รีเซต
พลาดที่จุดไหน : ทำไมหน้าเป้าของเชลซี ถึงแป้กมากกว่าปัง | Main Stand

พลาดที่จุดไหน : ทำไมหน้าเป้าของเชลซี ถึงแป้กมากกว่าปัง | Main Stand

พลาดที่จุดไหน : ทำไมหน้าเป้าของเชลซี ถึงแป้กมากกว่าปัง | Main Stand
เมนสแตนด์
4 กรกฎาคม 2565 ( 14:00 )
1.1K

โรเมลู ลูกากู คือกองหน้ารายล่าสุดที่เข้าสู่ทำเนียบความล้มเหลว กับการย้ายมาร่วมทัพสิงโตน้ำเงินคราม "เชลซี" หลังจากทุ่มเงิน 97.5 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสโมสรคว้าตัวมา แต่กองหน้าชาวเบลเยียมก็ต้องเก็บของออกไปยืมตัวกับทีมอื่นในเวลาเพียงฤดูกาลถัดมาเท่านั้น


 

ความล้มเหลวของลูกากูไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะเขาเป็นแค่กองหน้าอีกหนึ่งรายที่เดินตามรอย เฮอร์นาน เครสโป, อาเดรียน มูตู, อังเดร เชฟเชนโก้, อัลบาโร โมราต้า และอีกหลายต่อหลายคนที่เรียงหน้ามาล้มเหลวในเชลซี 

เหตุใดที่ทำให้กองหน้าชื่อดังหลายคนล้มเหลวไม่เป็นท่ากับเชลซี ทั้งที่พวกเขาก็เคยยิงกระจายกับทีมอื่น ๆ มาแล้วทั้งนั้น ติดตามไปกับ Main Stand 

 

ซื้อมั่วไม่ดูให้ดี 

เหตุผลสำคัญที่ทำให้เชลซีล้มเหลวกับกองหน้าหลาย ๆ คน ก็ต้องบอกว่าพวกเขาติดกับดักความสำเร็จของตัวเองในอดีต นั่นคือความยิ่งใหญ่ของ จานฟรังโก้ โซล่า กองหน้าชาวอิตาลี ระดับตำนานของทีม

เชลซี จ่ายเงินเพียง 4.5 ล้านปอนด์ ในปี 1997 เพื่อซื้อโซล่าจาก ปาร์ม่า ในศึกเซเรีย อา อิตาลี มาเป็นกองหน้าคนใหม่ของสโมสร และเขาคือหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมในเวลาต่อมา ผลงาน 80 ประตูจาก 311 นัดของโซล่าทำให้ชื่อของเขาถูกแขวนอยู่ที่กำแพงตำนาน ณ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ มาจนถึงปัจจุบัน 

ความสำเร็จของโซล่าสร้างมุมมองหลายอย่างให้กับสโมสรเชลซี หนึ่งในนั้นคือความเชื่อว่า กองหน้าที่ทำผลงานได้ดีในอิตาลีคือกองหน้าที่เก่งจริง เป็นของจริง และเชื่อว่าจะทำผลงานได้ดีกับเชลซี 

ดังนั้นกองหน้าคนไหนที่ยิงระเบิดในลีกสูงสุดของอิตาลี เชลซีจะหาทางซื้อมาให้ได้ เริ่มต้นจากในปี 2003 ที่โซล่าอำลาเชลซีไป ทัพสิงโตน้ำเงินครามก็ซื้อกองหน้าตัวฉกาจจากอิตาลีมาถึง 2 คน

รายแรกคือ เฮอร์นาน เครสโป ที่ฝากผลงาน 128 ประตูไว้กับ ปาร์มา และ ลาซิโอ อีกคนคือ อาเดรียน มูตู กองหน้าที่ยิง 40 ประตูจาก 4 ฤดูกาลในเวทีเซเรีย อา ทั้งสองคนถูกวางตัวไว้ให้เป็นตัวแทนของโซล่า และจะเข้ามาเป็นขวัญใจคนใหม่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 

แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เครสโป ไม่สามารถปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษได้ เขายิงได้เพียง 12 ประตูในฤดูกาลแรก และถูกปล่อยยืมตัวทันทีในฤดูกาลถัดมา 

ส่วนมูตูมีชะตากรรมที่ไม่ต่างกันนัก เขายิงได้แค่ 10 ประตูในฤดูกาลนั้น และเตรียมจะโดนทีมเขี่ยทิ้งแต่มาโดนแบนยาว 1 ฤดูกาล ด้วยข้อหาเสพโคเคนเสียก่อน และหลังจากพ้นโทษแบนเชลซีก็เขี่ยเขาทิ้งออกจากทีมทันที 

แม้ว่าจะล้มเหลวกับสองนักเตะที่ซื้อมาจากลีกอิตาลี แต่เชลซีก็ไม่หยุดอิมพอร์ตกองหน้าคนใหม่จากเซเรีย อา เพราะในปี 2006 เจ้าของทีมในเวลานั้นอย่าง โรมัน อบราโมวิช สั่งซื้อ อันเดรีย เชฟเชนโก้ กองหน้าระดับตำนานของ เอซี มิลาน มาร่วมทีมด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 30.8 ล้านปอนด์ โดยไม่ฟังคำค้านจากผู้จัดการทีมอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่แย้งว่านักเตะรายนี้ไม่เหมาะกับสโมสร

จากกองหน้าที่เคยยิง 173 ประตูจาก 296 เกมให้มิลาน กลายเป็นกองหน้าสุดฝืดที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยการยิงได้เพียง 22 ประตูจาก 77 นัดที่ลงสนามเท่านั้น 

นอกจากนี้ยังมี อัลบาโร โมราต้า ที่แม้จะไม่ได้ย้ายโดยตรงมาจากลีกอิตาลี แต่เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างมากกับผลงานที่ยูเวนตุส ถึงขนาดติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่าในปี 2015 อีกด้วย นั่นจึงทำให้เขาได้ย้ายกลับไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ก่อนที่เชลซีจะจ่ายเงิน 60 ล้านปอนด์ซื้อโมราต้ามาร่วมทีม ซึ่งนี่เป็นราคาสถิติของสโมสร

ไม่ต่างจากเชฟเชนโก้และกองหน้าคนอื่น ๆ โมราต้าปรับตัวไม่ได้กับการเล่นในอังกฤษ และด้วยผลงานการยิงแค่ 24 ประตูจาก 74 เกมก็มากพอที่จะทำให้กองหน้าชาวสเปนโดนเฉดหัวออกจากทีมจนเล่นไม่ครบ 2 ฤดูกาล 

ล่าสุดคือ โรเมลู ลูกากู กับการซื้อกองหน้าราคาสถิติสโมสรอีกรอบ และถูกดึงมาจากลีกอิตาลีอีกครั้ง หลังลูกากูออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายไปประสบความสำเร็จกับ อินเตอร์ มิลาน แต่ตอนนี้ลูกากูก็ยังคงล้มเหลวเช่นเดิมกับการเล่นให้สโมสรใหญ่ในอังกฤษ หลังจากทำผลงานน่าผิดหวัง ยิงแค่ 15 ประตูจาก 44 นัดให้เชลซี และกองหน้าชาวเบลเยียมรายนี้ก็โดนเขี่ยทิ้งกลับไปเล่นที่ อินเตอร์ มิลาน อีกรอบ หลังผ่านไปปีเดียวแบบไม่มีรีรอ

ในความเป็นจริงแล้วกองหน้าเหล่านี้ล้วนเป็นกองหน้าที่ดีที่มีความสามารถ พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงผลงานอันยอดเยี่ยมมาแล้วกับหลาย ๆ สโมสร แต่สิ่งหนึ่งที่กองหน้าเหล่านี้ไม่มีคือการปรับตัวให้เขากับฟุตบอลอังกฤษและ DNA ของสโมสร

เป็นที่รู้กันดีว่าถ้าจะเอาตัวรอดให้ได้ในฟุตบอลอังกฤษ แค่เก่งมันไม่พอแต่ต้องปรับตัวให้ได้ด้วยกับฟุตบอลสุดโหด ทั้งการเล่นในสนามที่เป็นฟุตบอลเข้าหนักถึงลูกถึงคน แถมการแข่งขันยังเตะถี่ทำให้ต้องมีสภาพร่างกายที่พร้อมลงเล่นได้ตลอดกับฟุตบอลวิ่งสู้ฟัดไม่มีวันหมดแบบนี้ 

ความเสี่ยงของการซื้อนักเตะนอกลีกเข้ามาเล่นคือการต้องปรับตัวให้ได้กับแนวทางการเล่นที่ไม่คุ้นชินมาก่อน โดยเฉพาะการย้ายมาจากลีกอิตาลีที่เล่นด้วยสไตล์แตกต่างกันชัดเจน 

สิ่งที่เชลซีเจอคือ กองหน้าทุกคนที่พวกเขาซื้อมาด้วยราคาแพงระเบิด (ตามยุคสมัย) ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้

เครสโป ต้องการย้ายกลับอิตาลีทันทีหลังผ่านไปฤดูกาลเดียว เนื่องจากรู้ตัวว่าเข้ากับเกมลูกหนังแดนผู้ดีไม่ได้, เชฟเชนโก้ และ โมราต้า ก็เห็นได้ชัดว่าเมื่อเจอบอลที่แข็งแกร่งสไตล์พรีเมียร์ลีกก็ไปไม่เป็น หรือล่าสุดกับลูกากูที่ปรับตัวกับเชลซีไม่ได้ และงอแงอยากย้ายออกจากทีมตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งฤดูกาลแรก (ก่อนได้ออกจากทีมสมใจอยาก)

อาจดูเป็นคำที่รุนแรง แต่นักเตะหลายคนที่ย้ายมาอยู่กับเชลซีไม่ได้มีใจจะเล่นให้ทีมถึงขนาดจะทุ่มทุกอย่างเพื่อพาสโมสรแห่งนี้ประสบความสำเร็จ

โชเซ่ มูรินโญ่ เคยโจมตีเครสโปว่าไม่มีใจที่จะเล่นให้เชลซี จึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกปล่อยนักเตะรายนี้ออกจากทีมไป, เชฟเชนโก้พูดจากปากตัวเองว่าเขาไม่เคยอยากออกจากเอซี มิลาน ไปเล่นให้เชลซีถ้าสามารถเลือกได้ และล่าสุดกับลูกากูที่ทิ้งเชลซีไปแบบไม่มีเยื่อใยใด ๆ ทั้งสิ้น 

เรียกได้ว่ากองหน้าของเชลซีหลายคนไม่ใช่แค่ไม่เข้ากับฟุตบอลอังกฤษ แต่ยังไม่ได้อยากจะพัฒนาตัวเองเพื่อสโมสรอีกด้วย สุดท้ายแข้งหลายคนจึงได้แต่เข้ามาและฝากความล้มเหลวไว้ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 

 

ไม่มีที่ว่างของความล้มเหลว

ถึงแม้ว่าตัวนักเตะจะเป็นส่วนสำคัญในเรื่องการย้ายมาล้มเหลวกับเชลซี แต่จะโทษเหล่าแข้งชื่อดังอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะตัวทีมเชลซีเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กองหน้าเหล่านี้ถูกจารึกชื่อในฐานะนักเตะที่ล้มเหลวเช่นกัน 

นับตั้งแต่ที่เชลซีเปลี่ยนเจ้าของมาสู่ยุคโรมัน อบราโมวิช สิ่งเดียวที่เชลซีต้องการคือการคว้าแชมป์ ชนิดที่เรียกว่าห้ามล้มเหลวเป็นอันขาด ดังนั้นสำหรับสโมสรแห่งนี้มุมมองที่มีให้กับนักฟุตบอลจึงมีแค่สองมุมเท่านั้น

มุมแรกคือ ถ้าเข้ามาเป็นสมาชิกของเชลซีและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แฟนบอลก็จะรักและเทิดทูนนักเตะรายนั้นมาก ดังเช่นสิ่งที่ จอห์น เทอร์รี่, ปีเตอร์ เช็ก, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, โคลด มาเกเลเล่, ไมเคิล เอสเซียง, เอเดน อาซาร์, เอ็นโกโล่ กองเต้, เชส ฟาเบรกาส ได้การยอมรับ หากนักเตะคนไหนสามารถสร้างความสำเร็จให้กับสโมสร แฟนบอลไปจนถึงทีมผู้บริหารก็พร้อมมอบใจทั้งใจให้ในทันที

แต่ถ้าคุณเล่นแย่จะไม่มีความรักใด ๆ จากแฟนเชลซีทั้งนั้น จะไม่มีกรณีการเชิดชูผู้เล่นตัวสำรองเหมือนที่ลิเวอร์พูลยกย่อง ดิวอค โอริกี ในฐานะอีกหนึ่งในตำนานของทีม เพราะถ้าคุณเป็นได้แค่ตัวสำรองที่เชลซี ในมุมมองของแฟน ๆ หมายความว่านักเตะเหล่านี้ดีไม่พอที่จะเล่นให้กับเชลซี และทุกคนต้องการแข้งรายใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาแทนนักเตะที่อยู่บนม้านั่งสำรองเหล่านั้นเสมอ

ยิ่งประกอบกับที่เชลซีเป็นทีมที่ต้องการความสำเร็จทุกปี นั่นจึงทำให้ผู้เล่นที่ย้ายมาอยู่กับเชลซีไม่มีเวลาที่จะได้ปรับตัวหรือค่อย ๆ เรียนรู้แทคติกของทีม เพราะทุกคนจะคาดหวังให้นักเตะที่ย้ายมาเป็นสมาชิกทีมสิงโตน้ำเงินครามต้องเล่นดีในทันทีจนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมและพาทีมไปสู่ความสำเร็จ 

เชลซีคือทีมที่แทบจะไม่ซื้อนักเตะเพื่อหวังให้ผู้เล่นเหล่านั้นเป็นตัวสำรองเลย สโมสรแห่งนี้ซื้อทุกคนเพราะต้องการให้ผู้เล่นเหล่านั้นขึ้นมาเป็นตัวจริงให้ได้ และถ้าทำไม่ได้ก็ถือว่าไม่ดีพอ

ข้อดีของแรงกดดันมหาศาล คือมันช่วยให้เชลซีได้นักเตะเข้ามาแล้วพาทีมประสบความสำเร็จได้ทันที แต่สำหรับหลายคนมันกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ช่วยให้นักเตะมีความสุขนัก 

กองหน้าของเชลซีคือผู้เล่นที่รับแรงกดดันมากที่สุด เพราะพวกเขาหลายคนย้ายมาในฐานะนักเตะสถิติค่าตัวของสโมสร และสิ่งเดียวที่แฟนบอลคาดหวังคือการยิงประตูจำนวนมากเพื่อพาทีมให้เป็นแชมป์ 

แน่นอนว่านักฟุตบอลหลายคนล้มเหลว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพแวดล้อมของเชลซีไม่ได้สร้างแรงผลักด้านบวก เช่น การสร้างแรงสนับสนุนจากแฟนบอล หรือการสร้างความเชื่อมั่นจากทีมงานโค้ชและผู้บริหาร ในทางตรงกันข้ามเชลซีพร้อมจะกาหัวว่านักเตะรายนี้ดีไม่พอ และมูฟออนไปหากองหน้ารายใหม่ทันที

เฮอร์นาน เครสโป, อาเดรียน มูตู, มาเตย่า เคซมัน, อันเดรีย เชฟเชนโก้, อัลบาโร โมราต้า และ โรเมลู ลูกากู ต่างได้เล่นกับเชลซีไม่เกิน 2 ฤดูกาล หลังจากนั้นพวกเขาก็จะถูกปล่อยยืมหรือขายทิ้ง ซึ่งหากให้โอกาสแข้งเหล่านี้อีกสักหน่อย ลดความคาดหวัง ลดความกดดันลงมา บางทีแข้งเหล่านี้อาจทำผลงานได้ดีขึ้นก็ได้ แต่เราก็เห็นว่าเชลซีไม่เคยสนใจทำแบบนั้น ถ้าล้มเหลวพวกเขาพร้อมเขี่ยนักเตะเหล่านี้ทิ้งและเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนว่าใครจะเอาชื่อมาทิ้งที่นี่ไหม

การเดินหน้าของทีมในลักษณะนี้ก็เหมือนดาบสองคม การเปลี่ยนทีมที่รวดเร็วทำให้เชลซีเป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลา และทำให้นักฟุตบอลหลายคนพัฒนาจนเป็นแข้งระดับโลกได้ไวกว่าที่หลายทีมทำได้ แต่อีกด้านมันก็ทำให้เชลซีเลือกมองข้ามของดีที่ต้องใช้เวลาปลุกปั้น จนสุดท้ายย้ายไปเป็นสุดยอดนักฟุตบอลกับทีมอื่น เช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ เควิน เดอ บรอยน์

ท้ายที่สุดแล้วความล้มเหลวของกองหน้าหลายคนในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการทำทีมแบบเชลซีในตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะหากต้องการประสบความสำเร็จให้เร็วโอกาสล้มเหลวของนักฟุตบอลก็มากขึ้นเช่นกัน

แต่สุดท้าย เชลซี ก็ไม่ได้สนใจแข้งที่ล้มเหลวมากนัก พวกเขาสนใจแค่นักเตะที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น ทั้ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา, นิโกลาร์ อเนลก้า, เฟร์นานโด ตอร์เรส, ดิเอโก้ คอสต้า หรือ โอลิเยร์ ชิรูด์ ซึ่งรายชื่อที่กล่าวมานี้เป็นส่วนสำคัญในการคว้าถ้วยแชมป์ใบต่าง ๆ มาสู่เชลซี 

ดังนั้นจะล้มเหลวกี่คนก็ไม่สำคัญ ถ้าหากว่ามันนำไปสู่การได้ตัวกองหน้าคนใหม่ที่จะประสบความสำเร็จไปพร้อมกับทีม แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับสโมสรแห่งนี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://web.archive.org/web/20160219224914/http://gazzettaworld.gazzetta.it/news/serie-a/juventus/six-nominees-team-of-year/
https://www.abc.net.au/news/2005-06-23/milan-reject-chelseas-world-record-bid-for/1599874
https://thesefootballtimes.co/2017/08/08/why-did-andriy-shevchenko-and-hernan-crespo-fail-to-ignite-at-chelsea/

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-------------------------------------------------

ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!

รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ << คลิกที่นี่

อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก

หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ

541