที่คู่หูแมคเฟร็ดนั้นเล่นร่วมกันมาหลายฤดูกาลแล้วแต่ไม่สามารถพาแมนยูได้แชมป์ซักรายการเดียว ใกล้เคียงสุดคือรองแชมป์ยูโรปา ลีกในยุคของโอเล กุนนาร์ โซลชาคลาสบอลระดับโลกของคาเซมิโรนั้นเข้ามายกระดับกองกลางของแมนยูได้อย่างสุดยอดและมันสุดยอดจนเด่นชัดมากๆ เป็นเวลาหลายฤดูกาลแล้วที่แมนยูไม่ได้มีกองกลางตัวรับที่สุดยอดขนาดนี้ คนล่าสุดที่เห็นก็คือเนมานยา มาติชที่ในช่วงหลังก่อนย้ายออกไปก็แทบไม่ได้ลงเล่นให้ผีแดงเลย ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าที่ผ่านมาทำไมแมนยูถึงทนใช้แมคเฟร็ดมาได้หลายฤดูกาล เพราะคนนึงก็ไม่เคยมีบอลแรกออกจากเท้าเลย แต่งตัวจัดท่าทางนานมากกว่าจะจ่ายบอล ส่วนอีกคนก็โดนเรียกว่าบราซิลเสินเจิ้น เล่นเกมรับไม่ได้เลย เบียดสู้ใครก็ไม่ได้ จ่ายบอลก็ไม่ตรงเพื่อน แต่กับคาเซมิโรนั้นสามารถทำทุกอย่างที่ 2 คนนั้นไม่สามารถทำได้มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าปะทะ การตัดบอล การจ่ายบอลที่แม่นยำ ออกบอลให้เพื่อนได้เปรียบเล่นต่อได้ มันแสดงให้เห็นว่านักฟุตบอล "ระดับโลก" นั้นเป็นอย่างไรนอกจากนี้สิ่งที่ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของคาเซมิโรก็คือเกมที่แมนยูบุกไปแพ้ต่ออาร์เซนอล 3-2 ซึ่งในเกมนั้นคาเซมิโรไม่ได้ลงเล่น เนื่องจากถูกแบนจากการสะสมใบเหลืองครบโควต้าในเกมที่ไปเยือนและเสมอคริสตัล พาเลซ รวมไปถึงช่วงที่ถูกแบน 3 นัดในเกมลีกเหมือนกันที่ได้รับใบแดงเกมที่เปิดบ้านเจอคริสตัล พาเลซ ซึ่งดูเหมือนแมนยูเล่นได้อย่างไม่ค่อยมั่นคงเวลาที่ไม่มีเจ้าตัวอยู่ในสนามไม่เพียงแต่ช่วยภาพรวมของทีมให้มันดีขึ้น ในตัวของเพื่อนร่วมทีมพี่บ่าวเกษมนั้นก็ช่วยยกระดับเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ "เฟร็ด" ที่ในทีมชาติบราซิลเวลาลงเล่นด้วยกันเฟร็ดนั้นจะโชว์ฟอร์มได้ดี ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็เช่นกันกับที่แมนยู เทน ฮากนั้นจับทั้งคู่ลงเล่นด้วยกันหลายนัดและผลงานก็เหมือนในทีมชาติ เพราะเฟร็ดนั้นเล่นดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา เล่นดีขึ้นแบบเล่นดีขึ้นจริงๆ กลายเป็นคนที่มีประโยชน์ของแมนยู ซึ่งถึงแม้เขาจะเบียดคู่แข่งไม่ค่อยได้ แต่เขาเป็นคนที่คอยเกะกะคู่แข่งอยู่ตลอดก่อนที่จะไปคาเซมิโร และเวลาที่แมนยูเล่นเกมรุก เฟร็ดก็จะวิ่งเติมขึ้นไปและคอยซัพพอร์ตเพื่อนๆ ในแนวรุก บางครั้งก็แอสซิสต์ได้และถึงขั้นยิงประตูสำคัญๆ ให้กับทีม เหมือนในเกมยูโรปา ลีกนัดล่าสุดที่เปิดบ้านชนะบาร์เซโลนาได้ โดยเขาเป็นคนที่ยิงประตูตีเสมอให้กับทีม ทำให้แมนยูกลับเข้าสู่เกมได้อีกครั้ง ก่อนที่จะแซงชนะเจ้าบุญทุ่มไปได้นอกจากนี้ด้วยประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จมาอย่างมากมายกับราชันชุดขาว ทำให้คาเซมิโรนำสิ่งนี้มามอบให้กับทางแมนยูด้วย ภาวะความเป็นผู้นำ ภาวะความเป็นผู้ชนะ ประสบการณ์มากมายของคาเซมิโรนั้นสามารถพาให้แมนยูเก็บชัยชนะมานักต่อนักแล้ว และแน่นอนในนัดชิงชนะเลิศเกมคาราบาว คัพก็ไม่ต่างกัน การผ่านนัดชนะเลิศมาหลายนัด ทำให้แมนยูสามารถคุมสถานการณ์ที่ได้เปรียบนิวคาสเซิล ไม่ลนลานเวลาถูกโถมเกมรุกใส่ มีสมาธิจนจบเกม ซึ่งก็เป็นพี่บ่าวเกษมนี่แหละที่โขกประตูทำให้แมนยูขึ้นนำไปก่อน จนสุดท้ายสามารถคว้าแชมป์ไปได้ในท้ายที่สุดคาเซมิโรคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่แมนยูรอมานานนนนนน เขาแสดงให้เห็นคลาสบอลระดับโลก ภาวะความเป็นผู้นำ ภาวะความเป็นผู้ชนะ ความดุดันและพลังงานในแดนกลาง จนสามารถพาทีมประสบความสำเร็จไปแล้ว 1 รายการ แถมยังมีลุ้นอีก 3 รายการและเป็นทีมเดียวในยุโรปที่มีลุ้น 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ นี่คือหนึ่งในนักเตะแมนยูที่ผมชื่นชอบมาก แถมชอบมาตั้งแต่สมัยที่อยู่กับเรอัล มาดริดแล้ว สุดท้ายนี้ขอแสดงความยินดีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและแฟนๆ ผีแดงที่สามารถคว้าแชมป์คาราบาว คัพอีกครั้งนะครับ และรบกวนรอทีมรักของผมอย่างลิเวอร์พูลเปลี่ยนถ่ายทีมหน่อยนะครับ แล้วจะกลับมาสู้ใหม่ด้วย5555555555555555ขอบคุณภาพประกอบจากOfficial Instagram ของคาเซมิโรOfficial Facebook ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดภาพปก1, ภาพปก 2 และภาพปก 3ภาพประกอบ 1, ภาพประกอบ 2, ภาพประกอบ 3, ภาพประกอบ 4, ภาพประกอบ 5Community คอบอล ถกประเด็นร้อนฟุตบอลทุกลีก ใครตัวเต็ง ใครฟอร์มตก ต้องเคลียร์